xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

เด็ดหัว “3 ป.” เป้าลวง เป้าจริงสอย “นั่งร้าน” ขย่มเก้าอี้เสียบ รมต.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ป้อมพระสุเมรุ

ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -
เป็นมวยไทย อาจถูกไล่ลงตั้งแต่ยกแรก

เพราะทำท่าจะออกทะเล ตั้งแต่ต้น “ศึกซักฟอก” ญัตติอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลของทางพรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่อุตส่าห์โหมโรง ตั้งชื่อยุทธการใหญ่โต “เด็ดหัว สอยนั่งร้าน”

หมายมั่นว่าจะเป็น “ดาบสุดท้าย” ที่จะสอยรัฐบาลชุดนี้ น็อก “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ร่วงคาสภาฯ

เอาเข้าจริงฝ่ายค้านตั้งท่า “เล่นใหญ่” มาตั้งแต่เปิดเทอมสมัยประชุมนี้ แต่ผ่านมาเดือนเศษ รัฐบาลก็ยังไม่สะทกสะท้าน ทั้งที่ปัญหาประดังประเด โดยเฉพาะเรื่องค่าครองชีพ เศรษฐกิจย่ำแย่ ประชาชนเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า แต่ฝ่ายค้านบ่มิไก๊ ไม่มีจังหวะที่จะน็อครัฐบาลได้เลย

แมตซ์ใหญ่อย่างการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 วาระแรก ที่ตอนนั้นมีการก่อหวอดของพรรคเศรษฐกิจไทย และพรรคเล็ก เคลมเสียงมีในมือไม่ต่ำ 30-40 เสียง ที่เรียกว่าหากพลิกข้างโหวตให้ร่างงบประมาณตกขึ้นมา รัฐบาลโดยนายกฯก็ต้องรับผิดชอบด้วยการลาออก หรือยุบสภา

ทำเอาฝ่ายค้านที่นำโดยพรรคเพื่อไทย เต้นตื่นคึกคักไปด้วย
หวังว่าจะได้ทีล้างไพ่เลือกตั้งใหม่พลิกขั้วอำนาจกันเลยทีเดียว แต่ถึงเวลาจริงผ่านฉลุย แบบไม่มีเสียว หลังเจรจาต่อรองเก้าอี้กรรมาธิการงบประมาณกันลงตัว

ศึกซักฟอกที่จะมาถึงก็ทำท่าจะเข้าอิหรอบเดียวกัน แม้ “ฝ่ายแค้น” ที่นำโดยพรรคเศราฐกิจไทย ของ “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า จะประสานเสียงกับ “เฮียหมา” พิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ หัวหน้ากลุ่ม 16 แยกเขี้ยวขู่ฟ่อว่า 11 รายที่ถูกยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะโหวตให้ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เพียงคนเดียว

ส่วนคนอื่นได้ลุ้นเป็นลูกผี-ลูกคนทั้งหมด

ทว่าตั้งแต่ตั้งต้น การยื่นญัตติของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ก็ออกแนวทะแม่งๆ จากเดิมที่ล็อกเป้าเอาแค่ “3 ป.” ตามยุทธศาสตร์ขยี้ผลงานรัฐบาล พ่วงด้วยปมสืบทอดอำนาจ หวังผลถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า

ก่อนจะปรับแผนว่าขอพ่วง “คีย์แมน” ของ 3 พรรคร่วมรัฐบาล “หัวหน้าพรรค-เลขาธิการ” ตามคิวที่ต้องเช็กบิล “งูเห่า” ที่เลื้อยเข้า “ค่ายเซราะกราว” พรรคภูมิใจไทย ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ก็คู่แข่งทางการเมืองที่ต้องตัดกำลัง

ทำไปทำมาเมื่อกางชื่อผู้โชคดีออกมาถึง 11 ราย คือนายกฯ บวกกับอีก 10 รัฐมนตรี เท่ากับกลยุทธ์อะไรที่วางไว้ “มั่วซั่ว” ไปหมด

โดยรายชื่อสุดท้ายประกอบด้วย “พี่น้อง 3 ป.” นำโดย “บิ๊กตู่” พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม, “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย

ส่วนที่เหลือเป็น 3 รัฐมนตรีจากพรรคพลังประชารัฐ “เสี่ยโอ๋” ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และ “เฮียสันติ” สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง และ 2 รัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทย มี “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรค และ “เสี่ยโอ๋” ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เลขาธิการพรรค

ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ โดน 3 ราย นำโดย “เสี่ยอู๊ด” จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์, “เสี่ยไก่” จุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และ “นายหัวนิพนธ์” นิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย

มีเสียงแซวว่าหว่านแหขนาดนี้ยังมีชื่อตกหล่นให้คนติดใจ ทั้ง “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ที่หลุดไปอย่างงงๆ ทั้งในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ตามกลยุทธ์ หรือการที่เป็นกระทรวงใหญ่ งบประมาณมหาศาล กลับไม่มีเรื่องส่งกลิ่นบ้างก็กระไรอยู่ เฉกเช่นเดียวกับ “รองฯพงษ์” สุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาว์ รองนายกฯและ รมว.พลังงาน ที่รอดไปอย่างเหลือเชื่อในประเด็นวิกฤตราคาพลังงาน

จนถูกมองว่าการบื่ยซักฟอกรัฐบาลรอบนี้ เป็นวาระที่หวังผลทางการเมือง มากกว่าวาระตามข้อเท็จจริง หรือปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน

ไม่เท่านั้นการทำญัตติยังทำกันแบบ “มือสมัครเล่น” เปิดช่องให้ “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน หนึ่งในรัฐมนตรีที่มีชื่อถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ออกมาล้งเล้งว่าเป็น “ญัตติเถื่อน” และยื่นคำร้องต่อ ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ตรวจสอบว่า มีการสอดไส้เพิ่มชื่อรัฐมนตรี ที่จะถูกอภิปราย จาก 10 คนเป็น 11 คนหรือไม่
แล้วคนที่ถูกยัดชื่อเข้ามาในภายหลังก็คือตัว “สุชาติ” เอง ซึ่งเจ้าตัวก็ระบุว่าเป็นเพราะ “ผู้มีอิทธิพลนอกฝ่ายค้าน” ส่งชื่อตัวเองเข้ามาในนาทีสุดท้าย

ไล่เรียงตามเอกสารสำเนาญัตติก็ดูจะเป็นเช่นนั้นจริง เพราะชื่อของ “เสี่ยเฮ้ง” ที่เป็น “รัฐมนตรีว่าการ” กลับไปมีชื่อต่อท้ายอยู่หลัง “รัฐมนตรีช่วยว่าการ” ที่ตามปกติไม่ทำกัน

แล้วยังมีคำสารภาพกลายๆของ “คีย์แมนฝ่ายค้าน” ทั้ง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ตลอดจน สุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน เองก็ยอมรับว่า มีการให้ ส.ส.บางส่วนเซ็นญัตติก่อนที่มีชื่อของ “สุชาติ” เข้ามาจริงๆ

เอาจริง เรื่องยื่นชื่อเพิ่ม สอดไส้ทีหลัง ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เอาชื่อออก-ชื่อเข้าตามระเบียบสามารถทำได้ ภายหลังการยื่นญัตติไปแล้ว โดยยื่นเพิ่มเติมให้แก่ประธานสภาฯ แต่นี่กลับทำแบบลับๆ ล่อๆ ให้ “มีตำหนิ” ร้อนถึง “ประธานชวน” ต้องส่งญัตติกลับให้ฝ่ายค้านลงนามยืนยัน

เรื่อง “ญัตติเถื่อน” ไม่ใช่เรื่องการทำเอกสารไม่เป๊ะเท่านั้น ยังสะท้อนไปว่างานนี้ “มีนอก-มีใน” อะไรกันหรือไม่ เพราะถอดรหัสของ “สุชาติ” ช่วงที่ตีโพยตีพาย พูดชัดว่า ญัตติของฝ่ายค้านมี 2 ดราฟต์ (ฉบับ) ฉบับหนึ่งยื่น 10 รัฐมนตรี อีกฉบับทำภายหลังมี 11 รัฐมนตรี

ก็น่าแปลกที่ “เสี่ยเฮ้ง” ไปรู้เห็นว่าทางฝ่ายค้านทำญัตติไว้ 2 ดราฟต์ ราวกับว่ามีการประสาน “วงในฝ่ายค้าน” จนล่วงรู้ว่า ชื่อตัวเองหลุดโผอย่างไรอย่างนั้น

ท่ามกลางกระแสข่าวที่ว่า รัฐมนตรีบางคน “เช็กบิล” ไปล่วงหน้าเพื่อเขย่าชื่อตัวเองให้หลุดจากโผศึกซักฟอก ปรากฎว่าบางรายก็สำเร็จตามดีล บางรายดีลล่มเสีย “กล้วย” ไปฟรีๆ

กระบวนการทำญัตติก็มีเครื่องหมายคำถามตัวเบ้อเริ่ม อ่านญัตติแล้วยิ่งไปกันใหญ่ ตามสไตล์ “กล่าวหา” ใช้ถ้อยคำรุนแรงหนักแน่น แต่ดูท่าเนื้อหาจะเบาหวิว ซ้ำร้ายหลายรายยังเข้าอิหรอบ “แผ่นเสียงตกร่อง” เจออภิปรายเรื่องเก่า ที่พูดซ้ำมาทุกปี

น่าหวั่นใจหน่อยคงเป็นประเด็น “เหมืองทองอัครา” อันน่าจะเป็นไฮไลท์ไม่กี่เรื่องของศึกซักฟอกงวดนี้ก็ว่าได้

เพราะจนถึงตอนนี้เหลือเชื่อว่า ฝ่ายค้าน โดยเฉพาะ “ค่ายดูไบ” พรรคเพื่อไทย ยังหาประเด็นล็อกเป้ารัฐมนตรีได้ไม่ครบคนเลยด้วยซ้ำ เพราะต้องรอข้อมูลจาก “คนนอก” ที่ฝากงานมา

ยิ่งไปกว่ายังถึงขั้นต้องตามจีบ “มือซักฟอก” ให้ขึ้นโพเดี้ยม ด้วยมีหลบายประเด็นที่ถูก “ฝากการบ้าน” มา สุ่มเสี่ยงส่อต้องไปว่ากันต่อในชั้นศาล ทำเอา “นักจ้อ” หลายรายงวดนี้อาจขอวางไมค์ชั่วคราว

น่ากลัวจะเป็นฝ่ายค้านด้วยซ้ำที่ขึ้นชกไม่สมศักดิ์ศรี เสร็จแล้วก็หันมาฟาดปากกันเองระหว่าง “เพื่อไทย-ก้าวไกล” ที่มีวิวาทะกันเองหลังเสร็จศึกทุกครั้ง

มาทรงนี้ก็ดูเข้าทางบรรดาพรรคเล็ก-พรรคปัดเศษ ที่เดินสาย “ล่ากล้วย” กันอย่างสนุกสนาน

ทางเดียวกับ “ฝ่ายแค้น” ที่นำโดน “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย ที่หมายมั่นสั่งสอน “รัฐมนตรีปากเก่ง” ของพรรคพลังประชารัฐ โดยมีเป้าหมายให้ “ปรับ ครม.” ทวงคืนเก้าอี้ตามโควตา ส.ส.กว่า 20 ชีวิต ที่หอบหิ้วออกมา

มาทรงนี้เป้า “เด็ดหัว” ลืมไปได้เลย เพราะเป็นแค่ “เป้าลวง” คงเน้นสอย “นั่งร้าน” ขย่มรัฐมนตรีบางคนให้ร่วง ที่เป็น “เป้าจริง” มากกว่า

คนที่อยู่ในข่ายก็ไม่พ้น “ชัยวุฒิ-สุชาติ-สันติ” 3 ทหารเสือพลังประชารัฐ ที่เป็น “โจทก์” กับ “ผู้กองมนัส” ถูกหมายหัวไว้ในฐานะ “รัฐมนตรีปากเก่ง” และอาจรวมไปถึง “เสี่ยไก่-จุติ” ที่ว่ากันว่ามีรายการวางงาน-ฝากการบ้านจากใน “ค่ายสีฟ้า” เอง

ไม่ว่าจะขย่มแบบน็อกคาสภาฯ ให้หมดโอกาสอุทธรณ์ หรือกดแต้มไว้วางใจต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ก็อาจเป็นเหตุให้นายกฯต้องเปิดก๊อกปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามเป้าหมาย

ตามโมเดลที่เคยกดดันต่อรองจนได้เก้าอี้กรรมาธิการงบประมาณตามที่รีเควสไปแบบไม่มีต่อรองให้เสียอารมณ์

เพราะตัวแปรสำคัญของศึกซักฟอกงวดนี้ ไม่พ้นนเสียง “สวิงโหวต” พรรคเศรษฐกิจไทย นำโดย “ผู้กองนัส” ที่จับมือกับ “ก๊วนปัดเศษ” ที่พลิกโหวต กดปุ่มพลาดหน่อย หรือลุกไปเข้าห้องน้ำแวบเดียว รัฐมนตรีบางคนก็หงายตึงได้

ส่วนตัว “นายกฯตู่” ยังต้องละไว้ เพราะอยู่ในช่วงได้-เสีย “แบ่งเค้ก” จัดทำงบประมาณดันอยู่ ขืน “สอยหัว” จนรัฐบาลมีอันเป็นไปตอนนี้ งบประมาณที่ทำอยู่ค้างเติ่ง เสบียงกรังที่กะตุนไว้ซัดกันในการเลือกตั้งทั้งรัฐบาล-ฝ่ายค้าน ก็มีอันเป็นหมัน

แล้วปล่อยให้ “ลุงตู่” แกไปลุ้นปมนายกฯ 8 ปีช่วงเดือน ส.ค.นี้ เสียวกว่าแยะ.


กำลังโหลดความคิดเห็น