"ปัญญาพลวัตร"
"พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต"
กรุงเทพมหานครมีระบบราชการที่ใหญ่มหึมา มีบุคลากรกว่าแปดหมื่นคน ทำหน้าที่ให้บริการประชาชนหลายล้านคนในทุกมิติของชีวิต ด้วยการเป็นมหานครจึงมีความซับซ้อนมากทั้งความหลากหลายของประชาชน วิถีชีวิต กิจกรรมทางวัฒนธรรม กิจกรรมทางเศรษฐกิจ สิ่งก่อสร้างทางกายภาพ ลักษณะพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ และหน่วยงานราชการ เมืองใดที่มีความซับซ้อนมาก แต่ขาดการบริหารจัดการที่ดี ย่อมนำไปสู่การเกิดปัญหานานับประการที่รุนแรงและเรื้อรัง ดังปรากฏในกรุงเทพฯ มายาวนานแล้ว
ผู้บริหารเมืองหลายคนในอดีตพยายามแก้ไขปัญหาเหล่านั้น ทว่า ท่วงทำนองการบริหารผูกติดกับกรอบคิดแบบเก่า ที่เน้นการทำงานตามอำนาจหน้าที่ตามกรอบที่กำหนด และพึ่งพาระบบราชการเป็นหลัก แม้ว่ามีการอาศัยการมีส่วนร่วมของประชาชนอยู่บ้างในบางเรื่อง ทว่า นอกจากจะน้อยในเชิงปริมาณแล้ว คุณภาพของการมีส่วนร่วมก็ไม่ดีนัก ยิ่งในช่วงแปดปีก่อนการเลือกตั้งปีนี้ ที่กรุงเทพฯ ถูกบริหารโดยผู้ว่าฯ ที่มาจากการแต่งตั้งของคณะรัฐประหาร การขับเคลื่อนงานของกรุงเทพมหานครดูไม่ค่อยมีพลังและไร้ชีวิตชีวา คนกรุงเทพฯ แทบไม่รู้เลยว่าผู้บริหารกรุงเทพฯ ทำอะไรบ้าง แต่สิ่งที่ชาวกรุงเทพฯ สัมผัสได้อย่างเป็นรูปธรรมคือปัญหาต่าง ๆ เข้ามาประชิดใกล้ตัวเองมากขึ้น ทั้งมลพิษทางอากาศ น้ำท่วม รถติด ทางเท้าหลายเส้นทางคับแคบลงบ้าง หายไปบ้างและชำรุดบ้าง เป็นอาทิ
กล่าวได้ว่าที่ผ่านมา อัตราและขอบเขตของการแก้ไข กับอัตราการเกิดขึ้นใหม่และขยายตัวของปัญหาไม่ได้สัดส่วนกัน ยังไม่ทันแก้ไขปัญหาเก่าให้ลุล่วงไป ปัญหาใหม่ก็ผุดขึ้นตามมา แบบแผนของปัญหาในลักษณะนี้เป็นสิ่งบ่งชี้อย่างชัดเจนว่า ภาวะผู้นำแบบราชการที่ยึดติดกับกรอบคิดของการสั่งการโดยใช้อำนาจหน้าที่ตามลำดับชั้นสายบังคับบัญชา ไม่อาจรับมือและเผชิญกับความท้าทายของปัญหาที่นับวันทวีความรุนแรงและซับซ้อนมากขึ้นของกรุงเทพมหานครได้อีกต่อไป
เมื่อมีการเลือกตั้ง ชาวกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่ได้ตัดสินใจอย่างชัดเจนว่า ต้องการผู้นำใหม่ที่มีวิธีคิดใหม่และแนวทางการทำงานแบบใหม่เข้ามาจัดการกับปัญหาและพัฒนากรุงเทพฯ ท่ามกลางผู้เสนอตัวแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ ประชาชนส่วนใหญ่รับรู้ว่า นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ มีคุณสมบัติสอดคล้องกับความต้องการของพวกเขา จึงตัดสินใจเลือกนายชัชชาติ ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น ขึ้นมาเป็นผู้ว่าฯ คนใหม่
หลังจากทราบว่าได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ แม้ยังไม่ได้รับการรับรองจากคณะกรรมการเลือกตั้ง กระนั้นในวันรุ่งขึ้น นายชัชชาติก็ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบปัญหาที่คลองลาดพร้าวทันที และมีการถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊ก อันที่จริง การถ่ายทอดสดระหว่างการทำกิจกรรมของนายชัชชาติได้ทำมาอย่างต่อเนื่องในช่วงการหาเสียง เพียงแต่ในช่วงนั้นประชาชนจำนวนมากอาจยังไม่ทราบและไม่ได้ติดตาม ทว่า เมื่อทราบแน่ชัดว่าชนะการเลือกตั้ง และกำลังเป็นว่าที่ผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ คนใหม่ ในการถ่ายทอดสดกิจกรรมของนายชัชชาติ นอกจากดำเนินการโดยทีมงานของตนเองแล้ว ก็ยังมีสื่อมวลชนหลายสำนักได้ร่วมถ่ายทอดสดด้วย การเผยแพร่กิจกรรมของนายชัชชาติจึงขยายออกไปอย่างกว้างขวาง และมีผู้ติดตามรับชมเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว
นับจากนั้น นายชัชชาติก็ทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่องและมีการถ่ายทอดสดทุกวัน ๆ วันละประมาณ 3 กิจกรรม กิจกรรมที่นายชัชชาติได้กระทำในช่วงสองสัปดาห์แรกของการดำรงตำแหน่ง มีหลายอย่างด้วยกัน เช่น กิจกรรมที่เกี่ยวกับปัญหาน้ำท่วม ทางเท้า จราจรติดขัด การก่อสร้างทางด่วน สิ่งแวดล้อม รถไฟฟ้าบีทีเอส การแสวงหาความร่วมมือในการทำสวนสาธารณะและปลูกต้นไม้ การร่วมมือกับผู้พิการ การป้องกันและตรวจสอบการทุจริต การจัดงานนันทนาการ ดนตรีในสวน เป็นต้น ผู้เข้าชมการถ่ายทอดสดและเข้าชมคลิปในภายหลังเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ในช่วงหาเสียง มีผู้เข้าชมคลิปของนายชัชชาติเฉลี่ยอยู่ในระดับหลักหมื่น แต่ในช่วงสองสัปดาห์หลังจากดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ ผู้เข้าชมเพิ่มสูงขึ้นเป็นระดับหลักแสน และหลายคลิปทะลุไปถึงระดับหลักล้าน จนมีการกล่าวกันว่านี่เป็น “ปรากฎการณ์ชัชชาติ”
การถ่ายทอดสดวิธีการทำงานของนายชัชชาติ ทำให้คนจำนวนมากเห็นบุคลิก ทัศนคติ การสื่อสาร และพฤติกรรมของนายชัชชาติชัดเจนขึ้น บุคลิกที่ผู้คนสัมผัสได้คือ ความเป็นคนที่เข้าถึงง่าย ไม่ถือตัว แข็งแกร่งแต่ไม่แข็งกร้าว มีอัธยาศัยไมตรีที่ดี มีวุฒิภาวะทางอารมณ์สูง และมีทัศนคติเชิงบวกในการรับมือกับปัญหา
การพูดสื่อสารกับสาธารณะมีความกระชับชัดเจน ได้ใจความ เข้าใจง่าย พูดในเชิงให้กำลังใจแก่ผู้คน อธิบายเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับปัญหาและแนวทางการแก้ไข โดยใช้ข้อมูล บริบท เหตุผล และหลักการที่สะท้อนให้เห็นถึงการมีสติปัญญาที่เหมาะสมกับการเป็นผู้บริหารเมืองขนาดใหญ่ที่มีความซับซ้อนอย่างกรุงเทพมหานคร
การแสดงพฤติกรรม เห็นชัดถึงขยันขันแข็ง มีพลัง มีชีวิตชีวา ทุ่มเทในการทำงาน ให้เกียรติผู้อื่น อ่อนน้อมแสวงหาความร่วมมือและการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่าย รับฟังความคิดเห็นผู้อื่นอย่างจริงจัง ไม่ตอบโต้ผู้วิจารณ์ แต่เลือกที่อธิบายชี้แจงอย่างสุภาพ คำนึงถึงความรู้สึกของผู้อื่น เมื่อมีเรื่องที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด ก็ยอมรับว่าตนเองมีส่วนผิด เพื่อปกป้องผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเข้าใจผิด รวมทั้งยอมรับและตระหนักถึงผลงานของผู้อื่น
กล่าวได้ว่า เพียงสองสัปดาห์ที่นายชัชชาติเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ ประชาชนเห็นผู้นำใหม่ที่มีกระบวนทัศน์การทำงานใหม่ ซึ่งแตกต่างจากผู้นำเก่าและกระบวนทัศน์การบริหารแบบเดิมที่เคยครอบงำการทำงานของกรุงเทพมหานครอย่างสิ้นเชิง ทำให้ประชาชนจำนวนมากเกิดความรู้สึกเชื่อมั่นและศรัทธาต่อนายชัชชาติมากยิ่งขึ้น กระแสความชื่นชมศรัทธาขยายตัวออกไปในวงกว้าง ไม่เพียงแต่เฉพาะประชาชนในกรุงเทพมหานครเท่านั้น หากแต่ส่งอิทธิพลต่อความคิดและความรู้สึกของประชาชนต่างจังหวัดไม่น้อยทีเดียว เมื่อประชาชนเกิดความศรัทธาต่อผู้นำ พวกเขาก็พร้อมให้ความร่วมมือและเข้าไปมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาและช่วยพัฒนาเมืองอย่างกระตือรือร้น คนที่เคยรู้สึกเสียดายในยามต้องเสียภาษีให้กรุงเทพมหานคร ก็จะยินดีจ่ายภาษีให้อย่างเต็มใจ
มากไปกว่านั้น วิธีคิด ท่วงทำนอง และความทุ่มเทการทำงานอย่างกระตือรือร้นของนายชัชชาติส่งผลกระทบทางบวกต่อการทำงานของข้าราชการกรุงเทพฯ เป็นอย่างมาก เมื่อมีผู้นำทำเป็นแบบอย่างที่ดี ข้าราชการกรุงเทพฯ ไม่น้อยก็มีแนวโน้มปฏิบัติตาม ด้วยการทุ่มเทการทำงานอย่างเต็มกำลังความสามารถ อันจะทำให้ประสิทธิภาพของกลไกราชการของกรุงเทพฯ ขยับขับเคลื่อนอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และการเน้นย้ำและทำเป็นตัวอย่างเรื่องความโปร่งใสและซื่อตรง ก็มีส่วนช่วยป้องกันการทุจริตคอรัปชั่นได้ไม่น้อยเช่นเดียวกัน
อิทธิพลเชิงบวกของนายชัชชาติยังส่งผลต่อประชาชนอีกด้วย โดยเฉพาะเยาวชนคนหนุ่มอีกมาก ภาพของผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ เก่งทั้งวิชาการและบริหาร เข้าใจและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสมัยใหม่ในการทำงาน และทุ่มเทการทำงานอย่างหนักเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ย่อมสร้างแรงบันดาลใจแก่ผู้คนจำนวนมากที่จะนำไปเป็นตัวแบบของพวกเขาทั้งในเรื่องการเรียน การทำงาน และการใช้ชีวิตสัมพันธ์กับผู้อื่น
กรุงเทพฯ ที่เคยเป็นยักษ์ที่งุ่มง่ามและสับสน ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นยักษ์ที่ทรงพลัง ปราดเปรียว และมีทิศทางที่ชัดเจน หากนายชัชชาติสามารถรักษาแบบแผน ท่วงทำนองการทำงาน และการใช้ชีวิตสาธารณะในลักษณะนี้ได้อย่างต่อเนื่องคงเส้นคงวา ก็มีความเป็นไปได้สูงว่า กรุงเทพฯ ใน 4 ปี ที่อยู่ภายใต้การนำของนายชัชชาติ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางสร้างสรรค์อย่างไม่เคยมีมาก่อน
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางกระแสความชื่นชมและความคาดหวังเชิงบวกต่อนายชัชชาติ มีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่มองนายชัชชาติแตกต่างออกไป กลุ่มคนเหล่านี้ส่วนใหญ่มีความคิดทางการเมืองแบบอนุรักษ์นิยมที่เข้มข้น มีความนิยมต่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา คนกลุ่มนี้รู้สึกขมขื่นและรับไม่ได้กับชัยชนะอย่างท่วมท้นของนายชัชชาติ พวกเขาไม่ไว้วางใจและมองนายชัชชาติด้วยความหวาดระแวงว่า ไม่มีความเป็นอิสระในการตัดสินใจและการบริหาร แต่อยู่ภายใต้การกำกับควบคุมของเครือข่ายทักษิณ คนกลุ่มนี้จึงวิพากษ์วิจารณ์และกล่าวหานายชัชชาติหลายประเด็นด้วยกัน เช่น ระบุว่าการถ่ายทอดสดในการทำกิจกรรมของนายชัชชาติเป็นการสร้างภาพประชาสัมพันธ์มากเกินไป หรือการกล่าวหาว่านายชัชชาติแย่งผลงานของอดีตผู้ว่าฯ คนก่อนมาเป็นของตนเอง เป็นต้น คนกลุ่มนี้จะตรวจสอบและจับผิดนายชัชชาติอย่างเข้มข้น เพื่อสลายความนิยมของนายชัชชาติ และป้องกันไม่ให้นายชัชชาติมีโอกาสบรรลุตำแหน่งสูงสุดในการบริหารประเทศระดับชาติในอนาคต
ดังนั้น นอกจากการเดินหน้าทำงานอย่างแข็งขันและแสวงหามิตรแล้ว สิ่งหนึ่งที่นายชัชชาติและทีมงานที่เป็นแกนต้องมีคือ ความรอบคอบ โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับระเบียบ ข้อกฏหมายต่าง ๆ เพราะหากพลาดพลั้งขึ้นมา ก็อาจต้องเผชิญกับความยุ่งยากเป็นอย่างมาก อีกเรื่องที่พึงระวังคือ บรรดานักฉวยโอกาสแสวงโชคทางการเมือง ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งคนใกล้ชิดบางคน และผู้ที่เข้าไปเกาะอำนาจ กลุ่มคนเหล่านี้อาจอ้างอำนาจของผู้ว่าฯ เพื่อนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้องก็ได้
นานปีทีหน ที่สังคมไทยไม่ว่าระดับชาติหรือท้องถิ่นจะมีผู้นำแห่งความหวังปรากฎตัวขึ้นมา บทเรียนในอดีตบอกเราว่า การปรากฏตัวของผู้นำแห่งความหวังแต่ละคนดำรงอยู่ได้ไม่นานนัก บางคนทำลายตนเองด้วยการหลงระเริงในอำนาจและใช้อำนาจในทางที่มิชอบเพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องอย่างชัดเจน จนสังคมไม่อาจยอมรับได้ บางคนไม่มีลักษณะที่แท้จริงเป็นผู้นำแห่งความหวังแม้แต่นอย แต่อาศัยทรัพยากรรัฐช่วงชิงอำนาจ และสถาปนาตนเองเป็นผู้นำแห่งความหวังปลอม ๆ ขึ้นมา แต่กาลเวลาก็ช่วยพิสูจน์ว่า สิ่งที่อ้างกับสิ่งที่เป็นจริงแตกต่างกันมากเหลือเกิน และบางคนกำลังจะกลายเป็นผู้นำแห่งความหวัง แต่ด้วยมีความคิดและท่วงทำนองทางการเมืองที่แข็งกร้าว จึงถูกสกัดกั้นและทำลายด้วยกลไกรัฐบางอย่างเสียก่อน
สำหรับนายชัชชาติ ที่กำลังกลายเป็นผู้นำแห่งความหวังคนใหม่จะสามารถดำรงสถานภาพเช่นนี้ได้อย่างยาวนานและมั่นคงมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขหลายอย่าง หากพิจารณาจากบทเรียนของผู้นำการเมืองในอดีต มีความเป็นไปได้สูงที่นายชัชชาติจะสามารถรักษาสถานะการเป็นผู้นำแห่งความหวังเอาไว้ได้อย่างยาวนาน เพราะการสู่ตำแหน่งจากการเลือกตั้งด้วยคะแนนท่วมท้นทำให้มีความชอบธรรมทางการเมืองสูง การมีท่วงทำนองที่อ่อนน้อมและมุ่งแสวงหาความร่วมมือจากทุกฝ่ายทำให้ได้มิตรและเครือข่ายในการช่วยขับเคลื่อนงานได้อย่างประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น การมีแนวโน้มใช้อำนาจอย่างเป็นธรรม บริหารอย่างซื่อตรงและเป็นไปเพื่อประโยชน์ส่วนรวม (สิ่งนี้ต้องรอเวลาพิสูจน์) ทำให้ไม่มีจุดอ่อนที่จะถูกนำมาเป็นเงื่อนไขในการทำลายได้ และการมีความสามารถรับมือกับปัญหาและสิ่งท้าทายได้อย่างมีประสิทธิผล จะช่วยลดความรุนแรงของการโจมตีลงได้ การรับมือกับสิ่งท้าทายปรากฎให้เห็นบ้างแล้ว นายชัชชาติทำได้ดีพอสมสมควร แต่ก็คงต้องเฝ้าดูกันต่อไป เพราะยิ่งอยู่นานความท้าทายก็จะยิ่งมากขึ้น