ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - อิมแพ็กทางการเมืองของตระกูลชินวัตรอยู่ในช่วงขาลง แม้จะงัดไม้ตายที่ใช้ได้ผลทุกครั้งด้วยการนำคน “ตระกูลชิน” มาถือธงนำพรรคเพื่อไทยแล้วก็ตาม
ต้องยอมรับว่า การเปิดตัว “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อาจดูตูมตามในช่วงแรก แต่เหมือนพลุตะไลที่จุดขึ้นฟ้าแล้วค่อยๆเงียบเสียง
กระแสพรรคเพื่อไทยไม่ได้แรงขึ้นมา มิหนำซ้ำดูจะยังทรงตัวถึงขนาดล่าสุดต้องประกาศแคมเปญชวนคนเสื้อแดงกลับบ้าน
แคมเปญนี้ดูเหมือนจะเป็นการกระตุ้นสร้างความฮึกเหิม แต่อีกทางหนึ่งมันสะท้อนให้เห็นเหมือนกันว่า พรรคเพื่อไทยหมดไอเดียในการจะหาเสียงแล้ว
คนเสื้อแดงถือเป็นแฟนคลับของพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว ต่อให้ “อุ๊งอิ๊ง” ไม่ชวนให้กลับบ้าน คนกลุ่มนี้ย่อมเลือกพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว แต่การมาพูดจังหวะนี้ ดูจะล้อกับกระแสการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มากกว่า
แม้พรรคเพื่อไทยจะไม่ได้ส่งผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แต่ส่งผู้สมัครรับเลือกสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) อย่างเดียว แต่ทุกคนรับรู้ว่าสนับสนุน “เสี่ยทริป” ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.ที่ประกาศตัวว่าลงในนามอิสระ
พรรคเพื่อไทย กับชัชชาติ แยกกันไม่ออก โดยเฉพาะชัชชาติ กับคนในบ้านชินวัตร ที่มีบุญคุณต่อกันมายาวนาน คนจึงไม่ค่อยเชื่อว่าจะอิสระได้แบบร้อยเปอร์เซ็นต์
ทุกคนรู้กันดีว่า การที่ ชัชชาติลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ในนามอิสระ และการที่พรรคเพื่อไทยส่งแต่ผู้สมัครส.ก. เป็นยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง ลบจุดอ่อนเรื่องขั้วการเมืองออก
และแม้ผลโพลหลายสำนักจะให้ ชัชชาติ ยังคงนำโด่ง จนเหมือนจะเข้าวินได้แบบสบาย แต่โดยข้อเท็จจริง มันไม่ได้แบบเบอร์ขนาดนั้น
ขณะเดียวกัน ชัชชาติ เหมือนเจอศึก2ด้าน ด้านแรกคือพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อดีตผู้ว่าฯกทม. ในนามกลุ่มรักษ์กรุงเทพฯ ที่เป็นคนที่สะสมกระสุนไว้ไม่น้อย กับอีกด้านคือ วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. จากพรรคก้าวไกล
โดยเฉพาะ วิโรจน์ ที่พรรคเพื่อไทยประเมินว่า เป็นตัวแปรสำคัญที่อาจทำให้สนามเลือกตั้งผู้ว่าฯเมืองกรุงครั้งนี้พลิกล็อก
ตัว วิโรจน์ อาจไม่ได้โดดเด่นเท่ากับชัชชาติ แต่กระแสพรรคต้นสังกัดของวิโรจน์ อย่างพรรคก้าวไกลนั้น ขายได้กับพวกนิวโหวตเตอร์ที่มีอยู่ 7แสนคน
และในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งที่ผ่านมา ดูเหมือนพรรคก้าวไกลจะโหมกระแสในเรื่องที่ถูกใจนิวโหวตเตอร์ ทั้งการท้าชนในสิ่งที่คนอื่นไม่กล้าทำ หรือไม่กล้าพูด โดยเฉพาะชัชชาติ
พรรคก้าวไกลพยายามไต่ระดับการหาเสียงในสิ่งที่ ชัชชาติ ไม่ชัดเจน หรือระมัดระวัง เพื่อแสดงให้เห็นว่า พวกเขาคือ ตัวจริงในฝ่ายต่อต้านเผด็จการ
คะแนนของ วิโรจน์ อาจไม่ชนะ ชัชชาติ แต่การที่กระแสของพรรคก้าวไกลดีเท่าไหร่ นั่นหมายความว่า จะตัดคะแนนของชัชชาติ ไปมากเท่านั้น
ในระยะหลัง วิโรจน์ และพรรคก้าวไกลเองก็ดูเหมือนจะหาเสียงแบบกระแทกใส่ ชัชชาติ หลายเรื่อง เพื่อชิงคะแนนมาอยู่กับตัวเอง
ชัชชาติเองก็อาการออก รีบออกมาบอกถึงเรื่องโพลที่ตัวเองนำว่า อย่าไปตายใจ เพราะหลายครั้งพวกเต็งหนึ่งตกมากตายเพราะกระแสในโค้งสุดท้ายมาบ่อย ดังนั้นอย่าปล่อยให้มีแค่กระแส แต่ต้องไปเลือกด้วย
มันแสดงให้เห็นเหมือนกันว่า ชัชชาติ ก็ไม่ได้มั่นใจ ทั้งที่โพลทุกสำนักยกให้มาตลอด
พรรคเพื่อไทยก็รู้ว่า ด้วยข้อจำกัดของตัวเองไม่สามารถช่วย ชัชชาติได้เยอะ เพราะกลัวจะถูกแฉว่า เป็นอีแอบที่อยู่ข้างหลัง ขณะเดียวกัน รู้ดีว่าเสียเปรียบพรรคก้าวไกลในการหาเสียงกับนิวโหวตเตอร์
พรรคเพื่อไทยไม่สามารถสุดโต่ง จนถูกใจคนรุ่นใหม่ได้อย่างที่พรรคก้าวไกลทำ บุญเก่าที่เหลือคือ คนเสื้อแดง ที่วันนี้กระจัดกระจายกันไปมาก จึงต้องปลุกกระแสคนเสื้อแดงที่เหนียวแน่นกับพรรคเพื่อไทยให้ไม่ไขว้เขว
การเลือกปลุกเสื้อแดงที่รู้ทั้งรู้ว่าอาจไม่ส่งผลดีต่อ ชัชชาติ แต่ไม่มีทางเลือกอื่น เพราะศัตรูในร่างพันธมิตรอย่างพรรคก้าวไกล ชิงนิวโหวตเตอร์ไปเพียบ
จุดที่ตอกย้ำว่า พรรคเพื่อไทยไม่มั่นใจว่า ชัชชาติ จะลอยลำ คือการประกาศให้เลือกพรรคเพื่อไทยให้ชนะขาด เพราะรู้ว่าหลายคนยังลังเลว่าจะเลือก ชัชชาติ หรือ วิโรจน์
หลายคนคิดว่า ชัชชาติ ชนะอยู่แล้ว อาจจะไปเลือก วิโรจน์ ได้
มันเหมือนกับสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์เคยใช้ กลยุทธ์ไม่เลือกเราเขามาแน่ เพื่อเทคะแนนให้ไปให้คนใดคนหนึ่งชนะขาด ป้องกันศัตรูอีกฝั่งชนะ
เพื่อไทยกำลังจะสื่อว่าให้เลือก ชัชชาติ ให้ชนะขาด เพื่อป้องกันคะแนนที่จะกระจายไปหา วิโรจน์
ทั้งที่โดยข้อเท็จริงมวลชนสองกลุ่มเป็นคนละส่วนกันแล้ว เสื้อแดงคือแฟนคลับพรรคเพื่อไทย ส่วนนิวโหวตเตอร์ คือแฟนคลับพรรคก้าวไกล
และผลการเลือกตั้งครั้งนี้ คะแนนของพรรคก้าวไกลในกทม. จะเป็นสัญญาณให้พรรคเพื่อไทยเห็นว่าในสนามเลือกตั้งใหญ่พวกเขาจะเจองานหนักกว่านี้
มีตัวหารที่อันตราย และสุดท้ายอาจเป็นตัวละครสำคัญที่ทำให้ฝันแลนด์สไลด์ค้าง