ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - พลังประชารัฐ ฟัน "พิเชษฐ สถิรชวาล" ส.ส.น้ำสองของพรรค ข้อหารวมหัวฝ่ายค้าน-ทักษิณ ชินวัตร เดินแผนแซะแทงข้างหลังรัฐบาล ผลการพิจารณาโทษ โดนแช่แข็ง ไม่ขับไล่พ้นพรรค แค่ตัดสิทธิประโยชน์ที่จะได้จากพรรคเท่านั้น
คือ ตัดสิทธินั่งกมธ.-ดีดพ้นไลน์กลุ่ม-ห้ามใช้โลโก้พรรค-ห้องประชุมพรรค 6 เดือน แต่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคพปชร. ในฐานะประธานคณะกรรมการกฎหมายและข้อบังคับพรรคพปชร. เลือกใช้โอกาสนี้ประณามพิเชษฐ เละเทะ!!
ไพบูลย์ มือซามูไรคู่กาย พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการฯเพื่อพิจารณาบทลงโทษของนายพิเชษฐ เมื่อวันที่ 11 พ.ค.ว่า
นายพิเชษฐ ในฐานะสมาชิกพรรค พปชร.ได้มีการกระทำในการจัดตั้งกลุ่มการเมืองใช้ชื่อกลุ่ม16 เพื่อเคลื่อนไหวการเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพปชร. และตามคำสั่งหัวหน้าพรรคไม่ให้สมาชิกพรรคมีการตั้งกลุ่มการเมืองขึ้น เพราะจะเป็นการทำลายเอกภาพของพรรค
ขณะเดียวกัน ได้ใช้สถานะการเป็นสมาชิกพรรคไปร่วมประชุมกับคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน ในวันที่ 28 เม.ย.และในวันที่ 4 พ.ค.เพื่อเตรียมเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจคณะรัฐมนตรี ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะยื่นไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่สังกัดพรรคพปชร.
การกระทำของพรรคเพื่อไทยเป็นปฏิปักษ์ต่อพรรคพปชร. แต่เมื่อปรากฏว่า นายพิเชษฐ ไปร่วมประชุมหารือวางแผนในการอภิปรายไม่ไว้วางใจคณะรัฐมนตรี กับคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ถึง 2 ครั้ง
การกระทำของนายพิเชษฐ จึงเป็นการกระทำที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยและเป็นการตั้งตนเป็นปฏิปักษ์กับพรรค พปชร. ด้วยเหตุนี้ นายพิเชษฐ จึงฝ่าฝืนข้อบังคับของพรรคพลังประชารัฐหลายข้อ
นอกจากนี้ นายพิเชษฐ ได้โทรศัพท์คุยกับนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นบุคคลที่อยู่ระหว่างหลบหนีหมายจับในคดีที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกและเป็นบุคคลที่ตั้งตนเป็นปฏิปักษ์กับพรรคพปชร.
ดังนั้น การกระทำดังกล่าวข้างตันของนายพิเชษฐ จึงเป็นการกระทำตามอำเภอใจ โดยไม่มีสำนึกร่วมรับผิดชอบต่อเสถียรภาพของพรรค ไม่มีจิตสำนึกในอุดมคติของพรรค ในฐานะเป็นเจ้าของพรรค ไม่เป็นไปตามหลักการอยู่ร่วมกันของสมาชิกพรรคภายใต้ระเบียบแบบแผนของพรรค พปชร.
เป็นการตั้งตนเป็นปฏิปักษ์กับพรรคพปชร. ทำให้สังคมและบุคคลภายนอกเข้าใจผิดและตำหนิติเตียนพรรคพปชร. ทำให้พรรคเสียหายต่อชื่อเสียง
การติดต่อพูดคุยกับบุคคลที่อยู่ระหว่างหลบหนีหมายจับในคดีที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก และเป็นบุคคลที่ตั้งตนเป็นปฏิปักษ์กับ พปชร. ยังเป็นการคบหาผู้ประพฤติผิดกฎหมาย ซึ่งการกระทำดังกล่าวข้างต้น เป็นการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับพรรคพปชร. ในฐานะสมาชิกพรรคต้องมีหน้าที่ และความรับผิดชอบต่อพรรคตามข้อบังคับ ข้อที่ 56 (1) (3) และไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมของสมาชิกพรรค ตามข้อบังคับ ข้อที่ 64 ข้อที่ 69 ข้อที่ 72 ข้อที่ 76
ดังนั้น เมื่อคณะกรรมการฯ ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วเห็นว่าการกระทำของนายพิเชษฐ ในฐานะสมาชิกพรรคได้กระทำที่ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับพรรค ในฐานะสมาชิกพรรคต้องมีหน้าที่และความรับผิดชอบต่อพรรคตามข้อบังคับ เพื่อเป็นการรักษาหลักการ และแนวทางปฏิบัติที่เคยดำเนินการในกรณีก่อนหน้านี้
จึงมีมติเห็นควรให้ดำเนินการงดเว้นสิทธิของนายพิเชษฐ ในฐานะสมาชิกพรรคที่พึงได้จากพรรคเป็นการชั่วคราวระยะเวลา 6 เดือน ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 12 พ.ค.65 ถึง 12 พ.ย.65 ดังต่อไปนี้ 1. สิทธิในการได้รับการเสนอชื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรมาธิการ หรือตำแหน่งอื่นในสัดส่วนของพรรค 2. สิทธิในการร่วมกิจกรรม ร่วมประชุมหรือใช้ห้องประชุมพรรค และสิทธิในการรับข้อมูล ข่าวสารต่างๆ เช่น ในระบบแอพลิเคชั่นไลน์ของพรรค และ 3. สิทธิในการใช้ชื่อ ตรา เครื่องหมาย สัญลักษณ์ ของพรรค พปชร.ในการประชาสัมพันธ์ต่างๆ ทั้งนี้ หลังจากนี้คณะกรรมการจะนำผลการประชุมครั้งนี้เสนอต่อผู้บริหารพรรคต่อไป
นักข่าวถามว่า นายพิเชษฐ ท้าให้พปชร.มีมติขับพ้นจากพรรค นายไพบูลย์ กล่าวว่า ไม่ถึงขั้นต้องให้ความสำคัญขนาดนั้นที่จะต้องให้กรรมการบริหารพรรค หรือส.ส.มาพิจารณาเพื่อขับพ้นพรรค เพียงแค่ทำตามที่กรรมการเสนอไปก็เพียงพอแล้ว
เมื่อถามว่า หากมีการกระทำผิดซ้ำอีกจะทำอย่างไร นายไพบูลย์ กล่าวว่าสามารถพิจารณาเพิ่มเติมในส่วนของการขยายเวลาตัดสิทธิได้อีก เมื่อถามย้ำว่าจะไม่มีการขับพ้นจากพรรค ใช่หรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า ไม่มี
“เขาอยากให้ขับ เราก็ไม่ขับ ก็อยู่กันอย่างนี้ล่ะครับ หลักใหญ่คือ นายพิเชษฐมีหน้าที่ความรับผิดชอบ ต้องรักษาเสถียรภาพ ต้องมีจิตสำนึก อุดมการณ์ในการเป็นเจ้าของพรรคร่วมกัน ไม่เป็นไร ไม่ต้องกังวล เรื่องนี้ถึงเวลามีทางออกอยู่แล้ว ถ้าเขาจะไปจริงๆเขาก็คิดได้เอง แต่พรรคจะไม่ขับ”
เมื่อถามว่า การทำในลักษณะนี้เหมือนการแช่แข็งนายพิเชษฐ หรือไม่ นายไพบูลย์ หัวเราะพร้อมกล่าวว่า “ไม่มีความเห็น ไปคิดเอาเอง”
นายไพบูลย์ กล่าวทิ้งท้ายว่า การพิจารณาครั้งนี้ เราพิจารณาในฐานะที่นายพิเชษฐเป็นสมาชิกของพรรค พปชร.ไม่ได้พิจารณาในฐานะส.ส.
ยังมีรายงานข่าวจากที่ประชุมว่า สาเหตุที่คณะกรรมการฯ ไม่มีการขับนายพิเชษฐ พ้นพรรค เนื่องจากเห็นว่าพฤติกรรมของนายพิเชษฐ ในฐานะส.ส.นั้น เข้าข่ายกระทำผิดรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะกรณีที่มีการพูดคุยกับฝ่ายค้านเรื่องเงินทอง หรือการปฏิเสธรับเงิน ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของกกต. ที่สามารถตรวจสอบได้อยู่แล้วหากมีผู้ไปร้องเรียน เพราะตามรัฐธรรมนูญห้ามไม่ให้ส.ส.รับทรัพย์ใดๆทั้งสิ้น ขณะที่คณะกรรมการฯพิจารณากรณีของ นายพิเชษฐ ในฐานะสมาชิกพรรคเท่านั้น
ประเด็นนี้ เป็นการชี้โพรงให้กระรอก และเป็นดาบสองที่พิเชษฐ อาจจะโดนฟันซ้ำ ถ้าหากเจอดาบสองพิเชษฐ เดี้ยงแน่
จะเห็นว่า ซามูไรไพบูลย์ใส่ไม่ยั้ง ประณามหยามเหยียดพิเชษฐ แทบไม่มีชิ้นดี แต่สำหรับพิเชษฐ คงรู้ตัวจะโดนแบบนี้ และคงไม่รู้สึกอับอายอะไร เพราะเขาเป็นนักการเมืองประสบการณ์ช่ำชองอย่างหนาอยู่แล้ว
การลงดาบฟันพิเชษฐ สถิรชวาล ถือเป็นการเลือกลงมือเร็ว เสร็จในม้วนเดียว เพื่อไม่ให้เสียหน้าพรรคพลังประชารัฐไปมากกว่านี้ แถมยังเชือดหมาให้ลิงดู กันพวกชอบเลียนเอาเยี่ยงอย่าง
ส่วนต่อนี้ไป เสี่ยพิเชษฐจะอยู่อย่างไร จะไร้ศักดิ์ศรีบารมีก็คงไม่สนใจ งวดนี้วาระมันใกล้จบ เวลาเหลือน้อยเต็มทีแล้ว จังหวะนี้ต้องรีบหาเสบียงให้มากมาตุนไว้ก่อน เพื่อกลับบ้าน หรือสู้ตายบนถนนการเมืองคราวต่อไป
เอวัง ก็มีด้วยประการฉะนี้