xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ดีลลับ “ล้มตู่ ชูป้อม” แป้ก “พี่ใหญ่” ปลงตก ตีธงเบาเครื่อง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - เบาลงพอสมควรกระแสดีลลับ “ล้มตู่ ชูป้อม”

ตามคิวที่ “น้องตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

จับเครื่องข้ามโลกไปภารกิจประชุมสหรัฐฯ-อาเซียน นัดพิเศษ ที่กรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา ช่วง 12-13 พ.ค.65 ที่ผ่านมา

ส่งให้ “พี่ป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯอันดับ 1 ขึ้นควบตำแหน่ง “นายกฯ รักษาการ” ชั่วคราว จนมีเสียงเรียก “ท่านนายกฯๆ” สัพยอกกันพอหอมปากหอมคอ พอหายยากไม่ต้องเป็นตัวจริง คนก็เรียกนายกฯได้

แล้วความเป็นจริงไม่ใช่เรื่องใหม่ สมัยก่อนวิกฤตโควิด “นายกฯตู่” จับเครื่องโกอินเตอร์เป็นว่าเล่น ก็เป็น “ท่านป้อม” นี่แหละที่สวมบทนายกฯ รักษาการ ซึ่งก็ไม่ได้เกิดเรื่องตื่นเต้นอะไร เพียงแต่ครั้งนี้เป็นช่วงที่มีกระแส “ล้มตู่ ชูป้อม” เท่านั้น

พลันถูกถามถึงชะตา “น้องตู่” กรณีดำรงตำแหน่งวาระครบ 8 ปี ที่บางฝ่ายระบุว่าจะครบในเดือน ส.ค.65 อีกครั้ง คราวนี้ “พี่ใหญ่ป้อม” หัวหน้าพรรคตพลังประชารัฐ ดูจะตั้งตัวติด ตอบฉะฉานว่า ไม่กังวล ไม่มีปัญหาเรื่อง 8 ปี พร้อมพนักหน้ารับว่าได้มีการศึกษาข้อกฎหมายไว้แล้ว

หลังจากที่หลายสัปดาห์ก่อนกับคำถามทำนองเดียวกัน ดันกลุดโพล่งว่า “ก็คงมีตัวแทนมั้ง” ทำเอาเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต

ไม่เพียงแต่ท่าทีของ “นายป้อม” ที่ดูเบาลง ความเคลื่อนไหวของ “ลูกหาบ” ก็เบาตามไปด้วย ทั้งคิวของ “เฮียหมา” พิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ที่เปิดเผยเสียงอ่อยว่า พล.อ.ประวิตรสั่งให้เบาเครื่องลง

กับการตั้งแท่นตรวจสอบโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก (อีอีซี) มูลค่า 2.5 หมื่นล้านบาท แล้วหาทางลงโดยการเบนเป้าไปที่ สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เท่านั้น

ขณะเดียวกัน “บิ๊กป้อม” ก็ยังออกโรง “ตัดไฟแต่ต้นลม” เบรกความเคลื่อนไหวของ “ตัวจี๊ด” อย่าง “เสี่ยโจ้” ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่เล่นใหญ่ตั้งวงดินเนอร์ก่อนเปิดสมัยประชุมสภาฯโดยดึงทั้งพรรคเล็ก-พรรคปัดเศษในนาม “กลุ่ม 16” พร้อมด้วย “คีย์แมน” อย่าง “ผู้กองมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และเลขาธิการพรรคเศรษฐกิจไทย ไปร่วมด้วย ในวันที่ 23 พ.ค.65

“ยืนยันไม่มี ร.อ.ธรรมนัสโทร.มาบอกกับตนแล้วว่า ไม่ไป ทำงานเพื่อประชาชนดีกว่า ทุกฝ่ายทำงานเพื่อประชาชน ไม่ต้องห่วง” พล.อ.ประวิตร ยืนยันไว้

ถือเป็นท่าทีที่เปลี่ยนไปพอสมควรของ “บิ๊กป้อม” และองคาพยพ ที่ก่อนนั้นปล่อยให้ “ธรรมนัส” และเครือข่ายเคลื่อนไหวขย่มรัฐบาลไม่เว้นแต่ละวัน

จนเชื่ออาจมีการเคลียร์ใจกันอย่างจริงจังในหมู่ “พี่น้อง 3 ป.” หรืออาจเป็น “พี่ป้อม” ที่ปลงตกด้วยตัวเองว่า อาจไปไม่ถึงฝั่งฝันเก้าอี้ “สร.1” รหัสผู้นำประเทศ หลังเคลิบเคลิ้มไปกับคำ “ลิ่วล้อ” ที่อวยจนเกินเบอร์

เพราะเอาเข้าจริงอย่างที่ “เซียนการเมือง” วิเคราะห์ว่า โอกาสดัน “บิ๊กป้อม” ขึ้นเป็นนายกฯฉุกเฉิน หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองกับ “บิ๊กตู่” นั้น เป็นไปได้ยาก เพราะสุดท้ายหากจวนตัวจริง ก็คงมีรายการเตะปลั๊กด้วยการยุบสภา ก็ “จบเห่” กันหมด

เช็กแล้วว่าปม 8 ปีนายกฯคงไม่ระคายผิว “ประยุทธ์” รวมทั้งไทม์มิ่งช่วงครึ่งปีหลัง ไม่เหมาะหากจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทั้งการผลักดันร่างงบประมาณรายจ่ายปี 2566 หรือการแต่งตั้งโยกยย้ายข้าราชการ สำคัญที่การเป็นเจ้าภาพประชุมเอเปก ที่ถือเป็นหน้าตาเป็นตาของประเทศ

และ “ประยุทธ์” ก็หมายมั่นใช้เวทีเอเปคกู้คะแนนนิยมคืนมา ก่อนเข้าสู่การเลือกตั้งใหญ่ที่คาดว่าจะมีในช่วงต้นปี 2566

สมรภูมิเลือกตั้งใหญ่ต่างหากที่เป็นโจทย์หินของ “พี่น้อง 3 ป.” มากกว่าการมาตบตีช่วงชิงอำนาจกันเอง เพราะส่องเครือข่ายตอนนี้ไม่ได้พรั่งพร้อมเหมือนก่อนเลือกตั้งปี 2562 โดยเฉพาะ “สาขาหลัก” อย่างพรรคพลังประชารัฐ ที่เข้าขั้น “เน่าใน” สภาพขายไม่ออก

ทั้งความพ่ายแพ้อย่างหมดรูปในสนามเลือกตั้งซ่อมที่ภาคใต้-กทม. และกำลังจะล้มเหลวในสนามสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ทั้งที่เป็นพรรคที่มี ส.ส.กทม.มากที่สุด

และแม้จะมีการกระชับอำนาจภายใน หลังอัปเปหิ “ธรรมนัส” ออกไปแล้ว โดยอัพเกรดนักการเมืองมากประสบการณ์ให้มามีบทบาทมากขึ้น ทั้ง “สันติ” ในตำแหน่งแม่บ้านพรรค หรือการมอบให้ สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม เป็นประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค แต่ต้องถือว่า ความเคลื่อนไหวเบากว่าพรรคคู่แข่งอื่นๆ กระทั่งพรรคเกิดใหม่ยังหวือหวามีกระแสมากกว่า

สะท้อนจากการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ที่ทำแบบขอไปที ยังไม่มีระดับ “ตัวความหวัง” ให้เห็น ประเภทคนดังอย่าง หยอง ลูกหยี หรือสมรักษ์ คำสิงห์ ก็ชั้นไม่ถึงที่จะได้ลุ้น ส.ส.

หรืออีกหลายพื้นที่ยังไร้เจ้าภาพดูแลด้วยซ้ำ ทั้งภาคเหนือ ที่ ส.ส.เดิมส่วนใหญ่ย้ายสำมะโนครัวตาม “ธรรมนัส” ไปอยู่พรรคเศรษฐกิจไทย แล้วยังตามกวาดต้อนอดีตผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐไปด้วย จนตอนนี้แทบไม่เหลือคนทำงานในพื้นที่ภาคเหนือแล้ว

ไม่ต่างจากภาคใต้ที่มี ส.ส.นับสิบ เป็นพื้นที่เป้าหมายที่ควรขยายเครือข่าย ก็อยู่กันตามมีตามเกิด ผู้แทนฯหลายคนเริ่มเล็งหาบ้านใหม่กันแล้ว

จะดูคึกคักหน่อยก็คงเป็นพื้นที่ภาคอีสาน ที่ส่ง “ระดับบิ๊ก” ไปวางงานไว้ แต่ก็รู้อยู่ว่า คาดหวังยาก เพราะคงสู้กระแสพรรคเพื่อไทย หรือแม้แต่เพื่อนร่วมรบอย่าง “ค่ายเซราะกราว” พรรคภูมิใจไทย ลำบาก

ทำท่าว่า ถึงเวลาจริง พรรคพลังประชารัฐ อาจไม่แข็งแรงพอจะเป็นนั่งร้านให้ “บิ๊กตู่” รีเทิร์นกลับมาเป็นนายกฯได้อีกสมัย

ขณะที่ “สาขารอง” ทั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่เคยดูราศีจับ ก็เจ๊งไม่เป็นท่า ไปกับวีรกรรมของ “เสี่ยโบ้” เสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตกรรมการผู้ช่วยนายกรัฐมนตรี ที่ดันไปพัวพันกับคลิปเสียง 15 ล้านบาทเกี่ยวข้องกับการปราบปรามลอตเตอรี่ออนไลน์ หรือพรรคไทยสร้างสรรค์ ที่มี “บิ๊กตั้น” ณัฐฏพล ทีปสุวรรณ อดีต รมว.ศึกษาธิการ ปั้นไว้รอ ก็ไร้ความเคลื่อนไหวอย่างสิ้นเชิง

หรือ “พรรคขวาสุดซอย” อย่าง “ค่ายไทยภักดี” ของ “หมอวรงค์” นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม และ “ค่ายรวมพลัง” ที่พะยี่ห้อ “พญานาค” ของ “กำนันเทือก” สุเทพ เทือกสุบรรณ ที่แม้จะหนุน “ลุงตู่” สุดตัว แต่ก็ไม่น่าใช่ทางเลือกที่ดีของ “ประยุทธ์” หากจะใช้เป็นนั่งร้าน

ตามรูปการณ์ขุมข่ายอำนาจ “3 ป.” จะกลายเป็น “เสือลำบาก” เพราะย้อนไปสมัยปั้น “พลังประชารัฐ” ที่วันนั้นมีทุน-อำนาจ-กระแส พร้อมสรรพ ยังใช้เวลาตั้งไข่-แต่งตัวอยู่ร่วมปี แต่นี่เหลือเวลาอีกราวครึ่งปีเศษ ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน

เมื่อมวยหลักอย่าง “พรรค 3 ป.” แผ่ว ก็ส่งให้พรรคเกิดใหม่อย่าง “ค่ายสร้างอนาคตไทย” ของ อุตตม สาวนายน-สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ที่ชัดเจนแล้วว่าจะชู “เฮียกวง” สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกฯ เป็นแคนดิเดตนายกฯเบอร์ 1 ดูจะโดดเด่นขึ้นในเวทีการเมือง

ในฐานะที่จะก้าวมาเป็นตัวแทนของขั้วอำนาจ “ฝ่ายขวา” ที่จะต่อกรกับขั้วตรงข้ามอย่างพรรคเพื่อไทย-ก้าวไกล

แม้ช่วงแรกจะไม่หวือหวา เพราะทำการเมืองตามสไตล์ “นักบริหาร-นักวิชาการ” แต่กระแสการตอบรับเริ่มเปลี่ยนไปหลัง “สมคิด” ตอบรับการเป็นแคนดิเดตนายกฯ

ไม่เพียงในประเทศ ขั้วอำนาจใหญ่ของโลกอย่าง “พรรคคอมมิวนิสต์จีน” ยังต้องส่งคนมาหารือ และแสดงความยินดีในโอกาสก่อตั้งพรรค ฉายภาพความยอมรับจาก “มหาอำนาจ” ที่ประเมินแล้วว่า “พรรคจอมยุทธ์กวง” มีโอกาสสูงในการเข้ามาร่วมฝ่ายบริหาร โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ที่ “ทีมสมคิด” เคยดูแลอยู่

ทำนองเดียวกับอีกขั้วที่มี “ค่ายไทยสร้างไทย” ภายใต้การนำของ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรค ขึ้นมา ที่ถือเป็นพรรคที่หวือหวาที่สุดในขณะนี้ก็ว่าได้ กับกิจกรรมทางการเมืองทั้งในสนามเลือกตั้ง กทม. หรือทั่วประเทศที่ “คุณหญิงเจ๊” เดินทางแบบชีพจรลงเท้า

ความโดดเด่นของพรรคไทยสร้างไทย สะท้อนผ่านท่าทีของ “เฮียโทนี่” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ประสานเสียงกับ “นักรบห้องแอร์เพื่อไทย” ที่ตั้งแง่เป็น “ศัตรู” ไล่ถล่มรายสัปดาห์ ทั้งปมโหนทักษิณหาเสียงใมนพื้นที่ภาคอีสาน ที่สาดน้ำลายใส่กันไม่สนหัวหงอกหัวแก่

หรือกรณียื้อแย่งเครดิตโครงการ “30 บาทรักษาทุกโรค” ที่พยายามเขี่ย “หญิงหน่อย” ออกจากสมการขับเคลื่อนโครงการ ทั้งที่สมัยปลุกปั้นโครงการ รมว.สาธารณสุข ก็ชื่อ “สุดารัตน์” ตลอด 4 ปีของรัฐบาลไทยรักไทย 1

การที่ “ทักษิณ” และเครือข่าย ล็อกเป้าถล่ม “พรรคเจ๊หน่อย” อาจจะไม่กังวลถึงขั้นจะมาเป็นคู่แข่งที่เอาชนะกันในการเลือกตั้ง แต่กังวลในฐานะ “ตัวแปร” ที่อาจมาแชร์แต้มทำให้เป้าหมาย “แลนด์สไลด์” เพื่อทวงคืนอำนาจรัฐสะดุด เพราะเดิมก็มี “ค่ายก้าวไกล” ที่ยึดฐานเสียงไปพอสมควรแล้ว

อีกทั้งในจุดขาย “ผู้นำหญิง” ก็อาจทำให้ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวสุดเลิฟที่วางตัวให้เป็นแคนดิเดตคั่วเก้าอี้นายกฯสมัยหน้าอาจดูแย่ลง เมื่อเทียบปอนด์ต่อปอนด์ กับมวยประสบการณ์แบบ “สุดารัตน์”

ทำให้ “พ่อษิณ” ต้องไล่เจาะยางอดีตคนกันเองตั้งแต่ต้นยก ด้วยมีบทเรียนแล้วจากเลือกตั้ง 2562 ที่แม้เข้าป้ายเป็นที่ 1 แต่เสียงไม่พอชิงจัดตั้งรัฐบาล

เพราะความจริงความฝันของ “ทักษิณ” นั้นไม่ใช่แค่ผลักดัน “ลูกอิ๊ง” ให้ได้เป็นนายกฯ สร้างประวัติศาตร์ “นายกฯพ่อลูก” หลังจากเคยปั้น “นายกฯพี่น้อง” สำเร็จมาแล้วเท่านั้น แต่ฝันสูงสุดของ “นายห้างดูไบ” ก็คือทำทุกวิถีทางที่จะได้กลับบ้านแบบเท่ๆ โดยไม่มีคดีติดตัว ซึ่งแผน “แลนด์สไลด์” ถล่มทลายเป็นก้าวแรกในการชิงคืนอำนาจมาอยู่ในมือให้ได้

ที่สำคัญคือ ระยะหยังมีเสียงวิจารณ์อื้ออึงว่าเกิดอะไรขึ้นกับ “นายใหญ่เสื้อแดง” เพราะมีท่าทีอ่อนลงชัดเจน ก็ตอบแทนได้เพียงว่า จำเป็นต้องทำเพื่อลดแรงเสียดทานที่อาจมีไปถึง “ลูกอิ๊ง” ที่เสี่ยงส่งลงมาโลดแล่นในสมรภูมิการเมืองเต็มตัวแล้ว

ส่วนจะได้ “สัญญาณ” อะไรหรือไม่ ก็เป็นอีกเรื่อง แค่ว่าวันนี้ “ทักษิณ” พร้อมทำทุกอย่าง ยอมได้ทุกประตู

แค่ได้กลับบ้าน อะไรก็ยอม.


กำลังโหลดความคิดเห็น