xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ปลุกสัญญาณชีพสัตว์ทะเลหายาก พิทักษ์ “โลมา 14 ตัวสุดท้าย” แห่ง “ทะเลสาบสงขลา”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - เกิดการสูญเสียสัตว์ทะเลหายากในน่านน้ำไทยอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดกับกรณีของ  “โลมาอิรวดีฝูงสุดท้าย ในทะเลสาบสงขลา จ.พัทลุง”  ระยะเวลา 16 ปี โลมาอิรวดีเกยตื้นตายทั้งหมด 94 ตัว ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการติดเครื่องมือประมง จวบจนกระทั่งปี 2565 ในทะเลสาบสงขลาหลงเหลือ  “โลมาอิรวดี 14 ตัวสุดท้าย”  

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอีกหนึ่งประเด็นใหญ่ด้านสิ่งแวดล้อม โดยหน่วยงานซึ่งมีหน้ากำกับดูแลโดยตรงอย่าง  “กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม”  ที่มี  “นายวราวุธ ศิลปอาชา”  นั่งแท่นเจ้ากระทรวงฯ ต้องเร่งหาทางออกและทำคลอดมาตราการเชิงรุกในการพิทักษ์ปกป้องสัตว์หาทะเลหายากจำพวกนี้ นับเป็นโจทย์ใหญ่ที่ทุกภาคส่วนต้องระดมความคิด จะทำอย่างไรให้ประชากรโลมาอิรวดี 14 ตัวสุดท้าย มีชีวิตอยู่รอดในทะเลสาบสงขลาต่อไป

กล่าวสำหรับ “โลมาอิรวดี” จัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครอง พ.ศ.2535 รวมถึง เป็นสัตว์ที่ได้รับการคุ้มครองตามข้อตกลงระหว่างประเทศ โดยในการประชุม CITES ครั้งที่ 13 เมื่อปี 2546 โดยประเทศไทยได้เสนอให้โลมาอิรวดีเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองบัญชีที่ 1 อันมีผลทำให้โลมาอิรวดีได้รับความคุ้มครองสูงสุดในระดับนานาชาติ

 ปัจจุบันในโลกมีโลมาอิรวดีในแหล่งน้ำจืดเหลือเพียง 5 แห่ง ได้แก่ อินเดีย 140 ตัว, อินโดนิเซีย 90 ตัว, เมียนมาร์ 80 ตัว, กัมพูชา 90 ตัว และไทย 14 ตัว  

ส่วนที่ลาว โลมาอิรวดีตัวสุดท้ายที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำโขงทางตอนใต้ของประเทศลาวเสียชีวิตเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 หลังจากติดอวนจับปลาของชาวประมงในพื้นที่ เท่ากับเป็นการสูญพันธุ์จากประเทศลาวอย่างเป็นทางการ



ทะเลสาบสงขลา
ทั้งนี้ โลมาอิรวดี หรือโลมาหัวบาตรมีครีบหลัง เป็นโลมาชนิดหนึ่งอยู่ในวงศ์โลมามหาสมุทร (Delphinidae) ได้รับการค้นพบครั้งแรกที่แม่น้ำอิรวดีในประเทศพม่า จึงเป็นที่มาของชื่อดังกล่าว มีรูปร่างหน้าตาคล้ายโลมาทั่วไป แต่มีลักษณะเด่นคือ หัวที่มนกลมคล้ายบาตรพระ ลำตัวสีเทาเข้ม แต่บางตัวอาจมีสีอ่อนกว่า ตามีขนาดเล็ก ปากอยู่ด้านล่าง ครีบข้างลำตัวแผ่กว้างเป็นรูปสามเหลี่ยม ครีบบนมีขนาดเล็กมาก มีรูปทรงแบนและบางคล้ายเคียว มีขนาดประมาณ 180–275 เซนติเมตร น้ำหนัก 3.21 กิโลกรัม

จากรายงานการเกยตื้นของโลมาอิรวดีในทะเลสาบสงขลา จ.พัทลุง ตั้งแต่เดือน เม.ย. 2549 - มี.ค. 2565 พบโลมาอิรวดี เกยตื้นตายทั้งหมด 94 ตัว สาเหตุอันดับแรกมาจากการติดเครื่องมือประมง รองลงมาคืออาการป่วยและไม่ทราบสาเหตุ

สำหรับประเทศไทย พิกัดของ “โลมาอิรวดี” อยู่ในทะเลสาบสงขลา จ.พัทลุง ซึ่งเหลืออยู่เพียง 14 ตัวสุดท้ายเท่านั้น ในประเด็นนี้  ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ออกมาเคลื่อนไหวผ่านโพสต์เฟซบุ๊ก thon thamrongnawasawat เปิดเผยบันทึกเรื่องราวความสิ้นหวังสูงสุดของการอนุรักษ์สัตว์น้ำหายากของไทย 14 สุดท้ายแห่งทะเลสาบสงขลา เกี่ยวกับโลมาอิรวดี จากที่เคยมีมากกว่า 100 ตัวในเมืองไทยไทย แต่ลดฮวบเหลือเพียง 14 ตัวสุดท้าย

อิงจากคำบอกเล่าของ  ดร.ก้องเกียรติ กิตติวัฒนาวงศ์  ผู้เชี่ยวชาญสัตว์ทะเลหายากของไทย พบว่า ประชากรโลมาในแม่น้ำโขงของลาวและกัมพูชาเป็นกลุ่มเดียวกัน ดังนั้น หากสามารถอนุรักษ์ในกัมพูชาไว้ได้ ในอนาคตยังมีหวังที่โลมาจะกลับเข้าไปในลาว ต่างจากในทะเลสาบสงขลาของไทยหากตัวสุดท้ายจากไปเมื่อใดนั่นหมายถึงโลมาอิรวดีสูญพันธุ์ในทันที

อ.ธรณ์ เล่าย้อนกลับไป 6,000 ปี ระดับน้ำทะเลในแถบทะเลสาบสงขลาสูงขึ้นเรื่อยๆ จนสูงสุดเมื่อ 6,000 ปีก่อน โลมาอิรวดีซึ่งเป็นสัตว์เฉพาะเขตอินโดแปซิฟิก หากินตามชายฝั่งไปทั่ว โลมาฝูงหนึ่งเข้ามาอยู่ในทะเลเหนือแผ่นดินพัทลุง/สงขลา ระดับน้ำทะเลเริ่มลดต่ำลง จนทะเลกลายเป็นทะเลสาบ เหลือเพียงช่องแคบๆ ที่ยังเชื่อมต่ออยู่กับทะเลข้างนอก แต่โลมายังมีความสุขอยู่ในทะเลสาบ ที่นี่ไม่มีผู้ล่าลูกๆ ของพวกเธอ ยังมีปลากินเยอะแยะเลย ทะเลสาบสงขลาในสมัยก่อนที่สมบูรณ์สุดขีด โลมาออกลูกหลานจนเป็นร้อยๆ ตัว

“แล้วมนุษย์ก็เข้ามา.. สมัยก่อน ความต้องการไม่มาก โลมายังมีความสุข พวกเธอว่ายไล่เลาะเลียบเรือลำน้อยของชาวประมง เราอยู่ด้วยกันได้ ทว่า…คนมีมากขึ้น จับปลามากขึ้น ยังมี…การปล่อยปลาบึกลงในทะเลสาบ เพื่อเป็นสัตว์เศรษฐกิจใหม่ ทำให้เครื่องมือประมงเปลี่ยนไป มุ่งหวังจับปลาบึก โลมากับปลาบึกขนาดใกล้เคียงกัน โลมาไม่เคยรู้จักเครื่องมือชนิดใหม่ หลบไม่เป็น หนีไม่รอด โลมาหายใจด้วยปอด โลมาติดอวนจมน้ำตาย”


ข้อมูลสถิติบ่งชี้ชัด ก่อนหน้านี้ โลมาตายเฉลี่ยปีละ 4 - 5 ตัว ปล่อยปลาบึกปี 2545 - 2551 พอปลาโต คนเริ่มจับ ในช่วงปี 2550 - 2555 โลมาตายเฉลี่ยปีละ 10 ตัว หลังจากนั้น จำนวนตายเริ่มลดลง แต่ไม่ใช่เพราะแก้ปัญหาได้ แต่เป็นเพราะโลมาลดลง จนไม่มีเหลือให้ตาย นอกจากนี้ ยังมีปัญหาอื่นๆ เช่น ปลาที่เป็นอาหารถูกจับจนเหลือน้อย น้ำตื้นมากขึ้นจากตะกอนที่ไหลมาจากการเปิดหน้าดิน ฯลฯ จนถึงเลือดชิด ประชากรเหลือน้อยมาก ผสมพันธุ์กันเอง

สถานการณ์ปัญหาที่เกิดขึ้นพามาสู่ โลมาอิรวดี14 ตัวสุดท้ายในทะเลสาบสงขลา นั่นหมายความกว่าใกล้สูญพันธุ์เต็มที

 นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เปิดเผยว่าศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง สำรวจประชากรโลมาอิรวดี ทั้งโดยวิธีสำรวจทางเรือ สำรวจทางอากาศโดยเครื่องบินเล็กปีกตรึง และอากาศยานไร้คนขับ (Drone) ตั้งแต่ปี 2558-2564 มีแนวโน้มลดลง โดยในปี 2558 มีรายงานการพบประมาณ 27 ตัว แต่ปัจจุบันปี 2565 มีจำนวนเหลืออยู่ประมาณ 15-20 ตัว

ทั้งนี้ ในปี 2561 มีประกาศแนวเขตพื้นที่คุ้มครองโลมาอิรวดีทะเลสาบสงขลา แต่แนวโน้มประชากรยังลดลง มีสถิติการตายในช่วง 16 ปี มากถึง 94 ตัว ดังนั้น จึงจำเป็นต้องเพิ่มการตรวจตราเฝ้าระวัง ป้องกันการทำการประมงที่ผิดกฎหมาย หรือหยุดการใช้เครื่องมือที่เป็นภัยคุกคาม ต่อสัตว์ทะเลหายาก




นอกจากนี้ ทช. ได้สำรวจศึกษา วิจัย เกี่ยวกับการผสมกันแบบเลือดชิดในกลุ่มโลมาทะเลสาบสงขลา การฟื้นฟูสภาพแวดล้อมในทะเลสาบ แก้ปัญหาการเกิดมลพิษ การตื้นเขิน และเพิ่มปริมาณสัตว์น้ำ ซึ่งเป็นอาหารของโลมาอิรวดี รวมทั้งสร้างศูนย์ช่วยเหลือ และพยาบาลสัตว์ทะเล เพิ่มประสิทธิภาพการช่วยเหลือพร้อมอุปกรณ์การปฏิบัติ

 น.ส.ราตรี สุขสุวรรณ์ 
 ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง เปิดเผยผลสำรวจโลมาอิรวดีในทะเลสาบสงขลา จ.พัทลุง ล่าสุดเมื่อประมาณเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา มีการบินสำรวจโดยใช้เครื่องบินขนาดเล็ก แล้วก็โดรน สัมภาษณ์ ลงเรือ พร้อมกับใช้เครื่องบันทึกเสียงของโลมา ล่าสุด ยังพบโลมาอิรวดีอยู่ และที่สำคัญพบซากอาหารที่โลมากินไป เนื่องจากอาหารที่โลมากินจะกินตัวเหลือแต่หัว ทำให้เราเห็น นั่นคืออาหารของโลมาในแหล่งพื้นที่ที่เป็นเขตอนุรักษ์ที่เขาอยู่ประจำในพื้นที่ประมาณ 80,000 ไร่ ตรงไข่แดงของทะเลสาบตอนบน อันนั้นเป็นพื้นที่ที่เขาอยู่

“เราควรจะร่วมกันอนุรักษ์ปลาโลมาอิรวดีในทะเลสาบสงขลา ซึ่งเป็นโลมาน้ำจืด ที่มีอยู่หนึ่งในห้าแห่งของโลก และในห้าแห่งนี้ ประเทศไทยหรือทะเลสาบสงขลาเป็นแหล่งวิกฤตที่สุด หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพยายามร่วมมือกัน บูรณาการ ชาวประมงส่วนหนึ่งในพื้นที่เขาเข้าใจ ให้ความร่วมมือในการอนุรักษ์อย่างเต็มที่ แต่มีบางส่วนที่ชาวประมงอาจมาจากนอกพื้นที่ ไม่ได้รับรู้ข้อมูลตรงนี้ ปัจจุบันข้อมูลคือวงกว้างขึ้น และเข้าใจกันมากขึ้นในระดับหนึ่ง และที่ระวังคือเรื่องของการใช้เครื่องมือประมง ในเขตที่ห้าม เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยอยู่จริงๆ ก็คือเครื่องมือประมงปลาบึกที่มีผลกระทบโดยตรงต่อโลมาอิรวดี” น.ส.ราตรี สุขสุวรรณ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง กล่าว

อย่างไรก็ดี สถานการณ์ “โลมาอิรวดีฝูงสุดท้าย ในทะเลสาบสงขลา จ.พัทลุง” ทางด้าน นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทราบดีถึงปัญหาและให้ความสำคัญในการพิทักษ์สัตว์ทะเลหายากอย่างเต็มกำลัง โดยชี้แจงข้อเท็จจริงและแนวทางการทำงานเพื่อรักษา โลมาอิรวดีฝูงสุดท้าย ผ่านเฟสบุ๊ค TOP Varawut - ท็อป วราวุธ ศิลปอาชา ตอนหนึ่งความว่า ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง จึงได้สำรวจประชากรโลมาอิรวดี ทั้งโดยวิธีทางเรือ สำรวจทางอากาศโดยเครื่องบินเล็ก และอากาศยานไร้คนขับ (Drone) เพื่อคอยดูแลและเฝ้าระวัง มาตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปัจจุบัน

ในช่วงปี 2561 มีการประกาศแนวเขตพื้นที่คุ้มครองโลมาอิรวดีทะเลสาบสงขลา แต่แนวโน้มประชากรยังคงลดลง โดยในปี 2558 มีรายงานการพบ 27 ตัว แต่ปัจจุบัน ปี 2565 เหลืออยู่ 14 ตัว จึงจำเป็นต้องเพิ่มการตรวจตราเฝ้าระวัง ป้องกันการทำการประมงที่ผิดกฎหมาย หรือหยุดการใช้เครื่องมือที่เป็นภัยคุกคามเข้มงวดมากขึ้น

ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง ได้ทำการออกสำรวจโลมาอิรวดีในทะเลสาบสงขลาโดยใช้เครื่องมือ Acoustic survey


ในด้านการดูแลความปลอดภัยของโลมาอิรวดี 14 ตัว ที่เหลืออยู่ตอนนี้ แบ่งเป็น “ระยะสั้น”  จะมุ่งเน้นไปที่เรื่องระบบ การลาดตระเวนเชิงคุณภาพ ของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ให้ถี่ถ้วนมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการออกทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน และชาวประมงในพื้นที่ ถึงความสำคัญของ 14 ชีวิต ที่เหลืออยู่

ทั้งนี้ ความเคยชินในวิถีการทำประมงที่ยังหมิ่นเหม่ต่อการดำรงชีวิตของโลมาอิรวดี ของผู้คนในพื้นที่บางคน และบางส่วนมาจากนอกพื้นที่ ที่อาจจะยังไม่รู้ถึงความสำคัญตรงนี้ พวกเราจะหาแนวทางปรับความเข้าใจกันใหม่ ให้เข้มงวด และเข้าใจให้ตรงกัน เชื่อว่าเมื่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่เข้าใจ เขาจะต้องรักและหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นสมบัติของพวกเขาแน่นอนครับ

และ “ระยะยาว”  จำเป็นต้องสำรวจศึกษา วิจัย เกี่ยวกับการผสมพันธุ์แบบเลือดชิดในกลุ่มโลมาทะเลสาบสงขลา การฟื้นฟูสภาพแวดล้อมในทะเลสาบ การแก้ปัญหามลพิษ การตื้นเขิน และเร่งเพิ่มปริมาณสัตว์น้ำซึ่งเป็นอาหารของโลมาอิรวดี รวมทั้ง สร้างศูนย์ช่วยเหลือและพยาบาลสัตว์ทะเล เพิ่มประสิทธิภาพการช่วยเหลือพร้อมอุปกรณ์การปฏิบัติอย่างเป็นระบบ ควบคู่ไปกับการดูแลจัดการถิ่นที่อยู่ของโลมา และการจัดการสภาพแวดล้อมของทะเลสาบสงขลา อย่างระมัดระวัง

อย่างไรก็ตาม การพิทักษ์โลมาอิรวดีฝูงสุดท้าย แห่งทะเลสาบสงขลา เรื่องของการลาดตระเวน และการสำรวจวิจัยเป็นส่วนสำคัญ ซึ่งในเวลานี้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกำลังระดมสรรพกำลังอนุรักษ์และปกป้องสัตว์ทะเลใกล้สูญพันธ์กันอย่างเต็มกำลัง


กำลังโหลดความคิดเห็น