xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ยกแรก เพิกถอน นส.3 ก. 2พันไร่ “รุกป่า” ยกต่อไป “แม่-ลูก” “จึงรุ่งเรืองกิจ” มีหนาว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


 สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ | ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -  หลังเงื้อง่ามานานข้ามปี ในที่สุดกรมที่ดินก็ออกคำสั่งเพิกถอน น.ส.3 ก. จำนวน 2,111 ไร่ ของแม่-ลูก “จึงรุ่งเรืองกิจ” เนื่องจากมีการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ หลังจากนี้ก็ต้องลุ้นระทึกว่าคดีอาญาที่พนักงานสอบสวนมีความเห็นไปยังอัยการสั่งไม่ฟ้อง “สมพรและพวก” รวมทั้งการยื่นดาบให้ ปปง.ฟันอีกคดี จะไล่ล่าตามหลังมาในอีกไม่ช้าหรือไม่? 

คดีรุกป่าของคนดังที่ตีคู่กันมาเมื่อประมาณปีสองปีที่แล้วและเป็นข่าวครึกโครม นอกจากคดีของ  “เอ๋-ปารีณา ไกรคุปต์” ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ รุกป่าสงวนแล้ว ยังมีกรณีของ   นางสมพร จึงรุ่งเรืองกกิจ มารดาของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า รวมถึงที่ดินของตัวนายธนาธรเอง และ  นางชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ  พี่สาวของนายธนาธร บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ  “ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี” อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ที่สังคมให้ความสนใจ

กรณีของ “เอ๋-ปารีณา” แม้จะเป็น ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ แต่การเร่งรัดคดีมีความคืบหน้า ฟันกันฉับๆ จน “เอ๋ - ปารีณา” แทบหายหน้าไปจากวงการสังคมการเมือง แต่กรณีรุกป่าของแม่-ลูก “จึงรุ่งเรืองกิจ” ที่กรมป่าไม้ เร่งยิกๆ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรีบจัดการเสียโดยไวกลับดำเนินไปอย่างช้าๆ

กระทั่งเมื่อวันที่ 29 มี.ค.2565 กรมที่ดินก็มีคำสั่งเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3ก.) ของนางสมพรรวมถึงนายธนาธร และน.ส.น.ส.ชนาพรรณ ที่ครอบครองที่ดินในเขตป่าไม้ถาวร อ.จอมบึง จ.ราชบุรี จำนวน 59 ฉบับ เนื้อที่รวม 2,111-1-69 ไร่ หลังตรวจสอบพบส่วนใหญ่อยู่ในเขตป่าไม้ถาวร ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี เอกสารสิทธิ์การใช้ประโยชน์ที่ดินที่ครอบครองนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม คำสั่งนี้เป็นคำสั่งทางปกครอง ผู้มีส่วนได้เสีย สามารถอุทธรณ์หรือโต้แย้งคำสั่งนี้ ต่ออธิบดีกรมที่ดิน ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งตามนัยมาตรา 44 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 และผู้มีส่วนได้เสียสามารถที่จะยื่นคำฟ้องต่อศาลปกครองชั้นต้น ภายในระยะเวลา 90 วัน นับแต่วันที่รู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดี ตามมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542

ทั้งนี้ นายธนาธร มีชื่อครอบครอง น.ส. 3 ก. จำนวน 2 แปลง เนื้อที่ 81 ไร่ 3 งาน เป็น น.ส.3 ก. เลขที่ 158 และ 159 ส่วนที่เหลือเป็นของนางสมพร และ น.ส.ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ

กรณีการถือครอง น.ส.3 ก. จำนวน 2 ฉบับ ของนายธนาธร ซึ่ง 1 ใน 2 ฉบับ คือ น.ส.3 ก. เลขที่ 158 ต.ด่านทับตะโก อ.จอมบึง จ.ราชบุรี เนื้อที่ 43 ไร่ 3 งาน ออกเมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2521 ในชื่อนายอุดม กิตติอุดมพานิช อยู่บ้านเลขที่ 35 หมู่ที่ 4 ต.ด่านทับตะโก อ.จอมบึง จ.ราชบุรี โดย นายโกศล ลักษิตานนท์ เป็นผู้ลงนามเห็นควรออก น.ส.3 ก. และ นายเฉลิมวงศ์ สรรพศิริ ปลัดอำเภอ ทำการแทนนายอำเภอจอมบึง เป็นผู้ลงนามใน น.ส.3 ก.

จากนั้นวันที่ 12 ก.ย. 2528 จดทะเบียนขายให้แก่ บริษัท ไร่อ้อยมิตรผล จำกัด ต่อมาวันที่ 13 ธ.ค. 2528 บริษัท ไร่อ้อยมิตรผล จำกัด จดทะเบียนขายให้แก่ นายสาโรจน์ วสุวานิช รวม 2 แปลง (รวมกับแปลงอื่นอีก 1 แปลง เป็น 2 แปลง) กระทั่งวันที่ 23 พ.ค. 2543 นายสาโรจน์ จดทะเบียนขาย ให้แก่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

สำหรับที่มาที่ไปของการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวของแม่-ลูก “จึงรุ่งเรืองกิจ” สืบเนื่องจากศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า (ศก.พป.) กรมป่าไม้ ได้ตรวจสอบข้อมูล ตำแหน่งพิกัดในพื้นที่จริง และย้ายรูปแปลง น.ส.3 ก.ดังกล่าว จากระวางรูปถ่ายทางอากาศ มาตราส่วน 1:5,000 ลงในระวางรูปถ่ายทางอากาศ มาตรา 1:4,000 ปรากฏว่า น.ส.3 ก.ทั้ง 59 ฉบับ ตำแหน่งที่ดินอยู่ในเขตป่าไม้ถาวร ที่กรมพัฒนาที่ดิน ได้ขีดเขตป่าลงในระวางแผนที่ และยืนยันแนวเขตที่ได้ขีดไว้แล้วทั้งแปลง ขณะที่กรมป่าไม้ ได้ยืนยันแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติที่ได้ขีดเขตไว้ในระวางแล้วเช่นกัน ทางกรมป่าไม้ จึงส่งเรื่องให้กรมที่ดินพิจารณาเพิกถอน นส.3 ก.ดังกล่าว

นอกเหนือจาก นส.3 ก. 59 ฉบับแล้ว ยังมี น.ส.3 ก.อีก 1 ฉบับ บางส่วนได้ออกไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายในเขตป่าไม้ถาวรดังกล่าว ซึ่งเรื่องอยู่ระหว่างการตรวจสอบและจัดทำรูปแผนที่กันเขต น.ส.3 ก. เพื่อเพิกถอนบางส่วนให้ถูกต้องตามกฎหมายต่อไป

ไม่เพียงแต่การเพิกถอนเอกสารสิทธิ์การใช้ประโยชน์ที่ดิน นส.3 ก. เท่านั้น กรมป่าไม้ ยังเดินหน้าดำเนินคดีอาญา โดยปัจจุบันเรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการจังหวัดราชบุรี ซึ่งเมื่อมีคำสั่งของกรมที่ดิน เมื่อวันที่ 29 มี.ค. 2565 เพิกถอน นส.3 ก. 59 แปลง ดังกล่าวข้างต้น ก็ถือถือเป็นหลักฐานสำคัญประกอบการพิจารณาของอัยการ ที่จะดำเนินคดีต่อนางสมพรและพวก ต่อไป

นอกจากนี้นางสมพรยังถูกกล่าวหาอีก 1 คดีจากกรมป่าไม้ โดยกรมป่าไม้ ส่งเรื่องไปยังเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อขอให้ดำเนินคดีกับนางสมพร ในฐานความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรณีการยึดถือ หรือครอบครองทรัพยากรธรรมชาติ หรือแสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติโดยมิชอบด้วยกฎหมาย อันมีลักษณะเป็นการค้า ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ปปง. พ.ศ. 2542 มาตรา 3 (15) ในการถือครองที่ดิน น.ส.2 จำนวน 7 แปลง เนื้อที่ 250 ไร่ และ ภ.บ.ท.5 จำนวน 1 แปลง เนื้อที่ 90 ไร่ รวม 8 แปลง เนื้อที่ 440 ไร่ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี

กรณีที่กรมป่าไม้ ส่งเรื่องไปยัง ปปง. นั้น สืบเนื่องจากคณะเจ้าหน้าที่ของกรมป่าไม้ ลงพื้นที่ตรวจสอบตรวจพบที่ดินแปลงดังกล่าว ตรวจพบมีการแสดงเอกสารสิทธิในที่ดิน จํานวน 8 แปลง ประกอบด้วย น.ส.2 จํานวน 7 แปลง เนื้อที่ 250-0-00 ไร่ และ ภ.บ.ท. 5 จำนวน 1 แปลง เนื้อที่ 90 ไร่ ที่ดินทั้งหมดอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี (พ.ศ. 2527) ซ้อนทับกับเขตปฏิรูปที่ดินของสํานักปฏิรูปที่ดิน (พ.ศ. 2554) และซ้อนทับกับเขตป่าไม้ถาวร “ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี หมายเลข 85 (พ.ศ. 2512)

จากการตรวจสอบของกรมป่าไม้ พบว่า หลักฐานการมอบอำนาจให้นางอรสา เศรษฐปราโมทย์ นําชี้และมอบที่ดิน น.ส. 2 ให้จัดทำป่าชุมชน ตรวจสอบร่องรอยการทำประโยชน์พบการทำแปลงยูคาลิปตัส และหลักฐานการชําระภาษี บํารุงท้องที่ จำนวน 3 ฉบับ ประจำปี 2553 - 2556 ปรากฏชื่อนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นผู้ชําระภาษีบํารุงท้องที่ จึงสันนิษฐานได้ว่านางสมพรครอบครองที่ดิน น.ส. 2 และภ.บ.ท.5 จำนวน 8 แปลง เนื้อที่ 440 ไร่ ขณะนี้ เรื่องอยู่ระหว่างการดำเนินการของ ปปง.

เท่ากับกรณีถือครองที่ดินในส่วน 440 ไร่ ของนางสมพร ถูกกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน บก.ปทส. ดำเนินคดีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ2507 และ พระราชบัญญัติป่าไม้ 2484 ขณะเดียวกันยังถูก ปปง.ดำเนินคดีในความผิด มูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3 (15) อีกทางด้วย

แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เอกสารสิทธิ์ที่ออกมาโดยมิชอบนั้น เป็นเอกสารที่ทางราชการเป็นผู้ออกให้แก่ผู้ครอบครองที่ดิน ซึ่งผ่านมือผู้ถือครองมาแล้วสองสามรายก่อนจะมาถึงมือแม่-ลูก “จึงรุ่งเรืองกิจ” การเอาผิดในเรื่องนี้จึงต้องสืบสาวไปยังเจ้าหน้าที่รัฐผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการออกเอกสารสิทธิ์ และผู้ที่ครอบครองที่ดินอยู่ก่อนหน้านี้ ใช่หรือไม่? ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ บริษัท ไร่อ้อยมิตรผล จำกัด จะต้องติดร่างแหด้วย ใช่หรือไม่?

และต้องไม่ลืมว่า การออกเอกสารสิทธิ์ดังกล่าว เป็นการออกตามโครงการเดินสำรวจออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3ก.) โดยใช้รูปถ่ายทางอากาศ เมื่อมีการตรวจสอบตำแหน่งพิกัดในพื้นที่จริงและย้ายรูปแปลง นส.3 ก. จากระวางรูปถ่ายทางอากาศ มาตราส่วน 1:5,000 ลงในระวางรูปถ่ายทางอากาศ มาตรา 1:4,000 จึงปรากฏว่า น.ส.3 ก.ทั้ง 59 ฉบับ ตำแหน่งที่ดินอยู่ในเขตป่าไม้ถาวร นั่นเท่ากับว่า รูปถ่ายทางอากาศ และมาตราส่วนที่ใช้จาก 1:5,000 มาเป็น 1:4,000 กับตำแหน่งพิกัดในพื้นที่จริงไม่ตรงกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้เมื่อมีการขยายมาตราส่วน ที่สำคัญคือ ทั้งหลายทั้งปวงนั้นเป็นการดำเนินการของฝ่ายรัฐ ที่มีหน้าที่ในการออกเอกสารสิทธิ์ทั้งสิ้น

 เมื่อกล่องแพนโดร่าได้ถูกเปิดขึ้นแล้ว การกล่าวโทษเอาผิดแม่-ลูก “จึงรุ่งเรืองกิจ” ย่อมสะเทือนไปถึงชาวบ้านชาวช่องที่ครอบครองที่ดินที่ทางการออกเอกสารสิทธิ์ให้ในคราวเดียวกันนั้นด้วย ซึ่งถ้ากรมที่ดินเอาผิดถ้วนหน้าคงม้วยมรณากันทั้งเขตป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี เป็นแน่แท้ 




กำลังโหลดความคิดเห็น