xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ไทย “เทียร์สอง” ค้ามนุษย์แรงไม่แผ่ว “แม่เล้าวัยรุ่น” ดัน “ค้ากามเด็ก” พุ่ง ล่อลวง - ฟันหัวคิว - ข่มขู่ทำร้าย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เจ้าหน้าที่ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ดำเนินการจับกุมแม่เล้าวัยรุ่น ค้าประเวณีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ในโซเชียลมีเดียอย่างต่อเนื่อง
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - จากรายงานการค้ามนุษย์ประจำปี 2564 ของสถานทูตสหรัฐฯ และสถานกงสุลในไทยระบุว่า ประเทศไทยถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มที่ 2 บัญชีรายชื่อประเทศที่ต้องจับตามอง หรือ “เทียร์สอง” (Tier 2 Watch List)

 ปมปัญหาค้ามนุษย์ยังเป็นปัญหาเรื้อรังในสังคมไทย แม้จะมีความพยามปราบปราบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายปกครองต่างๆ โดยสถิติในปี 2564 ความผิดฐานค้ามนุษย์ในไทยปัญหา พบว่าการค้าบริการสูงเป็นอันดับหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นการค้าประเวณีเด็กกลายกำลังซ้ำเติมสถานการณ์ค้ามนุษย์ให้เลวร้ายลง ทั้งกรณีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ถูกล่อลวง และข่มขู่ทำร้ายให้ขายบริการทางเพศ รวมทั้ง การบุกจับกุมขบวนการเอเยนต์วัยกระเตาะอย่างต่อเนื่อง พบแม่เล้าพ่อเล้าจำนวนไม่น้อยอายุต่ำกว่า 18 ปี ไล่ระดับตั้งแต่ 14 ปี 15 ปี เลยทีเดียว  


สำนักแผนงานและงบประมาณ ศาลยุติธรรม รายงานว่า จำนวนคดีความผิดต่อพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 ที่เข้าสู่การพิจารณาพิพากษาของศาลทั่วราชอาณาจักร ระหว่างเดือน มกราคม - ธันวาคม 2564 มีคดีที่เข้าสู่การพิจารณาทั้งหมด 402 คดี โดยรูปแบบความผิดในฐานการค้ามนุษย์ทั้งหมด 402 คดี

พบว่าการค้าบริการเป็นปัญหาอันดับหนึ่ง “การแสวงหาผลประโยชน์จากการค้าประเวณี จำนวน 221 คน หรือ ร้อยละ 63.32” รองลงมา คือ “ผลิตหรือเผยแพร่วัตถุหรือสื่อลามก จำนวน 16 คน หรือ ร้อยละ 4.58”, “3.การแสวงหาประโยชน์ทางเพศในรูปแบบอื่น จำนวน 14 คน หรือ ร้อยละ 4.01”

รวมทั้ง “นำคนมาเป็นทาส จำนวน 55 คน หรือ ร้อยละ 15.76 5. นำคนมาขอทาน จำนวน 4 คน หรือ ร้อยละ 1.15”, “การบังคับใช้แรงงาน หรือบริการ แบ่งเป็น 3 รูปแบบ 1) การบังคับใช้แรงงานหรือบริการ (ไม่เกี่ยวกับประมง) จำนวน 18 คน หรือร้อยละ 5.16, 2) การบังคับใช้แรงงานหรือบริการ (เกี่ยวกับประมง) จำนวน 19 คน หรือ ร้อยละ 5.44 และ 3) การบังคับใช้แรงงานหรือบริการ (เกี่ยวข้องกับภาคอุตสาหกรรมประมงต่อเนื่อง) จำนวน 2 คน หรือ ร้อยละ 0.57”

 แม้รัฐบาลไทยปราบปรามเด็ดขาดอย่างต่อเนื่อง แต่ปัญหาค้ามนุษย์ค้าประเวณีเด็กยังแรงไม่แผ่ว เดือน มี.ค. 2565 มีการบุกจับกุม แม่เล่าวัยรุ่น อายุ 15 ปี ตั้งซ่องออนไลน์ค้ากาม โดยพฤติกรรมประกาศขายบริการทางเพศผ่านไอจี ซึ่งตัวเด็กเองเป็นเอเยนต์ขายบริการทางเพศเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ไล่ตั้งแต่เด็กอายุ 12, 13, 14, 15 ปี ซึ่งถูกล่อลวงมาค้าบริการ ซึ่งการค้าประเวณีเด็กตอบสนองค่านิยมกลุ่มโรคจิตเปิดซิงเด็ก

หรือย้อนกลับไป เดือน ก.พ. 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบพบพฤติกรรมค้าประเวณีเด็กใน จ.สุราษฎร์ธานี พบผู้เสียหายเด็กหญิงวัย 13 ถูกชักชวนให้ขายบริการทางเพศ รวมทั้ง มีการขยายผลช่วยเหลือเด็กหญิงเหยื่อค้ามนุษย์ อายุ 14 - 16 ปี 5 คน และทำการจับกุมตัวผู้กระทำผิดเป็นธุระจัดหา (แม่เล้า) รวม 4 คน นอกจากนี้ ยังพบว่าหนึ่งในผู้ถูกกระทำอายุ 14 ปี ได้ผันตัวเองมาเป็นแม่เล้า 

อย่างไรก็ตาม  พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผช.ผบ.ตร. ได้สั่งการเอาผิดกลุ่มชายซื้อบริการทางเพศเด็ก ขยายผลดำเนินคดีกับผู้ซื้อบริการทางเพศเด็กทั้งหมด 8 คน ซึ่งพบว่าเป็นลูกชายอดีตนักการเมืองใน จ.สุราษฎร์ธานี เป็นหมอ เป็นนายทหาร โดยหนึ่งในผู้ซื้อบริการอ้างว่าไม่ทราบว่าผู้ขายบริการเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี

นอกจากนี้ ทางกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) ได้เปิดยุทธการกวาดล้างเครือข่ายค้ามนุษย์อย่างต่อเนื่อง ย้อนกลับไปช่วงปลายปี 2564 เปิดยุทธการ  “ลูกแกะน้อยออนไลน์”  ขยายผลจับกุมเครือข่ายนายหน้าธุระจัดหา (โมเดลลิ่ง) หลายจุดทั่วประเทศ โดยพบว่านำเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 18 ปี มาเสนอขายบริการทางเพศผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ เชิญชวนซื้อบริการ รวมถึง ยุทธการ  “พิทักษ์ลูกกวางน้อย”  บุกทลายเครือข่ายค้ามนุษย์ในภาคอีสาน จับกุมผู้กระทำความผิดค้าบริการเด็กอายุ 16 ปีผ่านช่องทางออนไลน์

ทั้งหมดนี้ในฐานความผิดลักษณะเดียวกัน คือ ค้ามนุษย์โดยแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณี ได้กระทำแก่บุคคลอายุเกินกว่าสิบห้าปีแต่ไม่ถึง 18 ปี, เพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไปหรือพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งชายหรือหญิงแม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตามได้กระทำแก่บุคคลอายุเกินกว่า 15ปี แต่ไม่ถึง 18 ปี, รับผลประโยชน์ไม่ว่ารูปแบบใดจากการค้าประเวณีของผู้อื่นหรือจากผู้ซึ่งค้าประเวณี หรือ จัดให้มีการค้าประเวณีระหว่าง ผู้ซึ่งค้าประเวณีกับผู้ใช้บริการ, พรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปีแต่ยังไม่เกิน 18 ปี ไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลเพื่อหากำไรหรือเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย ฯลฯ

 ตามข้อมูลระบุว่าเรทราคาขายบริการเด็กจะอยู่ราวๆ 1,200 – 2,000 บาท บางรายสูงถึง 5,000 บาท เด็กสาวยิ่งอายุน้อยจะขายได้ราคา หรืออาจมากกว่านั้นตามแต่ตกลง โดยแม่เล้าวัยรุ่นจะหักค่าหัวคิวเป็นเงินจำนวนมากกว่า 50 – 70 % เลยทีเดียว 

 นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ  ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สำนักการสอบสวนและนิติการกรมการปกครอง เปิดเผยว่าแม้สถานการณ์โควิดกำลังระบาด แต่ยังมีธุรกิจค้าประเวณีเด็กเปิดโจ๋งครึ่งกลางใจกรุงเทพฯ ไม่นานมานี้พบว่าแม่เล้ามีการนำเด็กหญิงมาเสนอขายให้ลูกค้าทั้งชาวต่างชาติและคนไทยที่มาเที่ยวสถานบริการเลือกซื้อบริการทางเพศ ไม่ต่างจากเป็นสินค้าชนิดหนึ่งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชน ซึ่งผู้ประกอบการสถานบันเทิงควรมีความรับผิดชอบต่อสังคม สถานบริการเป็นสถานที่ต้องห้ามมิให้ให้เยาวชนเข้าไปทำงาน หากพบมีพฤติการณ์แอบแฝงค้าประเวณีเด็ก ซึ่งเป็นความผิดฐานค้ามนุษย์จะมีโทษสูง

 นายสุปรีย์ เสาวิจิตร  ผู้อำนวยการองค์การ โอ.ยู.อาร์. องค์การไม่แสวงหากำไรระหว่างประเทศ ที่จัดตั้งเพื่อวัตถุประสงค์ในการสนับสนุนเจ้าหน้าที่ บังคับใช้กฎหมายในการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ รวมทั้งการแสวงหาประโยชน์ทางเพศในเด็ก เปิดเผยว่าผู้กระทำความผิดมักจะเลือกเด็ก หรือบุคคลที่มีความเปราะบางอันเนื่องมาจากฐานะทางเศรษฐกิจ สังคม หรือการไม่ได้รับการดูแลอย่างทั่วถึงจากผู้ปกครอง และขาดความยับยั้งชั่งใจจากการหลอกล่อของผู้กระทำความผิด

อย่างไรก็ดี โอ.ยู.อาร์. ได้เรียกร้องไปยังรัฐทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอำนวยความสะดวกแก่ผู้เสียหายและครอบครัว ในการฟื้นฟูดูแลในระยะยาว ทั้งด้านกระบวนการยุติธรรม การศึกษา ครอบครัว และปัจจัยด้านอื่นๆ ที่จำเป็น เพื่อให้เยาวชนเหล่านี้ได้มีโอกาสที่ดีกว่าในการดำเนินชีวิตต่อไป

ในประเด็นเดียวกันนี้ **มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล** ระบุว่าคดีค้าประเวณีไม่ควรเอาผิดเฉพาะผู้จัดหา หรือผู้ขายบริการ แต่ควรเอาผิดผู้ซื้อบริการด้วย เพื่อตัดตอน เมื่อไม่มีการซื้อแล้วการขายก็ทำได้ยาก รวมถึงต้องเปลี่ยนวิธีคิดผู้ชาย ลบล้างค่านิยมการใช้บริการทางเพศเพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเอง โดยรัฐต้องทำให้เกิดความเท่าเทียม ทั้งเรื่องการศึกษาและอาชีพ ซึ่งสอดคล้องกับทางมูลนิธิเพื่อนหญิง มองว่า กฎหมายค้าประเวณีไม่ควรมุ่งเอาผิดคนนำพาอย่างเดียว แต่ต้องเอาผิดทั้งกระบวนการ รวมถึงผู้ซื้อบริการและสาวให้ลึกถึงผู้อยู่เบื้องหลัง รวมทั้งนายหน้าที่แท้จริง

บทความเรื่อง  “สาเหตุหนึ่งที่เด็กและเยาวชนก้าวสู่การค้าประเวณี” โดย  ผดุง จิตเจือจุน  วุฒิอาสาธนาคารสมองจังหวัดสมุทรปราการ สะท้อนภาพว่าเด็กสาวและเด็กชายที่เข้ามาค้าประเวณี มีทั้งสมัครใจและไม่สมัครใจ เด็กสมัครใจส่วนใหญ่จะเป็นเด็กเร่ร่อนจากครอบแตกแยกและหย่าร้าง และเป็นเด็กมาจากครอบครัวที่มีฐานะยากจน พวกเด็กเหล่านี้ก็ต้องการรายได้มาเพื่อยังชีพ ซื้อเสื้อผ้า เครื่องแต่งตัว เครื่องใช้และเครื่องประดับเฉกเช่นคนอื่น ส่วนเด็กที่ไม่สมัครใจเป็นเด็กน่าสงสารมาก ที่ถูกลักพาตัวมาข่มขืน และเป็นเด็กที่ถูกหลอก ถูกล่อลวงมาและถูกบังคับให้ขายตัว

เด็กที่ถูกหลอกล่อลวงมาดังกล่าวส่วนใหญ่จะเป็นเด็กที่มีฐานะยากจน ถูกชักจูงง่ายจากพวกมนุษย์ 18 มงกุฎ ที่แสดงตนว่าเป็นผู้มั่งมี ให้เงินทองแก่พ่อแม่เด็กและขอแต่งงานกับเด็ก พ่อแม่มองว่าลูกสาวได้แต่งกับคนมีฐานะจะมีอนาคตไปได้ไกล ก็ตกลงให้ลูกแต่งออกเรือนไป พ่อแม่ไม่มีทางรู้เลยว่าลูกสาวของตนนั้นมีอนาคตไปได้ไกลแค่ม่านรูดหรือโรงแรม

เหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับเด็กสาวที่เชื่อคนง่ายบางกรณีเท่านั้น แต่ยังมีเล่ห์เหลี่ยมอุบายนานาชนิด ที่นำมาใช้กับเด็กสารพัดอย่าง เพื่อล่อลวงเด็กมาเพื่อทำการข่มขืน และบีบบังคับให้ค้าประเวณี สูญเสียอนาคตตั้งแต่ยังไม่ทันได้เป็นนางสาว ต้องเป็นนางตั้งแต่อายุยังน้อย

 นอกจากนี้ ข้อมูลจากนักสังคมสงเคราะห์ ระบุว่าประวัติเด็กค้าประเวณีตั้งแต่อายุยังน้อย ส่วนใหญ่จะมาจากเด็กเคยมีเพศสัมพันธ์กันมาก่อน มีแฟนและได้เสียกันแล้ว มีความคิดเกี่ยวกับการมีเซ็กซ์เป็นเรื่องธรรมดา เหมือนคนหิวก็รู้จักหาข้าวมากิน เมื่อคนเกิดอารมณ์ความใคร่ก็หาทางปลดปล่อย 

และที่น่ากังวล มีเด็กหลายคนปล่อยตัวเลยตามเลยจนถลำลึก ถึงกับขายตัวหาเงินเป็นงานอดิเรก เพื่อนำเงินมากินมาใช้เที่ยวในกลางคืน มีเด็กหลายรายบอกว่าที่มาขายตัวหาเงินนั้น เพื่อต้องการแสวงหารสชาติกามารมณ์แปลกใหม่บนเตียง

 สถานการณ์ค้ามนุษย์เป็นโจทย์ข้อใหญ่ของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยเฉพาะปัญหาค้าประเวณีเด็ก วัยรุ่นอายุต่ำกว่า 18 ปี ผันตัวมาเป็นแม่เล้าพ่อเล้า กลุ่มเด็กและเยาวชนที่เข้าสู่วงจรอุบาดทั้งโดยเต็มใจและถูกบังคับ ท้ายที่สุด การปราบปรามบุกจับกุมเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุการค้าประเวณีที่ปลายเหตุ ฉะนั้น คงต้องติดตามคำตอบของโจทย์ข้อใหญ่นี้จะเป็นเช่นไร 


กำลังโหลดความคิดเห็น