ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - คดีการเสียชีวิตแบบเป็นปริศนาของนักแสดงสาว “แตงโม-นิดา” หรือ “ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์” ยังคงเป็นประเด็นสังคมที่ทุกคนให้ความสนใจ และพยายามค้นหาความกระจ่างว่าแท้จริงแล้ว เป็นอุบัติเหตุ ? ความประมาท ? ฆาตกรรม? หรือเป็นอุบัติเหตุแบบ “ไม่ปกติ”? เพราะดูเหมือนยิ่งนานวัน ก็จะมีหลักฐานหรือเงื่อนงำต่างๆ ออกมาให้สังคมวิเคราะห์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง
หลายข้อสงสัย ก็ยังไม่สามารถหาคำตอบได้อย่างชัดเจน
อาจจะเป็นเพราะว่ามีคนใหญ่คนโตอยู่เบื้องหลังหรือไม่ ? อย่างไร ? ก็ยังไม่ชี้ชัด
ขณะเดียวกันมีความไม่ชอบมาพากลที่สะท้อนออกมาจากคดีของแตงโม ไม่ว่าเป็นจะพฤติการณ์ พฤติกรรมของกลุ่มบุคคลที่อยู่ในเรือลำเกิดเหตุ ในวันที่นักแสดงสาวถึงแก่ชีวิตก็ล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยความน่าคลางแคลงใจทั้งสิ้น โดยเฉพาะที่สังคมพุ่งประเด็นเป็นคนแรก ก็คือ “กระติก-อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์” เพื่อนสนิทที่ควบฐานะเป็นผู้จัดการส่วนตัวของนักแสดงสาวผู้ล่วงลับแบบเป็นปริศนา ซึ่งสังคมพากันตั้งคำถามเกี่ยวกับคำพูด และการแสดงออก ที่ดูมีพิรุธไปหมด แม้แต่ทนายความชื่อดังลงความเห็นว่าผิดวิสัยของวิญญูชนที่พึงกระทำต่อการเสียชีวิตของบุคคลใกล้ตัว ที่เป็นยิ่งกว่าเพื่อน !!!
หรือการที่ทุกคนบนเรือพยายามให้ข้อมูลว่า แตงโมพลาดตกขณะทำธุระส่วนตัวที่ท้ายเรือ ซึ่งสังคมต่างก็วิเคราะห์วิจารณ์ว่าไม่มีทางเป็นไปได้ ไม่ว่าจะมองจากนิสัยส่วนตัวของ แตงโม , สถานะความเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียง , การที่มีผู้ชายแปลกหน้าอยู่ด้วย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเสื้อผ้าที่สวมใส่ ซึ่งบรรดาสื่อมวลชนก็ดี ยูทูบเบอร์ก็ดี ต่างก็ช่วยกันค้นหาคำตอบด้วยการพยายามจำลองเหตุการณ์ตามคำบอกเล่า ก่อนที่ทุกคนจะออกมาปักธงตรงกันว่า ความเป็นไปได้แทบจะเท่ากับศูนย์
เป็นไปได้มั้ย !!?? ว่า การพยายามหาเหตุว่า แตงโมไปฉี่ท้ายเรือก็เพื่อเบี่ยงประเด็น
และยิ่งมีคลิปปรากฏออกมาว่ากลุ่มคนที่อยู่บนเรือมีการจับกลุ่มพูดคุยกันที่ปั๊มน้ำมันหลังจากเกิดเหตุ รวมถึงการพยายามวิ่งเต้นติดต่อทนาย ก็ยิ่งส่อให้เห็นถึงเจตนาที่ชวนให้สงสัยในทุกมิติ
ในส่วนของกระบวนการทางกฎหมายเองก็ถูกสังคมตั้งคำถามเช่นเดียวกัน ทั้งประเด็นในเรื่องของการพยายามหน่วงเวลาให้เนิ่นนานนับจากวันที่นักแสดงสาวเสียชีวิต ข้อสงสัยในเรื่องความพยายามทำลายวัตถุหลักฐานต่างๆ การไม่ให้ความร่วมมือในการชันสูตรศพ รวมถึงการที่ตำรวจทำให้สังคมรู้สึกว่าให้ส่อไปในทาง “อุบัติเหตุ” กระทั่งกลายเป็น “วิกฤตศรัทธา” ที่มีต่อองค์กรย่ำแย่หนักเข้าไปอีก
แน่นอนว่า บุคคลสำคัญที่สังคมค้างคาใจก็คือฝั่งมารดาของผู้เสียชีวิต “ภนิดา ศิระยุทธโยธิน” ที่เวลานี้ก่อให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “ปรากฏการณ์แม๊” เพราะพลันที่มีปรากฏตัวให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “โหนกระแส” เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่แล้ว ท่าทีก็ดูเปลี่ยนไปจากเมื่อตอนแรกที่พยายามเร่งหาตัวการที่ทำให้ลูกสาวเสียชีวิต กลับพลิกลำออกตัวเสียงดังฟังชัดว่า สามารถให้อภัย 2 บุคคลที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์วันที่นักแสดงสาวพลัดตกเรือ 100 % เต็ม
สวนทางกับกระแสสังคมที่กำลังจับตามองว่า ทั้งคู่ และหมายรวมถึงบุคคลอื่นๆ ที่อยู่ในเรือสปีดโบ๊ทลำเกิดเหตุนั้น อาจจะมีส่วนในการเสียชีวิตของ แตงโม แต่เธอกลับไม่พูดถึงประเด็นดังกล่าวเป็น “เรื่องหลัก” พูดถึงแต่เรื่องสิทธิเกี่ยวกับค่าปลงศพที่คิดว่าพึงจะได้รับจาก 2 คน ที่ยังอยู่ในกระบวนการสอบสวน และสังคมยังไม่ปักใจเชื่อว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ หรือว่าซ่อนเร้นความจริงๆ อะไรบางอย่างไว้ แต่สามารถให้อภัยได้เต็ม 100%
ตรงข้ามกับกลุ่มเพื่อนสนิทของแตงโมที่อยู่เคียงข้างและช่วยเหลือเธอเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ จวบกระทั่งวันที่เธอหมดลมหายใจ ก็ยังเป็นแกนนำในการทวงถามความถูกต้อง แต่กลับถูกให้อภัยแค่ 50%
ล่าสุดก็ยังมีเรื่องของ “ทนาย” ที่ได้รับมอบหมายให้เข้ามาดูแลคดีอย่างเป็นทางการ ซึ่งชัดเจนจากปากของ “นางภนิดา” ว่าได้รับการแนะนำมาจากตำรวจ และเพิ่งได้ใบอนุญาตว่าความเมื่อปี 2563 ที่ผ่านมานี้ ขณะที่ทนายรายอื่นๆ ที่พยายามช่วยไขคำตอบมาตั้งแต่แรก ถูกสั่งห้ามเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะ “ไม่ไว้ใจ”
สิ่งที่สะท้อนให้เห็นอย่างชัดๆ ก็คือการที่ทุกคนที่ดูเหมือนจะมีส่วนในการช่วยทำให้ความจริงกระจ่างล้วนประหนึ่งถูกกันออกไปให้พ้นทาง ตั้งแต่เพื่อนสนิทมาจนถึงทนายจนเกิดข้อสงสัยว่ามี “อะไรในกอไผ่” หรือไม่ อย่างไร? กลายเป็นข้อสงสัยและโลกโซเชียลก็พร้อมใจกันออกมา “ลากไส้” คนที่นางภนิดาออกปากว่าไว้ใจ 100 % ด้วยพฤติกรรมหลายๆ อย่างล้วนแล้วแต่ย้อนแย้งกับสิ่งที่นางภนิดาพยายามอธิบาย
ไม่ว่าจะเป็นกรณีของ “ปอ- ตนุภัทร เลิศทวีวิทย์” หนึ่งในผู้เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวที่มีคลิปเผยแพร่ทางโลกออนไลน์ว่า ครั้งหนึ่งเคยมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับใช้อาวุธปืนออกมาขู่คณะกรรมการชาวต่างชาติ เหตุเพราะไม่พอใจที่เจ้าตัวแข่งรถแพ้ โดยเหตุเกิดขึ้นที่ปทุมธานี เดือนเมษายน ปี 2559 ซึ่งแม้เรื่องนี้จะไม่เกี่ยวกับคดีแตงโมแต่สังคมก็อดตั้งคำถามไม่ได้เช่นกัน
ขณะที่ “ทนายกฤษณะ ศรบุญพิมพ์สวย” ทนายความฝั่งของแม่แตงโม ก็พบว่ามีคดีเกี่ยวกับการฉ้อโกงมาก่อนหน้านี้ โดยมีหลักฐานยืนยันเป็นหมายจับของ ศาลแขวงจังหวัดอุดรธานี เลขที่ 43/2561 ลงวันที่ 12 มี.ค.2561 ข้อหา “พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค” โดยในหมายจับระบุว่า “ไม่มาศาลตามกำหนดนัด”
ล่าสุดบรรดาเจ้าหนี้ของ “ทนายกฤษณะ ศรีบุญพิมพ์สวย” โผล่มาบรรยายพฤติกรรมของทนายแม๊เป็นทิวแถว โดยรายแรกเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวถูกยืมเงินเมื่อปี 2560 จำนวน 56,000 บาทได้เงินแล้วหนีหาย ตามหนี้ไม่ได้ ขณะที่อีกรายเป็นหญิงวัย 75 ปี ถูกหลอกจะช่วยเรื่องคดี สุดท้ายเชิดเงินหนีกว่า 1.1 แสนบาท กระทั่งเจ้าตัวต้องเอ่ยปากขอโทษและรับปากจะจ่ายคืนเป็นงวดๆ คนที่ประวัติไม่โปร่งใส กลับได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจแบบเต็ม 100 จะไม่ให้สังคมสงสัยได้อย่างไร
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 9 มี.ค. นายชนบท ศุภศรี อดีตผู้พิพากษา ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก “กฎหมายชนบท” เรื่องราวการเสียชีวิตของดาราสาว “แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์” โดยระบุข้อความว่า “อายุผม 73 ปีแล้วจะตายวันตายพรุ่งยังไม่รู้ แต่อยากสร้างความดีไว้บ้าง เมื่อดูคลิปแล้ว ไม่ใช่อุบัติเหตุแน่นอน แต่เป็นคดีฆาตกรรมและในคลิปมีผู้รู้เห็นเหตุการณ์ถึง 3 คน ยังจะกล้าปฏิเสธอีกหรือครับ (กูละเชื่อ) เอา 4 กฎ 6 หลัก มาจับ ก็จะรู้ได้ทันทีว่าใคร "โกหก" สวรรค์มีตาครับ น้องแตงโมต้องไม่ตายฟรี”
และล่าสุดวันนี้ (10 มี.ค.) เพจดังกล่าวโพสต์ข้อความเพิ่มเติม ระบุว่า “ถ้าอนุญาตให้ผมช่วย ผมมีทนายอาสาระดับพระกาฬอีก 10 คน ครับคุณแม่”
หรือหลักฐานล่าสุดที่ เพจ “Ch7HD News” ของทางสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ได้โพสต์คลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิดวินาทีที่แตงโมตกเรือ จากคลิปเผยให้เห็นสปีดโบ๊ตของ “ไฮโซปอ ตนุภัทร” สวนกับเรือขนทรายบริเวณกลางแม่น้ำเจ้าพระยาพอดี โดยสปีดโบ๊ตแล่นมาทางซ้ายของเรือขนทรายลำนี้ สปีดโบ๊ตยังแล่นไปข้างหน้าไม่ได้หยุด หลังแตงโมตกน้ำไปแล้ว เรือยังไปข้างหน้าอยู่
ทางเพจรายงานว่า “กล้องวงจรปิดบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วงการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. บันทึกเหตุการณ์ประมาณ 22.34 น. ของวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่สอดคล้องกับคำให้การของพยานเรื่องเวลาที่ แตงโม นิดา พัชรวีรพงษ์ นักแสดงสาวตกเรือสปีดโบ๊ต ซึ่งตามรายงานข่าวได้ตรวจสอบภาพดังกล่าวเปรียบเทียบกับคำให้การของพยานแล้ว พบว่าจากภาพจะเห็น #เรือสปีดโบ๊ตเข้ามาในภาพเวลา 22.33.57 วินาที ก่อนจะแล่นสวนกับเรือขนทรายตอน 22.34.03 วินาที และพ้นจากหน้าจอในอีก 31 วินาทีต่อมา จากนั้นเวลา 22.34.48 วินาที เรือลำเดิมได้วกกลับเข้ามาในภาพอีกครั้ง ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวสอดคล้องกับคำให้การของพยานที่ระบุว่า เห็นคนพลัดตกเรือสปีดโบ๊ตขณะกำลังแล่นสวนทางกับเรือขนทราย
และ...อีกหนึ่งนั้น คือพฤติกรรมของ “ตำรวจ” ที่ขณะนี้สังคมลงความเห็นว่า “น่าสงสัย” ไม่แพ้กัน ถึงกับมีคำพูดว่า “ตำรวจมีหน้าที่เดียวคือออกข่าวที่แถลงเหมือนไม่แถลง เสียเวลาออกอากาศ ดู tiktok ยังมีประโยชน์กว่า!”
แน่นอน จำเลยที่ถูกเพ่งเล็งเป็นพิเศษก็คือ “ตำรวจ” ไล่มาตั้ง “หัวหน้าตำรวจ” ไปจนถึง “ตำรวจที่ทำคดี” โดยเฉพาะ “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเพราะหลายคดีที่เข้าคุมยังไม่เข้าตากรรมการ เช่น คดี “น้องชมพู่” แห่ง บ้านกกกอก หรือคดี “ผู้กำกับโจ้” พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล” อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ กว่าจะปิดคดี ผบ.ตร.ก็ถูกชาวโซเชียลตั้งวอร์รูมรุมถล่มอยู่นาน พอมาถึง “คดีแตงโม” ที่สังคมให้ความสนใจติดตาม ตามล่าหาความจริงชนิดอดตาหลับขับตานอน ด้วยสิ่งที่อยากจะเห็นคือ ความเป็นธรรมและความจริงจากคดีที่คาดหวังไว้ว่า “แตงโมจะไม่ตายฟรี” สิ่งที่ถูกส่งผ่านออกมาจากตำรวจกลับไม่ทำให้สังคม “เชื่อมั่น”
ทั้งนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ ยืนยันว่า “พยานหลักฐานยังไม่มีอะไรมากกว่าอุบัติเหตุ” ทว่า บิ๊กปั๊ดและตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดีก็ยังไม่สามารถคลี่คลายข้อสงสัยได้ ปล่อยให้สังคมวิพากษวิจารณ์ไม่เว้นแต่ละวันและแทบจะทุกเรื่อง
วันนี้ ทุกๆ อย่างในคดีแตงโมจึงยังคงอึมครึมและเต็มไปด้วยข้อสงสัยในทุกมิติ และแม้ว่าสุดท้ายตำรวจจะปิดคดีได้ รวมถึงตัวแม่เองก็ไม่ติดใจอะไร แต่ถ้าไม่อธิบายให้สังคมหายสงสัยชนิด “สิ้นกระบวนความ” เรื่องนี้ก็จะยังเป็นประเด็นต่อไปอีกนาน.