xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“ล่องเรือหรู” ไลฟสไตล์ที่กำลังมาแรง เซเลบปลุกกระแส “Mass Market”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ขอบคุณภาพประกอบจาก Napaphon Boat - เช่าเรือ สปีดโบ๊ท กรุงเทพฯ
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ปฏิเสธไม่ได้ว่า การท่องเที่ยวทางเรือเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ตามโซเชียลมีเดียมักเห็นเซเลบคนดังวงการบันเทิง-ไฮโซ แชร์ภาพไลฟ์สไตล์ล่องเรือหรูให้ได้เห็นกันบ่อยครั้ง ลอยลำล่องเรือยอร์ชรีแล็กซ์กลางทะเล นั่งสปีดโบ๊ทระดับไฮเอนท์ดื่มด่ำบรรยากาศริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา และกลายมาเป็นไลฟ์สไตล์ที่ปลุกกระแสในสังคมไม่น้อย 

อย่างไรก็ดี หลังเกิดเหตุสะเทือนใจกับกรณีการเสียชีวิตของ “แตงโม-นิดา พัชรวีระพงษ์” ทำให้สังคมเกิดคำถามถึงกฎหมาย ตลอดรวมถึงมาตรการในการควบคุมพาหนะประเภทนี้ว่า มีเพียงพอหรือไม่ และจำเป็นต้องมีการอุดช่องว่างช่องโหว่หรือไม่ อย่างไร ที่สำคัญคือ ต้องย้อนกลับไปมองหน่วยงานที่กำกับดูแลอย่าง  “กรมเจ้าท่า” ว่า มีความเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมายมากน้อยแค่ไหน

“ภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์” รองอธิบดีกรมเจ้าท่า ด้านปลอดภัย อธิบายถึงเรื่องดังกล่าวว่า โดยปกติแล้วการการสัญจรทางเรือมีความปลอดภัยสูงมากเมื่อเทียบกับการเดินทางหรือการท่องเที่ยวประเภทอื่น แต่ทั้งหมดอยู่ภายใต้เงื่อนไข Safety First ต้องปลอดภัยไว้ก่อน ตามแนวทางด้านความปลอดภัยที่กรมเจ้าท่าได้กำหนดเอาไว้

ทั้งนี้ ในประเทศไทยมีเรือสปีดโบ้ทอยู่ประมาณ 8,000 ลำ อยู่ภายการกำกับของกรมเจ้าท่า กำหนดระเบียบมาตรการต่างๆ อย่างรัดกุม แต่ปัญหาคือ   “ผู้ขับเรือ”  โดยเฉพาะเรือส่วนบุคคล อาจไม่มีความใส่ใจในการประพฤติปฎิบัติมากพอ เช่น เรื่องการขับขี่ด้วยความเร็ว ขณะที่เรือโดยสารสาธารณะมีกฎหมายควบคุม แต่เรือส่วนบุคคลไม่ได้กำหนดไว้ชัดเจน กล่าวคือเป็นเรื่องของสามัญสำนึกล้วนๆ

นายภูริพัฒน์ให้ข้อมูลด้วยว่า สำหรับสถิติอุบัติเหตุทางน้ำมีอัตราความรุนแรงเทียบเคียงได้กับอุบัติเหตุทางอากาศ คือมีเปอร์เซ็นต์เกิดอุบัติเหตุน้อยมาก ซึ่งกรมเจ้าหน้ามีการมาตรการความปลอดภัยและประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการสวมชูชีพขณะสัญจรทางเรือเพื่อความปลอดภัยกรณีเกิดอุบัติเหตุไม่คาด แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะในความเป็นจริงประชาชนหรือนักท่องเที่ยวยังไม่ให้ความสำคัญกับการสวมชูชีพเท่าที่ควร ต้องบอกว่าหากเกิดอุบัติทางน้ำ หากผู้ประสบเหตุสวมชูชีพจะมีโอกาสรอดแทบจะ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะชูชีพจะประคองผู้ประสบภัยให้ลอยตัวเหนือน้ำ ซึ่งหน่วยกู้ภัยทางน้ำจะออกค้นหาให้ความช่วยได้ทันท่วงที

ที่น่ากังวลคือกรณีการดื่ม  “เครื่องดื่มแอลกอฮอล์”  บนเรือ ซึ่งเรือส่วนตัวนั้นไม่มีข้อห้ามผู้โดยสาร แต่ห้ามเฉพาะผู้ขับเรือ ส่วนเรือสาธารณะมีข้อห้ามชัดเจนทั้งผู้โดยสารและคนขับเรือ เพราะการดื่มสุราหรือใช้เสพสารเสพติดที่ทำให้สติสัมปชัญญะลดลง นั่นหมายความว่าจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุมากขึ้น การขับเรือไม่เหมือนขับรถไม่มีด่านให้เป่าแอลกอฮอล์ ดังนั้น เป็นเรื่องของจิตสำนึกเช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ดี จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า ในระยะหลังๆ การท่องเที่ยวทางน้ำได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้วยรูปแบบ Private Trip คือมีความเป็นส่วนตัว บวกกับราคาไม่แพงลิบลิ่ว กิจกรรมการล่องเรือหรูอย่าง “เรือยอร์ช” และ “เรือสปีดโบ๊ท” การท่องเที่ยวทางน้ำจึงกลายมาเป็นการท่องเที่ยววิถีใหม่ที่น่าจับตา

สำหรับสปีดโบ๊ท เรือลำเล็กที่จดทะเบียนประเภทการใช้งานโดยสารเพื่อความสำราญและกีฬา ต้องขึ้นทะเบียนกับกรมเจ้าท่า มีใบอนุญาตใช้เรือ และมีเขตการเดินเรือที่ชัดเจน นิยมใช้ในจังหวัดท่องเที่ยวต่างๆ

เรือสปีดโบ๊ท เรือเร็วสุดหรูตัดคลื่นได้อย่างดี แล่นได้ด้วยความเร็วและนิ่ง มองเห็นวิวได้รอบทิศทาง ในกรุงเทพฯ มีบริการให้เช่าเหมาลำเพื่อการท่องเที่ยวในแม่น้ำเจ้าพระยาเส้นทาง กรุงเทพฯ, นนทบุรี, ปทุมธานี และอยุธยา ส่วนค่าบริการ Private Trip เริ่มต้นอยู่ที่ชั่วโมงละ 5,000 - 6,500 บาท ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้โดยสาร และบริการที่เลือกรับ เช่น ทริปไหว้พระ, ดินเนอร์ เป็นต้น

 ขณะที่รายงานจาก ResearchAndMarkets.com ระบุว่า ตลาดเช่าเหมาลำเรือยอร์ชทั่วโลกในปี 2019 มีมูลค่าอยู่ที่ 15.36 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.6 แสนล้านบาท) และคาดว่าจะมีแนวโน้มสูงถึง 27 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 8.1 แสนล้านบาท) ในปี 2027 แม้จะชะลอการเติบโตอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับปี 2018 (15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) 

อุตสาหกรรมเรือยอร์ชหรูกำลังได้รับความนิยมอย่างมากในยุคโควิด-19 มหาเศรษฐีแห่ซื้อ จนทำลายสถิติขายได้มากที่สุดในรอบ 13 ปีทั้ง Bill Gates และ Mark Zuckerberg ต่างเป็นเจ้าของเรือยอร์ช นอกจากนี้ US National Marine Manufacturers Association สมาคมผู้ต่อเรือของประเทศสหรัฐอเมริกา ให้ข้อมูลว่า ในปี 2020 ที่ผ่านมา ยอดขายเรือทำลายสถิติสูงสุดในรอบ 13 ปี เพราะคนต้องการเรือสำหรับเป็นสถานที่ที่ปลอดภัย และทำกิจกรรมแบบเว้นระยะห่างจากคนอื่นๆ ในช่วงล็อกดาวน์

 มีข้อมูลเปิดเผยว่า เศรษฐีไทยถือครองเรือซูเปอร์ยอชต์ร่วมกว่า 50 ลำ ราคาขั้นต่ำ 300 ล้านบาท ซึ่งได้ปรับสู่ธุรกิจเช่าเหมาลำ ตั้งเป้าประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมและธุรกิจการท่องเที่ยวทางเรือและเรือสำราญในเอเชีย ซึ่งทะเลไทยได้รับความนิยมและนับเป็นหนึ่งในของจุดหมายปลายทางของการแล่นเรือยอชท์และเรือสำราญ เส้นทางสวยงามที่สุดในโลกเทียบได้กับล่องในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และแคริบเบียน 

บทความเรื่อง ตลาดท่องเที่ยวเรือยอร์ช โดย TCIJ ระบุตอนหนึ่งความว่า ตลาดล่องเรือยอร์ชในไทย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเรือยอร์ชส่วนตัว (Private Yacht) ที่ทั่วประเทศน่าจะมีจำนวนประมาณ 2,000 ลำ และโดยมากมีขนาดน้อยกว่า 80 ฟุต (30 เมตร) ทั้งนี้ เรือยอร์ชส่วนตัวประมาณร้อยละ 70 ของจำนวนเรือยอร์ชส่วนตัวทั้งหมดในไทย จะเทียบท่าและแล่นท่องเที่ยวในฝั่งทะเลอันดามัน อย่างภูเก็ต กระบี่ ส่วนที่เหลืออยู่ในฝั่งอ่าวไทย อย่างพัทยา เกาะสมุย

แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลของไทยเหมาะกับการล่องเรือยอร์ชได้ตลอดทั้งปีขึ้นอยู่กับฤดูมรสุมและทิศทางลม เช่น ช่วงที่เหมาะแก่การแล่นเรือในทะเลฝั่งอันดามัน คือ ไตรมาสที่ 1 และ 4 ส่วนฝั่งอ่าวไทยอยู่ในช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคมของปี สำหรับการล่องเรือยอร์ชเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมของตลาดไฮเอนด์ ดังนั้น จึงมีการใช้จ่ายสูงกว่ากิจกรรมการท่องเที่ยวอื่น

 อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้ธุรกิจเรือยอร์ชต้องสูญนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นสัดส่วนกว่า 90% ทำให้ผู้ประกอบการปรับตัวหันมาตีตลาดนักท่องเที่ยวชาวไทย ปรับลดราคาขยายฐานลูกค้าจากตลาด Niche Market กลุ่ม Mass Market อัดแคมเปญโปรโมชั่นปรับลดลงราคาลงกว่า 40% ซึ่งการปรับตัวของธุรกิจล่องเรือหรู พลิกโอกาสการท่องเที่ยวทางน้ำให้กลับมาเป็นกระแสในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทย 




กำลังโหลดความคิดเห็น