xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“ค่ายสะตอ”เลือดไหลจ๊อกๆ ตอกความเชื่อมั่น “จุรินทร์” “เสี่ยไก่-เสี่ยโต” ต่อคิวชิ่ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ป้อมพระสุเมรุ

ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ลิงโลดกับชัยชนะเลือกตั้งซ่อม 2 เขตที่ภาคใต้ได้ไม่ทันไร ปัญหาภายใน  “ค่ายสะตอ” พรรคประชาธิปัตย์ ที่ยังไม่ได้รับการสะสาง ก็เริ่มปะทุขึ้นมาอีกครั้ง

 โดยเฉพาะประเด็น “แกนนำพรรค” ไม่ดูแล-ไม่เห็นหัว “คนเก่าคนแก่” จนเกิดปรากฎการณ์ “เลือดไหลออก” ไม่หยุดตั้งแต่หลังการเลือกตั้ง 2562 เป็นต้นมา 

รายล่าสุด  “พี่หวิน” ถวิล ไพรสณฑ์  อดีต ส.ส. 9 สมัย ที่ทำ “เซอร์ไพรส์” ไปเปิดตัวกับ “ค่ายสีส้ม” พรรคก้าวไกล ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่าหลายพรรคการเมืองตามจีบไปร่วม หลังรู้โดยทั่วกันว่า “ไม่มีที่ยืน” ในพรรคประชาธิปัตย์ และต้อง “สอบตก” ครั้งแรกเมื่อการเลือกตั้งปี 2562 ที่ถูกวางตัวในบัญชีรายชื่อลำดับที่ 39 ทั้งที่เป็นผู้อาวุโสเบอร์ต้นของพรรค

ว่ากันว่า เหตุที่ “ถวิล” ตกลงปลงใจกับพรรคก้าวไกล ก็เป็นความสัมพันธ์อันดีกับ “ส.ส.กาย” ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์  ที่เป็น ส.ส.กทม. เขตบางขุนเทียน พื้นที่เก่าของ “ถวิล” ซึ่งเทียวไปเทียวมาขอวิชาความรู้บ่อยครั้ง

และแม้ว่า “ถวิล” จะยืนยันว่า จะไม่ลงสมัคร ส.ส. ขอทำงานอยู่ “เบื้องหลัง” เรื่องการกระจายอำนาจเพียงอย่างเดียวก็ตาม แต่การสูญเสียขุนพลที่ขึ้นชื่อเป็น “มือกฎหมายชั้นครู” คนหนึ่งไป ก็มีคำถามกลับมายัง “ค่ายพระแม่ธรณีบีบมวยผม” ไม่น้อย

เพราะต้องยอมรับว่า ระยะหลังมี “คนเก่าแก่” ออกจาก “ค่ายสะตอ” พรรคประชาธิปัตย์ เป็นจำนวนมาก ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง 2562 ที่ “พี่มาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังเป็นหัวหน้าพรรค ก็มีอดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ชุดปี 2554 โดน “พลังดูด” ออกไปเป็นโขยง

ตั้งแต่  ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ และพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ที่โดดออกไปเป็นแกนนำ กปปส. ก่อนไปร่วมก่อร่างสร้างพรรคพลังประชารัฐ พร้อมทั้งดึง อดีต ส.ส.และผู้สมัครติดไปด้วยอีกหลายคน อาทิ  สรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ชลบุรี, บุญเลิศ ไพรินทร์ และ พล.ต.ท.พิทักษ์จารุสมบัติ ฉะเชิงเทรา, ธวัชชัย อานามพงษ์ และยุคล ชนะวัฒน์ปัญญา จันทบุรี, กัลยา รุ่งวิจิตรชัย สระบุรี หรือ ประชา โพธิพิพิธ กาญจนบุรี  เป็นต้น
ไม่เพียงเท่านั้นยังมีการดึงอดีตสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) อีกหลายคนไปลงสมัคร ส.ส.กทม. ซึ่งหลายเขตก็สามารถเอาชนะผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ได้อย่างราบคาบ

หรืออย่างภาคใต้ ก็ถูกดึงไปอยู่กับ “ค่ายกำนัน” พรรครวมพลังประชาชาติไทย ที่มี “กำนันเทือก” สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตเลขาธิการ กปปส.หลายคน

ปรากฎการณ์เลือดไหลออกในครั้งนั้นเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ต้องตกต่ำที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมือง กับจำนวน ส.ส.ที่ได้เพียงแค่ “ครึ่งร้อย” และยังต้อง “สูญพันธุ์” ใน กทม.ที่เป็นพื้นที่หากิน กระทั่งพื้นที่ปักษ์ใต้ก็โดนหลายพรรคเจาะจนพรุน แทบหมดสภาพ “พรรคสะตอ”

หลังผลัดใบเปลี่ยนมาเป็นยุคที่มี “เสี่ยอู๊ด” จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์  รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ เป็นหัวหน้าพรรค ตั้งแต่เดือน พ.ค.62 ภาวะ “เลือดไหลออก” ก็ยังไม่ทุเลา ที่สำคัญล้วนแล้วแต่เป็น “บิ๊กเนม” แทบทั้งสิ้น

หลายคน “ทิ้งบอมบ์” สาเหตุว่าเป็นเพราะแนวทางของพรรคอีกด้วย

ตั้งแต่ กษิต ภิรมย์  อดีต รมว.ต่างประเทศ ในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์, กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์,  นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก มือตรวจสอบโครงการรับจำนำข้าวในรัฐบาลยิ่งลักษณ์,  พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อดีต ส.ส.กทม. และอดีต รมว.ยุติธรรม ที่ไปกินตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และกลายเป็นขุนพลการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในตอนนี้

มาถึง กรณ์ จาติกวณิช  อดีต รมว.คลัง และ อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี  อดีต ส.ส.กทม. ที่ลาออกไปร่วมก่อตั้งพรรคกล้า, นิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ  อดีต ส.ส.พัทลุง และอดีต รมว.วัฒนธรรม ลาออกไปร่วมก่อตั้งพรรคสร้างอนาคตไทย กับกลุ่มสี่กุมาร อาจรวมไปถึง ถาวร เสนเนียม  อดีต ส.ส.สงขลา หลายสมัย และอดีต รมช.คมนาคม ที่ต้องคดี กปปส.จนหลุดตำแหน่ง ก็รู้กันว่าปันใจไปให้กับพรรคไทยภักดีของ “หมอวรงค์” นานแล้ว

ที่ซัดเต็มข้อ ล่อเต็มแข้งที่สุด น่าจะเป็น วิฑูรย์ นามบุตร  อดีต ส.ส.อุบลราชธานี และอดีต รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่เคยแสดงความไม่พอใจที่ถูกจัดลงบัญชีรายชื่อลำดับที่ 40 ในการเลือกตั้งปี 2562 แต่เพิ่งลาออกจากสมาชิกพรรคเมื่อเดือน ม.ค.64 โดยระบุเหตุผล “ไร้ที่ยืน” ในพรรค

ก่อนสร้างความฮือฮา โดยเปิดเผยว่า ได้เจรจากับ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในการยกครอบครัว “นามบุตร” ย้ายไปร่วมสังกัดพรรคเพื่อไทย โดยมีเงื่อนไขว่า ต้องได้บัญชีรายชื่อไม่เกินลำดับที่ 30 และน้องชาย  วุฒิพงษ์ นามบุตร  ส.ส.อุบลราชธานี ปัจจุบัน ต้องได้ลง ส.ส.เขต

แม้ “หัวหน้าอู๊ด” จะพยายามแก้เกม เปิดแคมเปญ “เลือดใหม่ไหลเข้า เลือดเก่าไหลกลับ” เพื่อบรรเทาอาการ “เลือดไหลออก” แล้วก็ตาม แต่ดูเหมือนอะไรๆก็ยังไม่ดีขึ้น

ที่ผ่านมามีเพียงการเปิดตัว  เมธี อรุณ หรือ “เมธี ลาบานูน” ศิลปินนักร้องชื่อดัง ที่ได้รับการวางตัวเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นราธิวาส รวมทั้งดึงคนเก่าอย่าง  ยุคล ชนะวัฒน์ปัญญา  อดีตส.ส.จันทบุรี ที่เคยย้ายออกไปพรรคพลังประชารัฐ กลับพรรคเท่านั้น

หรือเป็นกระแสหน่อยก็รายของ  “ดร.เอ้” สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์  อดีตอธิการบดีสถาบันพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ที่เปิดตัวเป็นว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทำมหานคร (ผู้ว่าฯกทม.) ในนามพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อการประชุมใหญ่สามัญประจำปีพรรคประชาธิปัตย์ วันที่ 18 ธ.ค.64 เท่านั้น

ส่วนหน้าใหม่รายอื่นๆก็ยังตีปิ๊บไม่ขึ้น อาทิ  กิตพล เชิดชูกิจกุล  อดีต ส.ก. 4 สมัย ที่วางตัวเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตสวนหลวง-ประเวศ และล่าสุดเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช 3 คน ประกอบด้วย ราชิต สุดพุ่ม ผู้ว่าราชการ จ.ปัตตานี ที่เคยเป็นอดีตนายอำเภอเมือง และอดีตปลัด จ.นครศรีธรรมราช,  อวยพรศรี เชาวลิต อดีตสมาชิก อบจ. 3 สมัย และประธานสภาสตรี อ.ท่าศาลา และ  พิทักษ์เดช เดชเดโช  คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และน้องชาย  ชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช และรองเลขาธิการพรรค ที่กำลังสยายปีกในพื้นที่ตอนนี้

ว่ากันตามเนื้อผ้า “เลือดใหม่ไหลเข้า” เทียบไม่ติดกับ “เลือดเก่าไหลออก” และว่ากันตามจริงยังไม่มี “เลือดใหม่-เลือดเก่า” ไหลเข้าที่เป็นเนื้อเป็นหนังด้วยซ้ำ สะท้อนให้เห็นความเชื่อมั่น และปัญหาในการบริหารจัดการภายในพรรค ในยุค "จุรินทร์" เป็นหัวหน้าพรรค

เพราะไม่ว่า “จุรินทร์” จะพยายามอุดแผลเพียงใด ก็ยังมีคนลาออกเป็นระยะ ทั้งรายของ “ถวิล” ที่น่าสนใจไม่น้อยอีกว่า การสูญเสีย “ถวิล” กลับไม่ทำให้ “แกนนำพรรคปัจจุบัน” สะท้านใจเท่าไร เพราะเท่าที่เห็นกลุ่มคนในพรรค หรืออดีตคนของพรรค ที่ออกมาแสดงความใจหายมีแต่  “ก๊วนเพื่อนมาร์ค” ทั้ง  พนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หรือ เทพไท เสนพงษ์  อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช รวมถึงคนเก่าอย่าง “นิพิฏฐ์” เท่านั้น

ขณะที่กลุ่มคุมอำนาจในพรรคปัจจุบัน กลับไม่หือไม่อือกับการลาออกของผู้อาวุโสอย่าง “ถวิล” เท่าที่ควร

หรือ  ศิริศักดิ์ อ่อนละมัย อดีต ส.ส.ชุมพร ที่ลาออกเมื่อปลายเดือน ธ.ค.64 เพื่อไปสนับสนุน  “ทนายแดง” ชวลิต อาจหาญ  ลงสมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ชุมพร เขต 1 ในนามพรรคพลังประชารัฐ พร้อมทิ้งหมัดไว้ด้วยว่า ลาออกจากพรรค ก็บอกว่า เป็นเหมือน “มนุษย์ธาตุลม” ไม่มีบทบาทหรือภารกิจในพรรคเลย

การเปิดตัวเลือดใหม่ ก็ทำให้สูญเสียเลือดเก่าไปอีก เมื่อ  สุรเชษฐ์ มาศดิตถ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช ประกาศว่าเตรียมที่จะลาออกจากพรรค หลังมีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครในเขตเดิมของ “สุรเชษฐ์” ท้ังๆ ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ไม่เสร็จ รวมทั้ง “สุรเชษฐ์” ก็เคยทำหนังสือยืนยันสิทธิ์และแสดงความจำนงต่อ “หัวหน้าจุรินทร์” เมื่อเดือน พ.ย.64 ว่า ต้องการและมีความพร้อมที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ในนามพรรคประชาธิปัตย์ ในการเลือกตั้งครั้งหน้า

ไม่เพียงเท่านั้น “สุรเชษฐ์” ยังชำแหละไปถึงเขตข้างเคียงด้วยว่า เป็นพื้นที่เดิมของ นริศรา อดิเทพวรพันธุ์ อดีต ส.ส.เดิม และมีผู้ประสงค์จะลงสมัครถึง 3 คน คือ “นริศรา”, พงษ์สินธุ์ เสนพงศ์ ผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมครั้งล่าสุด และ “พิทักษ์เดช” แต่ผู้บริหารพรรคกลับประกาศให้ “พิทักษ์เดช” เป็นว่าที่ผู้สมัคร โดยไม่ได้ดำเนินการตามขั้นตอน

บังเอิญหรือตั้งใจไม่ทราบได้ แต่น่าสังเกตว่า “เบอร์ใหญ่” ในพื้นที่ปักษ์ใต้หลายรายเลือกออกจากพรรคไปหลัง “นายกชาย” เดชอิศม์  ขาวทอง ส.ส.สงขลา สมัยแรก ผงาดขึ้นมาเป็นรองหัวหน้าพรรคภาคใต้คนใหม่ เมื่อการประชุมใหญ่เดือน ธ.ค.นี่เอง
ว่ากันว่า นักการเมืองสไตล์ “ใจถึงพึ่งได้” เดินเกมแบบหวือหวาผิดกับ “ปชป.ยุคเก่า” แง่หนึ่งก็อาจส่งผลดีในการปฏิรูปการทำพื้นที่ ทวงคืนตำแหน่ง “เต้ย” แห่งด้ามขวานกลับมา

แต่อีกแง่หนึ่งก็เกิดรายการ “ข้ามหัว” เช่นการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครโดยไม่ผ่านขั้นตอนเหมือนแต่ก่อน

หรืออย่างการที่ “นายกชาย” เรียกประชุม ส.ส.ภาคใต้ โดยอ้างเรื่องการวางยุทธศาสตร์การเมือง แต่กลับมี “ของแถม” เป็นการก่อหวอดให้ปลด “รัฐมนตรี” ที่ไร้ผลงาน-ไม่ดูแลสมาชิกพรรค

อ้างว่าเป็นข้อเสนอของ “ส.ส.รายหนึ่ง” ที่เสนอให้ปรับ  “เสี่ยไก่” จุติ ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ออกจากตำแหน่งกลางที่ประชุมวันนั้น เนื่องจากที่ผ่านมาถูกมองว่า ไม่พยายาม “ดูแล” พรรคอย่างที่รัฐมนตรีควรปฏิบัติ

แม้ “เดชอิศม์” ออกตัวถึงการเสนอปรับ “จุติ” พ้นตำแหน่งเป็นเพียงความเห็นของ ส.ส. และยืนยันว่า ไม่เคยคิดจะเป็น รมว.พัฒนาสังคมฯ แม้แต่เปอร์เซ็นต์เดียว แต่ดูไม่ยากว่าเกมนี้ “มีงาน” แน่นอน

และเชื่อว่า “บิ๊ก ปชป.” รู้เห็นเป็นใจให้เดิมเกมนี้ เพราะใครก็รู้ว่า “เดชอิศม์” ที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับ  “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์

ด้วยมีกระแสข่าวหนาหูว่า ที่ “เสี่ยไก่” ตีตัวออกห่างพรรค เพราะ “ดีล” กับ “บิ๊กรัฐบาล” ในการไปผนึกกำลังกันสู้ศึกเลือกตั้งใหญ่หนหน้าเรียบร้อยแล้ว จึงพยายามเลื่อยขาเก้าอี้ “จุติ” ดึงโควตากลับมาให้ “เลือดแท้” ในช่วงอายุรัฐบาลที่เหลืออยู่ เพื่อ “ตุนเสบียง” สู้ศึกเลือกตั้ง

ไม่เพียงแต่ “จุติ” เท่านั้น พรรคประชาธิปัตย์ ยังเตรียมที่จะเสีย  “เสี่ยโต” อภิชัย เตชะอุบล ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายทุนใหญ่ที่เตรียมไปสยายปีกกับ “ค่ายลุงป้อม สาขา 2” กับเก้าอี้เลขาธิการพรรคเศรษฐกิจไทย หลังตกสำรวจไม่ได้ลุ้นนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ ทั้งที่เลือกตั้ง 62 ก็ “เปย์” ไปไม่น้อย

 ยังมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างจาก “ค่ายพระแม่ธรณีบีบมวยผม” ว่า “เสี่ยไก่-เสี่ยโต” ไม่ใช่รายสุดท้ายที่จะออกจากพรรคแน่ หากหัวหน้าพรรคยังชื่อ “จุรินทร์”. 




กำลังโหลดความคิดเห็น