xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

จับมือไว้แล้วไปด้วยกัน “พรรคลุงตู่” รอแจ้งเกิด พิง ปชป.ประคองเกมสภา แก้เกม“ลุงป้อม”แตกสาขา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - “พรรคของผมทั้งนั้น…”

คำตอบของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่หล่นไว้ต่อคำถามถึงปัญหาภายในพรรค กรณี “21 กบฏ 19 มกราฯ” ที่อาจมีผลถึงเสถียรภาพรัฐบาล

มุมหนึ่งน่าหวาดเสียวไม่น้อยกับข้อหาการครอบงำพรรคอื่น ที่ก็มีผู้ไปร้องของให้ยุบทั้งพรรคพลังประชารัฐ และพรรคเศรษฐกิจไทย ที่ว่ากันว่าเป็นบ้านหลังใหม่ที่ “ทีมผู้กอง” จะยกโขยงไปสิงสถิตย์

อีกมุมก็คล้ายเป็นการสารภาพไปในตัวว่า รู้เห็นและเป็นใจ ที่ให้ “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และอดีตเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ หอบเอา 20 ส.ส.ไปตั้งหลักที่บ้านหลังใหม่ เป็น “หอกข้างแคร่” อย่างเป็นทางการ

แม้จะสะดุดเล็กน้อยกับหนังสือขอให้ทลบทวนมติพรรคกรณีขับ 21 ส.ส. ของ “เฮียเบี้ยว” สมศักดิ์ พันธ์เกษม ส.ส.นครราชสีมา ที่มีชื่อเป็น 1 ใน 21 ส.ส. ที่อ้างว่าไม่รู้เห็นกับการถูกขับออกจากพรรคพลังประชารัฐ

แต่ก็ไม่ทันการ เพราะเรื่องไปไกลจนถึงร่อนหนังสือแจ้งไปยัง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งในกฎหมายที่มีอยู่ก็ไม่ได้เปิดโอกาสให้ ส.ส.ที่ถูกขับออกอุทธรณ์แต่อย่างใด เหลือประตูเดียวต้องหาสังกัดภายใน 30 วันเท่านั้น หากยังไม่อยากตกงาน

แม้มีประกาศิตจากปาก “บิ๊กป้อม” ว่า 21 ส.ส.ที่ออกจากพรรคพลังประชารัฐไปยังคงสนับสนุน “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐบาล อยู่ก็ตาม แต่ก็อย่างที่หลายคนเปรียบว่าเกมนี้เหมือน “ปล่อยเสือเข้าป่า” ไม่มีอะไรการันตีได้ว่าจะเป็นอย่างที่ “บิ๊กป้อม” ว่าไว้

ด้วยเพราะความ “แค้นฝังหุ่น” ระหว่าง “นายพลตู่” กับ “ผู้กองนัส” ร้ายแรงถึงขั้น “ผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ”

เอาว่าตั้งแต่เกิดกรณี “กบฏผู้กอง” ช่วงลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ต้นเดือน ก.ย.64 ที่ทำให้ “ธรรมนัส” โดนปลดออกจาก รมช.เกษตรและสหกรณ์ เป็นต้นมา ยังไม่มีคำพูดใน “แง่ดี” ถึง พล.อ.ประยุทธ์ หลุดออกจากปาก “ธรรมนัส” แม้แต่คำเดียว

หลายวาระที่ “ผู้กองนัส” พูดหรือปราศรัยกับสาธารณชน วนเวียนพูดถึงแต่พรรคพลังประชารัฐ และ พล.อ.ประวิตร ในฐานะหัวหน้าพรรคเท่านั้น เห็นได้ชัดเจนกับการลงไปช่วยหาเสียงเลือกตั้งซ่อมที่ จ.ชุมพร และ จ.สงขลา ไม่มีหลุดถึง “นายกฯ ตู่” แม้แต่น้อย จนถูกแซวว่า เวทีพรรคประชาธิปัตย์ยังเชียร์ “ประยุทธ์” มากกว่าด้วยซ้ำ

แม้พรรคใหม่ที่ 21 ส.ส.จะไปสังกัดจะอยู่ในเครือข่าย “ลุงป้อม” และยืนยันว่าเป็นพรรครัฐบาลก็จริง แต่เมื่อไม่ตกอยู่ในอาณัติมติพรรคพลังประชารัฐแต่อย่างใด อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้

โดยเฉพาะ “เอกสิทธิ์ ส.ส.” ที่เป็นข้ออ้างศักดิ์สิทธิ์ของผู้แทนราษฎรยามคิดจะตีรวน

ตัว “นายกฯ ตู่” ก็ออกอาการกลัดกลุ้มไม่น้อย

สะท้อนจากรายงานข่าวในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบศ.) เมื่อวันที่ 21 ม.ค.65 ที่ผ่านมา ด้วยจู่ๆ พล.อ.ประยุทธ์ก็เปิดเพลง “อย่ายอมแพ้” ของ อ้อม-สุนิสา สุขบุญสังข์ จากโทรศัพท์มือถือ พร้อมบอกกับที่ประชุมว่า “ผมไม่ยอมแพ้อยู่แล้ว เพลงเป็นเรื่องการให้กำลังใจทุกคนที่ร่วมทำงานไม่แพ้ต่อปัญหาอุปสรรค เช่นเดียวกับนายกฯ ไม่เคยยอมแพ้ ทำงานเพื่อชาติและประชาชน”

นัยตีความไม่ยากว่า ปัญหาอุปสรรคที่ว่าน่าจะมาจากปัญหาทางการเมืองในพรรคพลังประชารัฐที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่กี่วันก่อนหน้าอย่างแน่นอน เพราะคะเนด้วยสายตา เมื่อ ส.ส.รัฐบาล หายไป 21 เสียง มองกันไปได้ถึงขั้น “ยุบสภา” ในไม่ช้านี้

โดยในขณะนี้มี ส.ส.เหลืออยู่ทั้งสภาฯ 478 เสียง ซึ่งการประชุมต้องใช้เสียงกึ่งหนึ่งคือ 239 เสียง รัฐบาลมีจำนวน 277 เสียง เมื่อตัด ส.ส.ที่ถูกขับออก 21 เสียง ก็จะคงเหลือ 256 เสียง จำนวนนี้ยังมีบางส่วนที่ถูกคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่อีกด้วย

ที่ผ่านมา แม้ฝ่ายรัฐบาลจะมีเสียงมากกว่าฝ่ายค้านราว 50-60 เสียง แต่องค์ประชุมก็เป็นปัญหาให้เกิด “สภาฯ ล่ม” มาตลอด จนได้รับสมญา “สภาอับปาง” จากสื่อมวลชนประจำรัฐสภาเมื่อปีกลาย

ย้อนกลับไปอยู่ในสภาพ “เสียงปริ่มน้ำ” เหมือนช่วงต้นเทอมของรัฐบาลชุดนี้อีกครั้ง หนักกว่าก็คือช่วงปลายเทอมรัฐบาลที่ ส.ส.เลือกจะเกาะติดในพื้นที่เพื่อเตรียมตัวลงเลือกตั้งครั้งใหม่มากกว่า

จนแว่วว่า ตอนนี้ “กฎหมายการเงิน - กฎหมายสำคัญ” ถูกดึงออกจากวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรแทบไม่ทัน ด้วยหากถูกฉบับใดฉบับหนึ่งถูกตีตกไป ที่หมายถึงความรับผิดชอบของนายกรัฐมนตรี

ยังไม่รวมถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่หากสภาฯยังอยู่ จะมีขึ้นในช่วงสมัยประชุมหน้า เดือน พ.ค.65 ที่เพียงแค่พลิกเสียงได้ราว 40 เสียงก็น็อก “นายกฯ ตู่” คาสภาฯได้แล้ว เหมือนครั้ง “กบฎผู้กอง” เกือบทำสำเร็จมาแล้วนั้นเอง

ยังไม่นับรวมประเด็นดำรงตำแหน่งนายกฯ ครบ 8 ปี ที่ต้องถูกตีความในช่วงเดือน ส.ค.65 นี้

ถือว่า ในมิติการเมือง “บิ๊กตู่” ตกที่นั่งลำบากโดยแท้ จนเชื่อว่านาทีนี้ไม่มีใครกล้าเดิมพันว่า รัฐบาลจะอยู่ได้ครบเทอมอีกแล้ว

และหาก “พี่ป้อม” เป็นห่วง “น้องตู่” คงไม่ปล่อยให้ “น้องรัก” ตกอยู่ในสภาพนี้

จนเป็นทีของ “หมอชลน่าน” นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ฉวยจังหวะที่ “บิ๊กตู่” ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก ออกมาฟันธงว่า รัฐบาลไปไม่ได้แล้ว และเหลือทางเลือกให้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มาก

หนึ่งคือ “ลาออก” เปลี่ยนนายกฯ และคณะรัฐมนตรี

สองคือ “ยุบสภา” เพื่อคืนอำนาจให้ประชาชนไปตัดสิน

พร้อม “ตีปลาหน้าไซ” ถึงทางเลือกที่สาม ทำนองว่าได้กลิ่น “ยึดอำนาจ-รัฐประหาร” โชยเตะจมูกแล้ว

สอดรับกับ “วิษณุ เครืองาม” รองนายกรัฐมนตรี ที่แสดงความห่วงใยว่า เคยเตือนแล้วว่าจะเกิดสนิมเนื้อในตน จนทำให้รัฐบาลเรือเหล็กประสบปัญหา สุ่มเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองได้ทุกเมื่อ

หรืออาจเป็น “หมากเหนือเมฆ” ของ “บิ๊กป้อม” ที่ต้องการกด “บิ๊กตู่” ให้อยู่ในสภาพนี้ เพราะถ้าแก้ปัญหา เพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ สบายใจอย่างปากว่า ก็ต้องจัดการเสียงเดียวของ ร.อ.ธรรมนัส หาใช่ปล่อยแถว ส.ส.ไปเป็นโขยง 21 เสียงอย่างที่เป็น

ซึ่งเหตุผลการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีนั้นก็เป็นเพียง “ข้ออ้าง” เท่านั้น

ที่สำคัญ หากอยากให้สบายใจ คงไม่ปล่อย “ส.ส.ซุ้มผู้กอง” ทั้ง 21 คน ย้ายไปอยู่ที่พรรคเศรษฐกิจไทย ซึ่งตามข่าวจะมีคีย์แมนอย่าง “บิ๊กน้อย” พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ คนสนิทของ “บิ๊กป้อม” เป็นหัวหน้าพรรค และยังมีชื่อ “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องชาย พล.อ.ประวิตร เป็นที่ปรึกษาพรรคด้วย

ในวงการรู้ดีว่า “คนสนิท-น้องชาย” ของ “บิ๊กป้อม” ทั้ง พล.อ.วิชญ์ และ พล.ต.อ.พัชรวาท ล้วนแต่เคย “ขบเหลี่ยม” กับ พล.อ.ประยุทธ์ มาแล้วทั้งคู่

และล่าสุดความพยายามล้มนายกฯ เมื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจหนก่อนก็มีชื่อ “บิ๊กป๊อด” อยู่ในขบวนการ หรือหลังจากนั้นที่ “ทีมลุงตู่” รุกคืบจะยึดพรรคพลังประชารัฐ “บิ๊กน้อย” ก็ถูกดึงมาค้ำในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคทันที

บอกได้เลยว่าเรื่องพรรคเศรษฐกิจไทย ไม่ได้คิด “เฉพาะหน้า” แต่เตรียมการไว้แล้ว เพียงแต่มี “ปัจจัยเร่ง” ต้องหยิบมาใช้เร็วกว่าที่คิด

ด้วยระยะหลังมีกระแสข่าวเนืองๆ ว่า “บิ๊กตู่” มีความคิดที่จะผละออกจาก “ค่ายพลังประชารัฐ” ไม่ใช่เป็นนั่งร้านขึ้นสู่เก้าอี้นายกฯสมัยที่ 3 โดยมี “ทีมงาน” เดิมเกม “น้ำแยกสาย ไผ่แยกกอ” ตระเตรียม “พรรคสำรอง” ไว้บ้างแล้ว

 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

ย่อมทำให้ “บิ๊กป้อม” ที่รับหน้าเสื่อดูแลด้านการเมืองให้ “บิ๊กตู่” ย่อมหมดบทบาทลง เหมือนที่ริดรอนบทบาท “พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์” ในรัฐบาลมาเรื่อย จนแทบไม่เหลือพาวเวอร์
เดิมที “ค่ายเศรษฐกิจไทย” ก็เป็นทีมงานในเครือข่าย “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ส่งมือดีอย่าง “ปลัดฉิ่ง” ฉัตรชัย พรหมเลิศ สมัยเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย ไปตั้งไข่ไว้ หากแต่เกิดการเปลี่ยนกติกาเป็นบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ และเกิดผิดคิวที่ปลัดกระทรวงมหาดไทยคนใหม่ไม่ใช่สาย “บิ๊กฉิ่ง” แผนการปั้นพรรคเศรษฐกิจไทยจึงต้องพับไป

หรือหลังเกิด “กบฏผู้กอง” ปีก่อน ก็เริ่มมีความเคลื่อนไหวของ “ทีมลุงตู่” แรงขึ้น ทั้งการจดตั้ง “พรรครวมไทยสร้างชาติ” โดยเครือข่าย “แรมโบ้” เสกสกล อัตถาวงศ์ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ประจำนายกรัฐมนตรี ที่ข่าวว่ามี “บิ๊กเนม” ในสาย พล.อ.ประยุทธ์ ไปร่วมด้วย อาทิ “เสี่ยตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกฯ และ “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นต้น

รวมไปถึง “พรรคไทยสร้างสรรค์” ที่มีเงาของ “เสี่ยตั้น” ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีต รมว.ศึกษาธิการ ที่ต้องคดี กปปส.จนถูกแบนทางการเมือง ที่เปิดค่ายไว้รอท่า “บิ๊กตู่” อยู่อีก

และต้องไม่ลืมว่า เหตุการณ์ที่ “ทีมผู้กอง” ขย่มจนถูกขับออกจากพรรค แบบไม่ค่อยแนบเนียน เมื่อวันที่ 19 ม.ค.65 นั้นก็เป็นวันเดียวกับที่ “พรรคสร้างอนาคตไทย” โดย อุตตม สาวนายน - สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรีในรัฐบาล คสช.แถลงข่าวเปิดตัวพอดิบพอดี

แม้พรรคสร้างอนาคตไทยจะประกาศจะไม่เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกฯก็ตาม แต่ลึกๆ แล้วความสัมพันธ์ยังถือเป็น “พวกกัน” อยู่ และมีกระแสข่าวว่า เตรียมดูด ส.ส.จากค่ายพลังประชารัฐ ที่ย่อมส่งผลให้ “ค่ายลุงป้อม” อ่อนแอลง

ความเคลื่อนไหวของเครือข่าย “ลุงตู่” ก็ทำให้ “ลุงป้อม” ในฐานะเจ้าของพรรคพลังประชารัฐ อยู่เฉยไม่ได้ และเดินหมากเปิดสาขา “เศรษฐกิจไทย” ทันที

เมื่อพิเคราะห์ตามรูปการณ์เกมหักเหลี่ยมเฉือนคมของ “พยัคฆ์ป้อม-พยัคฆ์ตู่” แล้ว ในเชิงปริมาณจำนวน ส.ส.นาทีนี้ก็ต้องยกให้ฝ่าย “พี่ใหญ่” มีแต้มต่อเหนือกว่าจากเกมในสภาฯ เพราะ “น้องเล็ก” เลือกที่จะลอยตัวจาก “ฝ่ายการเมือง” อย่างสิ้นเชิง พรรคสำรองที่เตรียมไว้ก็ยัง “โตไม่ทัน”

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคงทำให้ “น้องตู่” ฉุกคิดได้แล้วว่า หากยังยืมจมูก “พี่ป้อม” เพียงอย่างเดียวก็อยู่ยาก ต้องเดินเกมเพื่อสร้างฐานการเมืองของตัวเองบ้าง

 จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ 3.
อย่างไรก็ดี จะดูเบา “นายกฯ ตู่” ว่าเป็นฝ่ายเดินตามเกมของ “พี่ป้อม” เพียงอย่างเดียวก็อาจจะไม่ถูกเสียทีเดียว เพราะไม่เพียงแต่ทีมงานบริวารจะเสาะแสวงหา “นั่งร้านใหม่” ให้เท่านั้น
ส่วนตัว “ประยุทธ์” เองก็ยังพิงกับ “ค่ายสะตอ” พรรคประชาธิปัตย์ อยู่ในทีด้วย

หากสังเกตท่าทีของ “นายกฯ ตู่” กับ “ค่ายสะตอ” ดู “เอื้ออาทร” ต่อกันมาตลอด แม้ชั่วโมงนี้พรรคประชาธิปัตย์จะอยู่ในช่วงขาลง แต่เรื่อง “เกมการเมือง” ก็ไม่เป็นสองรองใครเช่นกัน

กระท่ังมีกระแสข่าวหนาหูว่า การเลือกตั้งซ่อมที่ จ.ชุมพร ซึ่ง “ค่ายลุงป้อม” แพ้อย่างหมดรูป ทั้งที่ขน “เสบียงกรัง” ลงไปเต็มที่ ก็เพราะ “บิ๊กตู่” ส่ง “กองหนุน” ไปช่วยทางพรรคประชาธิปัตย์

ความมาแดงหลังผลการเลือกตั้งออก ทำเอา “พี่น้อง 2 ป.” แทบเข้าหน้ากันไม่ติด

หรือย้อนไปตั้งแต่การตัดสินใจประเคนตำแหน่งประธานรัฐสภาให้กับ “น้าชวน” ชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งที่ควรยึดไว้เป็นโควตาพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะแกนนำพรรครัฐบาล

จนหลายๆ ครั้งที่เบอร์ใหญ่ค่ายสะตอ “น้าชวน” ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ใช้ต้นทุนตัวเองช่วยประคองให้ “บิ๊กตู่” ในสภาฯ อยู่บ่อยๆ

กระทั่งเวทีหาเสียงเลือกตั้งซ่อมของพรรคประชาธิปัตย์ ก็ยังปราศรัยเชียร์ “ประยุทธ์” ขณะเดียวกันก็ถล่ม “ประวิตร-ธรรมนัส” แบบไม่มีชิ้นดี

หรือหลายประเด็นปัญหาการบริหารงานในกระทรวงพาณิชย์-กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ของพรรคประชาธิปัตย์ กรณีทุจริตถุงมือยาง ของแพง ปุ๋ยแพง หมูแพง โรคระบาดในวัว-หมู ที่ดู พล.อ.ประยุทธ์ แทบจะไม่เข้าไปจัดการ ทั้งที่กระทบคะแนนนิยมรัฐบาล

ผิดกับการปฏิบัติต่อ “ค่ายเซราะกราว” พรรคภูมิใจไทย พรรคร่วมรัฐบาล ที่ดูจะถูก “ล้วงลูก” บ่อยครั้ง

ยิ่งไปกว่านั้น การที่พรรคภูมิใจไทยลงทุนดูด ส.ส.ฝ่ายค้านมาเข้าสังกัดได้นับสิบชีวิต ทำให้มีจำนวน ส.ส.มากกว่าพรรคประชาธิปัตย์อยู่ 10 เสียง แต่ “นายกฯ ตู่” ก็ไม่เคยคิดจะเกลี่ยเก้าอี้รัฐมนตรีใหม่ให้สอดคล้องกับจำนวน ส.ส. ทำให้ทั้ง 2 พรรค ยังได้ 7 เก้าอี้รัฐมนตรีเท่ากันเช่นเดิม

และที่ตอกย้ำความสัมพันธ์อันไม่ธรรมดาระหว่าง “นายกฯ ตู่” กับ “ประชาธิปัตย์” ก็คือเหตุการณ์ล่าสุดที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา เมื่อประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ แต่งตั้ง “น.ส.รัชดา ธนาดิเรก” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการผู้แทนพิเศษของรัฐบาลในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ ในด้านประสานการมีส่วนร่วม เพื่อจะมีส่วนช่วยสนับสนุนในการประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขับเคลื่อนบทบาทสตรีในพื้นที่จังหวัดใช้แดนภาคใต้

จะบอกว่าเป็น “วาระปกติ” และ “ไม่มีอะไรในกอไผ่” อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ

จะเห็นได้ว่า ไม่เพียงแต่ “พรรคสาขา” ที่รอวันแจ้งเกิดเท่านั้น ยังมี “มวยหลัก” อย่างพรรคประชาธิปัตย์ เป็นพวกอยู่ แม้เพลี่ยงพล้ำในเกมการเมืองเพียงใด แต่ “บิ๊กตู่” คงรู้สึกว่า ถ้าหนีบ “ค่ายประชาธิปัตย์” ไว้ข้างกายก็ “อุ่นใจ” ในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะเกมในสภาฯ

ที่สำคัญต้องไม่ลืม “จุดแข็ง” ของ พล.อ.ประยุทธ์ ในความเป็น “ผู้นำประเทศ” ที่จนขณะนี้พูดได้ว่า ยังไม่มีคู่เทียบที่เด่นชัด โดยเฉพาะใน “ฝ่ายเดียวกัน”

ยิ่งเวลานี้ ดูเหมือนเสียงเชียร์ “ลุงตู่” จะดังกระหึ่มจากการเดินทางไปเยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการครั้งแรกในรอบ 32 ปี

ถามว่า “ทีมลุงป้อม-ทีมผู้กอง” รุกไล่กดดัน “บิ๊กตู่” จนตกเก้าอี้นายกฯ ได้สำเร็จ แล้วจะปั้นใครขึ้นมาแทนที่

มองย้อนไปเมื่อเลือกตั้ง 2562 ที่พรรคพลังประชารัฐเคยใช้แคมเปญ “รักสงบ จบที่ลุงตู่” ในช่วงโค้งสุดท้าย จนสร้างกระแสคว้า ส.ส.เข้ามาอย่างเหนือความคาดหมาย และจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ

ผลการเลือกตั้งซ่อมที่ภาคใต้ก็สะท้อนพอสมควรว่า “บิ๊กตู่” ยังมีแฟนคลับที่เหนียวแน่น และการที่ “พรรคลุงป้อม” หาเสียงโดยไม่ชู “ลุงตู่” ก็ถือเป็นกลยุทธ์ที่ผิดพลาด กลับกันพรรคประชาธิปัตย์ประเมินแล้วว่า คนรัก พล.อ.ประยุทธ์ มีไม่น้อย จึงเลือกที่จะไม่แตะต้อง แถมพูดถึงแต่ในแง่ดีด้วยซ้ำ

ครั้น พล.อ.ประวิตร จะดันตัวเองเป็นแคนดิเดตนายกฯ ก็สุ่มเสี่ยง “เสียคน” ตอนแก่ หรือหากเป็น “พัชรวาท” ตามที่มีการวิเคราะห์ไว้จริง ชื่อชั้นก็ยิ่งห่างไกลจาก “ประยุทธ์” หลายช่วงตัว กระทั่ง “ธรรมนัส” ก็คงลืมไปได้เลย

นาทีนี้ “นายกฯตู่” อาจกลัดกลุ้มใจที่ทำอะไรมากไม่ได้ ทำได้เพียงประคองสถานการณ์ไม่ให้ถึง “จุดแตกหัก” ก่อนเวลาอันสมควร

ถึงเวลาที่ “พรรคประยุทธ์” พร้อมเมื่อใด จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะตอบได้ว่า จะยุบสภาเมื่อไร

ถึงตอนนั้นก็ต้องมาคิดอีกทีว่า ยังจำเป็นต้องมี “พี่ป้อม” ที่กระเตง “ธรรมนัส” อยู่แบบนี้อีกหรือไม่ด้วย.



กำลังโหลดความคิดเห็น