xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

คริปโตฯ เดือดแรงทั้งโลก “กัลฟ์” จับมือ “ไบแนนซ์” ลุย “บิทคัพ” ผนึก “กลุ่มทองแตง” ขยายฐานธุรกิจ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - กระแสการเติบโตของสินทรัพย์ดิจิทัลที่กำลังมาแรงทั่วโลก นอกจากจะส่งผลให้รัฐบาลหลายประเทศหันมาลงทุนในบิทคอยน์ (BTC) เพิ่มมากขึ้นแล้ว ยังคาดว่าอีก 2-3 ประเทศจะยอมรับให้ BTC เป็นสกุลเงินที่ใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายตามรอยเอลซัลวาดอร์ ขณะที่ธนาคารกลางของอิหร่านปลดล็อก เปิดการทำธุรกรรมด้วยคริปโตฯ เอื้อการค้าระหว่างประเทศ ส่วนกลุ่มทุนไทย “กัลฟ์” จับมือไบแนนซ์ เข้าร่วมวงลุยธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ด้าน “บิทคัพ” ผนึกกลุ่มวิชัย ทองแตง ขยายฐานทัพไม่หยุด แบงก์เบอร์หนึ่ง BBL ตื่นไม่ขอตกขบวนซุ่มลงทุนแน่ - “ยานแม่ SCBX” เร่งเพิ่มเพดานบินสู่ดิจิทัลแอสแสทระดับภูมิภาค 

ฟิเดลิตี้ ดิจิตอล แอสเส็ตส์ บริษัทในเครือฟิเดลิตี้ อินเวสต์เมนต์ ซึ่งเป็นบริษัทการลงทุนระดับโลก เผยแพร่รายงานฉบับใหม่เมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมาเกี่ยวกับแนวโน้มคริปโตเคอเรนซีและผลกระทบในอนาคต โดยเทรนด์ที่น่าจับตาคือ ปี 2022 จะเป็นยุคแห่งการยอมรับบิทคอยน์ หรือบีทีซี (BTC) ของภาครัฐ โดยรัฐบาลหลายประเทศทั่วโลกจะเข้ามาลงทุนในบิทคอยน์ สกุลเงินดิจิทัลอันดับหนึ่งของโลกมากขึ้น เป็นสเตปต่อเนื่องจากช่วงปี 2020 และ 2021 ซึ่งเป็นช่วงที่ BTC ได้รับการยอมรับจากนักลงทุนประเภทสถาบันเพิ่มมากขึ้น

ฟิเดลิตี้ เผยว่า ปีที่ผ่านมาขณะที่รัฐบาลจีนไล่กวาดล้างคริปโตชนิดขุดรากถอนโคน แต่เอลซัลวาดอร์กลับเลือกเส้นทางตรงกันข้ามด้วยการประกาศให้ BTC เป็นสกุลเงินที่ใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย ทว่าปีนี้ไม่น่าจะเกิดสถานการณ์ที่ขัดแย้งกันสุดขั้วเหมือนปีที่แล้ว และเวลาเท่านั้นที่จะบอกได้ว่า เส้นทางไหนที่จะประสบความสำเร็จมากกว่ากัน ในส่วนนักลงทุนประเภทสถาบันนั้น ผลสำรวจของฟิเดลิตี้พบว่า มีถึง 71% ในอเมริกาและยุโรป ที่มีแผนจัดสรรเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต

ประธานาธิบดี นายิบ บูเคเล ของเอลซัลวาดอร์ คาดการณ์ว่า จะมีอีก 2 ประเทศเจริญรอยตามเอลซัลวาดอร์ ด้วยการประกาศให้ BTC เป็นสกุลเงินที่ใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย แต่ ไนเจล กรีน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร (ซีอีโอ) เดอเวียร์กรุ๊ป มองว่า จะมีถึง 3 ประเทศที่จะประกาศยอมรับ BTC เป็นสกุลเงินที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายภายในปี 2022

ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางแห่งอิหร่าน กำลังปลดล็อกกลไกการชำระเงินด้วยคริปโตเคอเรนซี เพื่อให้ทุกภาคส่วนในระบบเศรษฐกิจสามารถทำธุรกรรมด้วยสกุลเงินคริปโต ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ผู้นำเข้าและผู้ส่งออกสามารถใช้สกุลเงินคริปโตฯ ในการค้าระหว่างประเทศได้

 กลุ่มบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (GULF) ผู้นำธุรกิจพลังงาน จับมือกับ Binance เตรียมตั้งกระดานเทรดสินทรัพย์ดิจิทัลครบวงจรในไทย

 บิทคับ (Bitkub) ลงนามบันทึกความเข้าใจ ( MOU) กับกลุ่มนายวิชัย ทองแตง ตั้งบริษัท บิทคับ เวิลด์เทค จำกัด
 ขณะที่ความเคลื่อนไหวของตลาดคริปโตฯ ทั่วโลกเป็นไปอย่างคึกคัก กระแสความตื่นตัวในไทยก็ไม่แพ้กันทั้งในฟากฝั่งของนักเทรด และผู้ลงทุนรายใหญ่ที่ขยายฐานสู่ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล โดยล่าสุด กลุ่มบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (GULF) ผู้นำธุรกิจพลังงาน จับมือกับ Binance เตรียมตั้งกระดานเทรดสินทรัพย์ดิจิทัลครบวงจรในไทย ตามถ้อยแถลงของนางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน ของ GULF 
ทั้งนี้ GULF ได้ส่งบริษัท กัลฟ์ อินโนวา จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ GULF ถือหุ้น 100% ลงนามบันทึกความร่วมมือกับกลุ่ม Binance (“Binance”) เพื่อร่วมกันศึกษาและจัดทำแผนพัฒนาธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange) และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องในประเทศไทย

 ความร่วมมือของ GULF และ Binance ถูกมองว่าจะทำให้สมรภูมิคริปโตในไทยร้อนทะลุองศาเดือด สะเทือนกระดานเทรดคริปโตเบอร์หนึ่งอย่าง Bitkub ที่จะถูกช่วงชิงฐานลูกค้า แต่ทว่าหากมองหลายๆ มุมแล้ว จะเห็นว่า ผู้เล่นหน้าใหม่ที่คล้ายจะเป็นคู่แข่งอันที่จริงก็มีตัวเชื่อมที่ถือเป็นพันธมิตรธุรกิจกันอยู่ ด้วยว่า GULF เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่ลงทุนในอินทัช บริษัทแม่เอไอเอส ขณะที่ เอไอเอสมีความร่วมมือในธุรกิจสินเชื่อดิจิทัล กับกลุ่ม SCB ผ่านบริษัทร่วมทุน AISCB ซึ่งถือเป็นหนึ่งในฝูงของยานแม่ SCBX ที่ส่งบริษัทลูกเข้าไปเทกโอเวอร์ Bitkub เมื่อปลายปีที่ผ่านมา

ดังนั้น ระหว่าง GULF - Binance และ Bitkub จึงมี SCBX เป็นตัวเชื่อมผ่านทาง AIS - อินทัช ถือเป็นเครือพันธมิตรธุรกิจที่ทั้งแข่งขันและเกื้อกูลขยายฐานธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลให้เติบใหญ่ในอนาคตที่ไม่จำกัดอยู่เพียงแค่พรมแดนประเทศไทย แต่ก้าวไปยังภูมิภาคและระดับโลก 


อย่างที่  นายศุภกฤษฎ์ บุญสาตร์ นายกสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย วิเคราะห์ว่า ดีล GULF กับ Binance อาจไม่ได้ทำให้การแข่งขันของแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตในประเทศไทยเพิ่มดีกรีขึ้น เพราะตลาดไทยยังมีโอกาสขยายตัวได้อีกมากมายหลายส่วน แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโต เป็นแค่ประตูแรกเท่านั้น โอกาสต่อยอดธุรกิจยังกว้าง เช่น การนำพลังงานสะอาดมาทำเหมืองขุดบิทคอยน์

ขณะที่ สยามบล็อกเชน วิเคราะห์ว่า การที่ Binance ก้าวเท้าเข้ามายังไทยโดยเกาะไหล่ GULF เพื่อมาขอใบอนุญาตสินทรัพย์ดิจิทัลในไทยนั้น โอกาสที่จะขอใบอนุญาตโบรกเกอร์นั้นมีค่อนข้างสูงกว่า Exchange เนื่องจากปัจจุบันสงคราม Exchange ในไทยเข้มข้นมาก การมาแย่งวอลุมนักเทรดในไทยที่มี Brand Loyalty สูงดูจะไม่ใช่เรื่องง่ายและต้องลงทุนนาน แต่หากเว็บ Binance เวอร์ชันไทย ซึ่งอาจเรียก Binance.co.th ได้รับใบอนุญาตโบรกเกอร์ จะทำให้ได้เปรียบตรงที่นำเอาสภาพคล่องจาก Binance.com มาช่วยเสริม นั่นหมายถึงนักเทรดที่อยู่บน Binance.co.th จะได้รับ match order จากสภาพคล่องที่มาจากเว็บกระดานเทรด Binance.com

วินวินของดีลนี้ก็คือ Binance ต้องการเสริมสภาพคล่องให้กับเว็บเทรดหลัก ต้องการเปิดสาขาประจำแต่ละประเทศเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในประเทศนั้นๆ โดยไม่ถูกจำกัด และหาพาร์ทเนอร์ที่เข้าถึงผู้คุมกฎได้ง่ายขึ้น ขณะที่ GULF สามารถก้าวกระโดดเข้ามาในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลได้เร็วขึ้น

 ขณะที่ฝั่ง Binance และ GULF ร่วมจุดกระแสให้คึกคัก ฟาก Bitkub ก็เร่งขยายฐานทัพผนึกพันธมิตรรอบด้าน ล่าสุด นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด หรือบิทคับ (Bitkub) ลงนามบันทึกความเข้าใจ ( MOU) กับกลุ่มนายวิชัย ทองแตง ตั้งบริษัท บิทคับ เวิลด์เทค จำกัด ในสัดส่วนหุ้น 50%-50% เพื่อพัฒนาการศึกษาโดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีดิจิทัล มุ่งสร้างเด็กไทยให้มีความรู้และทักษะป้อนอุตสาหกรรมบล็อกเชน รับเทรนด์ Metaverse โดยเริ่มจากวิทยาลัยอาชีวะอุดรธานี และมหาวิทยาลัยสารคาม นำร่องก่อนขยายไปยังพื้นที่อื่นๆ  


ผู้ก่อตั้งบิทคับ มองแนวโน้มตลาดคริปโตฯ ในไทยยังเติบโตไปได้อีกมาก ทั้งจากตลาด NFT , Defi , Gamefi ที่จะขยายตัวมากขึ้นจากธุรกิจเรียลเซ็กเตอร์ที่เข้ามาเชื่อมโยงกับธุรกิจใหม่นี้ ดังนั้นการกำกับดูแลต้องให้สอดรับกับการเกิดขึ้นของเศรษฐกิจใหม่ เช่น การเก็บภาษีคริปโตฯ ที่กฎหมายบังคับใช้อยู่ในปัจจุบันยังไม่มีความชัดเจน ทางบิทคับและสมาคมฟินเทค ได้ร่วมกันเสนอให้เลื่อนการจัดเก็บภาษีคริปโต ฯ ออกไปอีกอย่างน้อย 2 ปี เพื่อปรับปรุงข้อกฎหมายต่างๆ ให้มีความทันสมัย และมีความชัดเจน สอดรับกับเทคโนโลยีในปัจจุบันมากขึ้น

ความร้อนแรงของคริปโตฯ ทำให้ผู้เล่นหน้าใหม่และหน้าเก่าต่างพาเหรดเข้าร่วมขบวน หนึ่งในนั้นคือความเคลื่อนไหวของสถาบันการเงินเบอร์หนึ่งอย่างแบงก์กรุงเทพ (BBL) ที่มีความสนใจที่จะลงทุนในธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลเช่นกัน โดยปัจจุบัน BBL อยู่ระหว่างหารือกับทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)เรื่องกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องและกำลังศึกษารูปแบบการลงทุน ทั้งการจัดตั้งบริษัทลูก หรือการเข้าไปร่วมลงทุนกับบริษัทอื่นๆ และดูประเภทสินทรัพย์ดิจิทัลรวมทั้งเทคโนโลยีรองรับก่อนจะตัดสินใจเลือกลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลในรูปแบบใดและประเภทใดบ้าง

ส่วนกลุ่มเอสซีบี (SCB) ซึ่งประกาศรุกธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลเต็มสตรีมมาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา กำหนดเป้าหมายในปีนี้ โดยบริษัทโทเคน เอกซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัทเอสซีบีเท็นเอกซ์ ในเครือธนาคารไทยพาณิชย์ เตรียมแผนให้บริการที่ปรึกษาระดมทุนไอซีโอ ไตรมาสแรกของปีนี้ ขณะที่ บล.ไทยพาณิชย์ ซึ่งได้รับใบอนุญาตเป็นนายหน้าสินทรัพย์ดิจิทัล และศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล คาดเริ่มดำเนินธุรกิจได้ภายในครึ่งปีแรก 2565 ส่วนที่กลุ่ม SCB จะเข้าถือหุ้น 51% ในบิทคับ คาดว่ากระบวนการจะเสร็จสิ้นในเร็วๆ นี้ พร้อมกับแผนจับมือกับพันธมิตรระดับภูมิภาคตามเป้าหมาย

 นับเป็นเทรนด์การลงทุนใหม่ที่เปิดกว้าง สร้างโอกาสเศรษฐกิจใหม่มหาศาล ทว่า “รัฐบาลลุง” ยังดูมะงุมมะงาหรา ตั้งเป้าแต่จะรีดภาษีอย่างเดียว ซึ่งดูทรงแล้วไม่ค่อยเข้าท่าสักเท่าไหร่ 



กำลังโหลดความคิดเห็น