ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - กางตำราโหราศาสตร์ตรวจดวงชะตาบ้านเมือง ปี 2565 เปิดคำพยากรณ์ 4 โหราจารย์ อาทิ “ภิญโญ พงศ์เจริญ” นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ, “ฟองสนาน จามรจันทร์” นักโหราศาสตร์สมัครเล่น, “อาณณัฐ สรรคชา” อาจารย์โหราศาสตร์ไทย และ “ชนม์ทรรศน์ ฤทัยผ่อง” ผู้อำนวยการสถาบันโหราศาสตร์พยากรณ์แห่งประเทศไทย
ทั้งนี้ คำพยากรณ์เป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งเรื่องความขัดแย้งทางการเมืองยังกระพือความรุนแรง มีเกณฑ์เปลี่ยนแปลงผู้นำ มีเกณฑ์การปะทะดังสะท้อนภาพพฤษภาทมิฬ จับตาสถานการณ์โควิดคลี่คลายแต่ยังไม่หมดไป ราหูค้นทรัพย์ภาคเศรษฐกิจการเงินทรุดแต่ลุ้นมีเกณฑ์พลิก ต้องระวังขั้นสุดกับเหตุการณ์อุบัติภัย-ภัยพิบัติ ถือเป็นปีที่หนักหน่วง แต่อย่าเพิ่งปริวิตกเพราะท้ายที่สุดประเทศไทยจะผ่านพ้นเหตุการณ์ร้ายๆ ไปได้โดยดี
ขณะที่เกณฑ์ชะตาของ “นักการเมืองคนดัง” ที่มีโอกาสลุ้น “เก้าอี้นายกรัฐมนตรี” นั้น ก็น่าสนใจไม่น้อย เพราะแม้ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและรัฐนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจะย่ำแย่และคะแนนนิยมลดน้อยถอยลงเป็นลำดับ ทว่า โอกาสที่จะ “อยู่ต่อ” ก็มีสูงเพราะพื้นดวงแข็ง ส่วนคู่แข่งคนสำคัญอีก 2 คนคือ “มาดามอุ๊งอิ๊ง - แพทองธาร ชินวัตร” ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย แม้ปี 2565 จะเจิดจรัสในสังเวียนการเมือง มีลุ้นตำแหน่งผู้นำฯ แต่พึงระวังจบไม่สวย เฉกเช่นเดียวกับ "เสี่ยทิม - พิธา ลิ้มเจริญรัตน์"หัวหน้าพรรคก้าวไกลที่สรุปสั้นๆ ว่า ดวงเด่นแต่ไม่ได้แปลว่าดวงดี มีลุ้นตำแหน่งผู้นำฯ แต่ต้องระวังปัญหาถาโถม ด้าน “คู่เทียบ”ที่เหลืออีก 2 คนคือ “อนุทิน ชาญวีรกูล”หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยและ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์”หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นไปได้แค่ “เบอร์สอง”เท่านั้น
การเมืองระส่ำ คลังถังแตก
เศรษฐกิจพลิก ภัยพิบัติโหม
เริ่มต้นด้วย “ภิญโญ พงศ์เจริญ” นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ ทำนายว่า ปี 2565 ดวงเมืองจะอายุครบ 240 ปี และย่างเข้าสู่ปีที่ 241 ดาวเสาร์จะโคจรอยู่ในภพที่สิบของดวงเมืองตรงราศีมังกรตลอดทั้งปี ในทางโหราศาสตร์พยากรณ์มีทั้งเรื่องร้ายดี เกณฑ์ดีให้คุณให้อำนาจแก่รัฐบาล สามารถรักษาอำนาจตำแหน่ง การออกกฎหมายใหม่ๆ เป็นไปอย่างราบรื่น แต่ถ้าตกในเกณฑ์ร้ายสร้างความอับโชคให้กับผู้ปกครองหรือรัฐบาล รัฐบาลขาดความนิยม ประสบความล้มเหลว โดยเฉพาะอย่างยิ่งความล้มเหลวในการเลือกตั้ง หากโยกเกณฑ์ร้ายจากภาพแปด มรณภพก็จะสูญเสียบุคคลสำคัญ รัฐบุรุษ หรือบุคคลชั้นสูงก็จะเจ็บล้มตาย
ราศีมังกรเป็นเรือนชะตาที่สิบของดวงเมือง หมายถึงคณะรัฐมนตรี การบริหารราชการแผ่นดิน ผู้ปกครอง ดาวเสาร์เล็งกับดวงจันทร์ ดวงจันทร์ในดวงเมืองหมายถึงประชาชน พยากรณ์ว่าประชาชนมีความคิดเห็นขัดแย้งกับรัฐบาล เพราะฉะนั้นการที่เสาร์เล็งจันทร์ก็ทำให้ประชาชนเกิดความยุ่งยาก เดือดร้อน ตึงเครียด ประชาชนก็จะมีความคิดเห็นขัดแย้ง เป็นปฏิปักษ์กับผู้ปกครอง
พระเสาร์เป็นตัวแทนของรัฐบาล ส่วนพระจันทร์เป็นตัวแทนของฝ่ายค้านหรือประชาชนที่มีความเห็นต่างกับรัฐบาล ซึ่งการที่เสาร์มาเล็งจันทร์ก็ทำให้เกิดความตึงเครียดนั่นเอง เกิดการเผชิญหน้า และเผชิญหน้าไปนานเพราะดาวเสาร์โคจรอยู่ตรงราศีนี้ใช้เวลา 2 ปีครึ่ง ที่ผ่านมาก็ประมาณ 1 ปีแล้ว ความวุ่นวายแบบนี้ก็เหลืออีกประมาณปีเศษๆ
สถานการณ์ความรุนแรงทางการเมืองเพิ่มขึ้น จนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอีกรอบ อ้างอิงเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์พฤษภาทมิฬ เกิดการเปลี่ยนรัฐบาล เกิดเหตุจลาจล ปี 2505 คนในชาติแตกแยก รบกันเอง สูญเสียเยอะแยะ ผู้นำประเทศก็มาตายในช่วงดาวเสาร์อยู่ตรงนั้น ต่อมา ปี 2475 ก็เปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ จนกระทั่งเกิดกบฏ
“เตือนให้ระวังทางด้านการเมือง ด้านสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านจิตวิทยาสังคม ต้องระวังเหตุการณ์บ้านเมืองที่เคยเกิดขึ้นในอดีต อย่าให้ประวัติศาสตร์มันซ้ำรอยเดิม ใครจะมาเป็นผู้ปกครองก็แล้วแต่ ปี 2565 ก็ต้องระวัง เพราะการชุมนุม การประท้วงต่างๆ คงจะไม่หมดไปจากประเทศไทย”
เรื่องเศรษฐกิจการเมือง ราหูค้นทรัพย์ตั้งแต่ปลายปี 2563 และยังค้นต่อไป จนถึงสิ้นเดือนมีนาคม ปี 2565 ราหูค้นทรัพย์หมายถึงว่ามีเงินในท้องพระคลังเท่าไหร่ก็ถูกค้นและเอามาใช้ จนกระทั่งหมดท้องพระคลัง แล้วก็ต้องไปกู้เงินมา ราหูค้นทรัพย์และทำมุมกับดวงจันทร์เป็นดาวคู่หนี้สิน จะเห็นว่าทั้งภาครัฐทั้งเอกชน เป็นหนี้เป็นสินต้องกู้ยืม ออก พ.ร.ก. กู้เงินหลายครั้ง รวมทั้ง ระบบการเงินเปลี่ยน เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เพราะฉะนั้นการจะอยู่รอดก็ต้องรอบคอบ มีเงินมีทองลงทุนต่างๆ ในธุรกิจที่เสี่ยงน้อยที่สุด หลีกเลี่ยงสิ่งที่ล่อแหลม
สำหรับ ปี 2565 จะเกิดอุปราคา 4 ครั้ง ครั้งแรกเกิดสุริยุปราคาวงแหวนวันที่ 1 พฤษภาคม 2565 กระทบตัวประเทศ พื้นที่ดินแดน ประชาชนพลเมือง อำนาจอธิปไตย โดยส่วนรวมทั้งหมด สภาพทั่วไปของความรุ่งเรืองไพบูลย์ และสุขภาพของประเทศด้วย เกิดการผันแปรตามธรรมชาติของราศีที่อุปราคาอุบัติ ปัญหาของประเทศจะก่อให้เกิดความวุ่นวาย ผู้ปกครองหรือรัฐบาลจะได้รับการกระทบกระเทือน และบุคคลสำคัญจะถึงแก่กรรม เกิดความอับโชคแก่สุขภาพของประชาชน และความสำเร็จของประเทศชาติ หรือถ้าเป็นจันทรุปราคา ประชาชนจะเกิดความไม่พอใจและวุ่นวาย กรรมกร ชาวไร่ชาวนา คนส่วนใหญ่เดือดร้อน การนัดหยุดงานก็อาจจะเกิดขึ้น ผู้หญิงและเด็กเกิดความอับโชค
อุปราคาในครั้งที่สอง เป็นจันทรุปราคาเต็มดวง เกิดวันที่ 16 พฤษภาคม 2565 อุปราคาภายใต้ภพแปดของดวงเมือง บังเกิดความอับโชคแก่ผู้ปกครองและรัฐบาล มีคนตายมาก ถ้าเป็นสุริยุปราคาบุคคลสำคัญบางคนจะถึงแก่กรรม หรือไม่ก็เป็นบุคคลชั้นสูง ถ้าเป็นจันทรุปราคาจะเกิดการตายในหมู่ชนสามัญ และสตรีผู้มีชื่อเสียง สุขภาพอนามัยของประเทศเสื่อมโทรม เกิดความเจ็บไข้ได้ป่วย โรคระบาด อาชญากรรมร้ายแรง หรือเกิดความปั่นป่วนในวงการเงิน
อุปราคาในครั้งที่สาม เป็นสุริยุปราคาวงแหวนของวันที่ 25 ตุลาคม 2565 อุปราคาภายใต้ภพเจ็ดของดวงเมือง การต่างประเทศอาจถูกรบกวน เพราะฉะนั้นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศก็เป็นปัญหา และจะก่อให้เกิดความยุ่งยาก เกิดความผันแปรในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อาจจะทำให้เกิดปัญหาขัดแย้ง มีภัยจากการแข่งขันหรือผู้เป็นศัตรู เกิดความอับโชคแก่รัฐบาล หรือแก่เกียรติของประเทศ
และอุปราคาครั้งที่ 4 สุดท้ายเป็นจันทรุปราคาเต็มดวงของวันที่ 8 พฤศจิกายน 2565 ปัญหาของประเทศเกิดการก่อกวนวุ่นวาย ผู้ปกครองหรือรัฐบาลจะได้รับการกระทบกระเทือน บุคคลสำคัญจะถึงแก่กรรม เกิดความอับโชคแก่สุขภาพและความสำเร็จของประเทศชาติ ประชาชนจะเกิดความไม่พอใจและวุ่นวาย กรรมกร ชาวไร่ชาวนาเดือดร้อน สตรีและเด็กก็จะอับโชค
สถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ทางโหราศาสตร์ยังเป็นช่วงที่ยังไม่ดี ปี 2565 เบาลงแต่ยังไม่หมดไป เพราะดาวมฤตยูจรมาอยู่ตรงราศีเมษซึ่งเป็นราศีธาตุไฟ ทุกครั้งทุกวงรอบ ทุก 84 ปี จะเกิดภัยอาเพศ ภัยจากโรคภัยไข้เจ็บ ภัยจากอมนุษย์ แล้วมฤตยูยังอยู่ตรงนี้จนกระทั่งถึงวันที่ 7 กรกฎาคม 2565 ซึ่งหลังจากนี้โควิดน่าจะคลี่คลาย แต่จะส่งผลด้านอื่นแทน อาทิ การคลัง ภาษีอากร สรรพากร ศุลกากร สรรพสามิต และธุรกิจทั้งหมดที่เกี่ยวกับการเงิน จะเกิดการเปลี่ยนแปลง จะเป็นการปฏิรูปหรือการปฏิวัติทางด้านเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง เพราะฉะนั้นรูปแบบทางด้านการเงินและการคลังจะเปลี่ยนอย่างรุนแรง
ที่ต้องระวังเป็นพิเศษสำหรับสถานการณ์อุบัติเหตุ อุบัติภัย และภัยธรรมชาติ มาครบทั้งไฟ ดิน ลม น้ำ ให้ระวังช่วงเดือนเมษายน ถึงเดือนพฤษภาคม และเดือนตุลาคม ถึงเดือนพฤศจิกายน
สำหรับปี 2565 ดาวใหญ่ย้ายราศีมีเค้าลางเปลี่ยนแปลงทางการเมือง “ฟองสนาน จามรจันทร์” นักโหราศาสตร์สมัครเล่น อ่านคำพยากรณ์ตลอดทั้งปีว่า ประชาชนส่วนใหญ่ยังเครียดหนี้และเจ็บไข้ได้ป่วยให้รัฐบาลต้องแบกภาระหนักต่อไป แต่ภาพรวมเศรษฐกิจจะเริ่มฟื้น เป็นอาการฟอร์ช็อกนำมาก่อนการเริ่มปฏิวัติใหญ่ทางเศรษฐกิจ เกิดโชคลาภและความสำเร็จในเมืองจากรายได้พิเศษเติมเข้ามาโดยต่างชาติ การเก็งกำไรทั้งตลาดหุ้น หรือนวัตกรรมใหม่ๆ
มีเค้าลางปฏิวัติใหญ่ทางเศรษฐกิจ สงครามเศรษฐกิจโลกจะฟาดฟันกันอย่างดุเดือดเลือดพล่านไม่มีใครยอมใคร การปฏิวัติใหญ่ทางเศรษฐกิจของเมืองรอบนี้ประเทศไทยจะเนื้อหอมสุดๆ ที่หลายประเทศรุมตอมเป็นมิตรชนิดหัวกระไดไม่แห้ง หรืออีกนัยหนึ่งรุมทึ้งหาผลประโยชน์ สิ่งที่จะพาคนไทยรอดได้อยู่ที่ความแพรวพราวทางด้านการทูต
ปี 2565 เข้าสู่โหมดของการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เข้าสู่ลางเปลี่ยนใหญ่ผู้นำทางการเมือง หรือผู้นำสำคัญองค์ประกอบพรรคร่วมของรัฐบาล และผู้นำองค์กรต่างๆ ที่สำคัญ ด้านนายกรัฐมนตรีตั้งแต่ 21เมษายน 2565 - สิ้นปี ไม่ว่าจะมีความผันผวนในการเมืองเพียงใดหากจะมีการเปลี่ยนแปลงจะมีโอกาสตกผลึกเลือกทางเปลี่ยนแปลงเองว่าจะสู้ต่อหรือเปลี่ยนแปลง (ทั้งยุบสภา หรือลาออก หรือปรับคณะรัฐมนตรี เปลี่ยนพรรคร่วมรัฐบาล) แทนการถูกบีบให้เปลี่ยนแปลงแบบหน้าเขียวหน้าเหลือง
แม้การเมืองจะอยู่ในบรรยากาศเปลี่ยนแปลงขนาดไหน เมืองก็มีโอกาสได้นายกรัฐมนตรีออกแนวดี ส่วนรัฐบาลหน้าตาจะออกแนวร้าย น่าขมขื่นสำหรับประชาชน อีกทั้งคนในรัฐบาลก็จะทำพลาดหรือก่อกวนหรือหักหลังกันเอง จนผู้นำรัฐบาลอาจต้องเลือกทางเปลี่ยนแปลง และเปลี่ยนแปลงระดับไหนซีกรัฐบาลก็จะภาระก็จะหนักมากกว่าปีที่แล้ว ส่วนฟากฝ่ายค้านไม่ว่าใครจะมาเป็นก็คงได้อาละวาดเป็นระยะๆ แต่ในที่สุดแล้วทำอะไรไม่ขึ้นเพราะสมาชิกเหมือนคนป่วยกระเสาะกระแสะ
ปี 2565 เป็นปีที่ยังต้องสู้กันในอุดมการณ์-แนวความคิดสำคัญของชาติต่อไปอีกยาวนานประมาณ 18ปี เริ่มที่สถาบันกษัตริย์ และคาดว่ายังจะมีเรื่องอื่นๆ ที่เริ่มปรากฏชัดคือเรื่องการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ซึ่งกระทบจิตใจคนไทยส่วนใหญ่ที่จงรักภักดีมากมายก่อตัวปะทุออกมาเช่นการเกิดของสามนิ้ว คณะราษฎร2563 แต่แม้จะต้องสู้กันต่อไปสถานการณ์จะเริ่มเปลี่ยน คือตั้งแต่กลางปี 2565 เป็นต้นไป
สถานการณ์โควิด-19 จะกลายเป็นโรคสามัญประจำเมืองและโลก เริ่มประมาณ 8 เมษายน 2565 เป็นต้นไป ความรุนแรงของโรคลดลงเพราะการคิดค้น ยาและวัคซีนทำให้พร้อมรับมือมากกว่าเดิม ลางเปลี่ยนแปลงใหญ่ประมาณกรกฎาคม 2565 เป็นต้นไป
สถานการณ์น้ำปี 2565 มากกว่าปีที่แล้ว จะเกิดน้ำท่วมใหญ่วงกว้างช่วงปลายปี จะท่วมในวงกว้างกว่าจัดเป็นปีน้ำท่วมใหญ่อีกครั้ง คราวนี้กรุงเทพ-ปริมณฑล จะไม่โชคดีเหมือนปี 2564 แถมอาจจะมีการท่วมแบบแปลกๆ คาดไม่ไม่โดยคาดการณ์สถานการณ์ ภัยทางน้ำรุนแรงมากที่ต้องเตรียมตัวรับมือกันให้ดี มีเกณฑ์เกิดอุบัติเหตุใหญ่ในเมือง มีโอกาสแผ่นดินไหวให้ตื่นเต้นกว่าปกติที่เกิดประจำสักสองสามครั้ง
ต่อเนื่องกับอิทธิพลจากดาวมฤตยูเกิดความเปลี่ยนแปลง ประเทศชาติยังไม่พ้นวิบากกรรม เปิดคำทำนายของ “อาณณัฐ สรรคชา” หรือ “อ.โจ้” อาจารย์โหราศาสตร์ไทย เปิดเผยว่าตามคำภีร์โบราณอายุดวงเมืองอยู่ที่ราศีธนู ไม่เป็นผลดี ไม่ได้รับความร่วมมือเป็นปัญหา ปี 2565 มีเกณฑ์ผู้นำสูง ปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์กฎระเบียบสังคมใหม่ๆ สถานการณ์การเมืองต่างคนต่างอารายะขัดขืน
มฤตยูที่ทับดวงเมืองส่งผลทางลบต่อเนื่องมากหลายปี มฤตยู กุม ราศีเมษ ทับดวงอาทิตย์ในดวงกำเนิด วุ่นวาย มฤตยูคล้ายๆ กับการสะบัด เหมือนอาเพศ ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลง หากเจาะจงก็หมายถึงลักษณะของผู้นำจะเกิดการเปลี่ยนแปลง แม้มีดาวพฤหัสฯ โยกย้ายเข้าภพที่ดีก็จริง ซึ่งส่งผลเกี่ยวข้องกับจริยะต่างๆ กฎหมายกฎเกณฑ์กฎระเบียบ ผู้ถือกฎหมาย พระสงฆ์ ครูอาจารย์ หมอ โรคภัยไข้เจ็บ อิทธิพลพฤหัสฯ จะทำให้สถานการณ์เหล่านี้ขยับดีขึ้นมา แต่ดวงเมืองมีดาวพระเกตุโคจรขยายความวุ่นในสังคมชั่วขณะหนึ่ง
“ประเทศเราเหมือนครอบครัว จะเกิดความขัดแย้งในครอบครัวเกิดภาวะกินไม่เข้าคายไม่ออก เกิดความอึดอัด เกิดความไม่ไว้วางใจ เกิดปัญหาเรื่องการเงิน เมาอำนาจ เมาเงิน สถานการณ์ความขัดแย้งในรัฐบาลตลอดจนประชาชน เป็นไปในรูปแบบอารยะขัดขืนต่างคนต่างอารายขัดขืน พูดให้คอแตกก็คุยกันไม่รู้เรื่อง มีเกณฑ์การโยกรากฐานสั่นคลอน ช่วงเดือน กุมภาพันธ์ 2565 ระวังเรื่องความรุนแรงในบ้านเมือง และนับจากนี้อีก 2 ปี ดวงเมืองจะเบาบางลง มีโอกาสเปลี่ยนแปลงผู้นำค่อนข้างสูง”
อิทธิพลดวงเมืองมฤตยูเดินวิปริต สถานการณ์ปรวนแปรดวงเมืองไม่ดี หาความเสถียรไม่เจอ ยิ่งการเงินการคลัง ราหูย้ายเข้าภพที่ 2 ของดวงเมือง เรื่องทำมาหากินการเงินการคลัง เรียกว่าราหูค้นทรัพย์ เข้า กฎพินทุบาทว์จุดเสื่อมทับดาวอังคารทับดาวพระเกศ เรื่องของการตกกระไดพลอยโจร เศรษฐกิจจะแย่ไปกว่าเก่า นึกภาพง่ายๆ สตางค์อยู่ในกระเป๋าควักออกอย่างเดียว ไม่มีเข้า ราหูค้นทรัพย์ ย้ายทับลัคน์ ไม่เป็นผลดี ทุบกระปุกไม่หยอดคืน
ส่วนสถานการณ์โรคระบาดจะอยู่อีกไม่นาน โควิด-19 อาจระบาดในรูปแบบเป็นกระแสแรง จากนั้นจะค่อยๆ ซาลงมากกว่าเก่า และสถานการณ์ภัยพิบัติน้ำท่วมเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องเฝ้าระวังเตรียมตัวรับมือ
ปิดท้ายผ่าดวงเมืองผ่านโหรราศาสตร์จีน “ชนม์ทรรศน์ ฤทัยผ่อง” หรือ “ซินแสเข่ง” ผู้อำนวยการสถาบันโหราศาสตร์พยากรณ์แห่งประเทศไทย เปิดเผยคำพยากรณ์ดวงเมืองประเทศไทย ปี 2565 ปีขาล ธาตุน้ำ ปีนี้ดวงเมืองประเทศไทยเวียนมาบรรจบครบรอบ 240 ปี ตั้งแต่ วันที่ 21 เมษายน 2325 ตกดวงคู่มิตร
“ดาวอังคารอิทธิฆาต ตกดวงศัตรู อนาคตประเทศจะเดินไปสู่ ปัญหาความขัดแย้ง คนเห็นแก่ตัวมากขึ้น สร้างความไม่เข้าใจ ชิงดีชิงเด่น ขององค์กร การเมือง ไม่เกรงกลัวเพราะต่างความคิดหว้งอำนาจส่วนตนเป็นใหญ่ สังคมขัดแย้ง หน่วยราชการ ข้าราชการ ศาสนาปั่นป่วนแตกแยก หรือฝ่ายอันธพาลเป็นใหญ่ งานนี้ตกดาวเกตทำให้ต้องมีผู้มีอำนาจได้ปกครองบริหารบ้านเมือง ดวงทหารเท่านั้นที่จะต้องเอาอยู่ โรคระบาดยังไม่จบจางหาย แต่อาจจะเบาลง ย้ำเตือนหากไม่ระวังอาจมีทวีคูณ ให้รุนแรงอย่าวางใจ”
เศรษฐกิจทรุด ก่อให้เกิดการสูญเสีย การเงินล่มสลาย ธุรกรรมการเงิน ธนาคาร ตลาดหุ้น การประกันชีวิต ธุรกิจ อัญมณี งานไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ได้รับผลกระทบ สื่อวิทยุโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ งานแขนงด้านไฟฟ้าให้ระวัง จะประสบปัญหาเกิดขึ้น
ธุรกิจที่โดดเด่นในปี 2565 บ้านที่อยู่อาศัย อสังหาริมทรัพย์ โรงแรมที่พัก อาพาร์ทเมนท์ ต้นไม้ เสื้อผ้า เอกสารหนังสือจะเฟื่องฟูขึ้น รวมถึงเกี่ยวกับเหล็กโลหะ ทองคำ รถยนต์ จักรยานยนต์ โรงงานอุสาหกรรม จะเปลี่ยนแปลงรุดหน้าในปี 2565 นี้
ทว่า ต้องระวังภัยพิบัติ พายุหมุน ดินถล่ม น้ำมามาก จากรอบปี 240 ปี เวียนมาบรรจบครบรอบทำให้ตกธาตุลม ที่จะก่อให้เกิดภัยพิบัติที่รุนแรง มาจากลมพายุที่ก่อตัวขึ้น อาจทำให้บ้านเรือนเสียหาย ให้ติดตามข่าวความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นทั้งพายุร้อนและพายุฝน ดวงเมืองประเทศไทยจะไม่พ้นจากมรสุมไม่ต่างจากประเทศมาเลเซีย และอีกไม่นานคนไทยก็จะได้พบภาพแบบนี้เหมือนกัน โปรดคอยรับมือ
“บิ๊กตู่” บารมีลด แต่ยังไหวเพราะพื้นดวงแข็ง
“มาดามอุ๊งอิ๊ง" ดวงเจิดจรัส มีลุ้นตำแหน่งผู้นำฯ
มาถึงเกณฑ์ชะตาของ “นักการเมืองคนดัง” กันบ้าง
เริ่มจาก “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา”โดย “ซินแสเข่ง” ระบุว่าเป็นปีแห่งทุกขลาภ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนมาแล้ว มีเหตุให้เกิดความขัดแย้งทะเลาะเบาะแว้งให้เกิดขึ้น และจะต่อเนื่องในปี 2565 ตลอดทั้งปี แต่ในปี 2565 ก็ถือว่าเป็นปีแห่งโชคลาภที่ได้ดวงดาวเกตเข้ามาหนุนดวงชะตา มาเสริมให้มีอำนาจหน้าที่ตำแหน่งการงาน ให้มั่นคงให้เกิดขึ้น
ขณะที่ “ฟองสนาน” พยากรณ์ว่า มีแนวโน้มตกจากตำแหน่งหรือถูกไล่ -ทรยศ-หักหลังเป็นระยะๆ ตลอดปี เพียงแต่จะไล่ได้หรือไม่เท่านั้น หลังวันเกิดที่ 21 มีนาคม 2565 ถึง 21 มีนาคม 2566 ปรากฎการณ์ถ้าช่วงต้นร้ายปลายจะดี หรือช่วงต้นดีปลายจะร้าย ตำราบอกให้สงบจิต ตั้งแต่ 8 เมษายน ถึงสิ้นปี 2565 บุญเก่าเริ่มมาแรงพร้อมปรากฎการณ์สั่นสะเทือนความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องหรือคนที่รักกันเหมือนญาติเป็นระคยะๆ ถ้าเปลี่ยนที่อยู่ รถน่าจะถูกโฉลก
ส่วน “อ.โจ้ อาณณัฐ” เผยคำทำนายว่าปี 2565 ต้องระวังให้มากคือคนรอบข้างเพราะบริวารให้โทษ อย่าไปเกรงใจคนมาก อยากให้มองเห็นภาพความเป็นจริง อย่าคล้อยตามง่าย อย่าขี้เกรงใจ จะนำความลำบากมาหาตัว พระราหูในดวงกำเนิดทุกอย่างชะงัก พระเดชพระคุณลดลงไป รวมทั้งระวังเรื่องของการใช้อารมณ์จะส่งผลผลเสียต่ออตัวเอง เป็นปีกระเป๋ารั่วอาจใช้ไปกับบริวารเสียส่วนใหญ่ เกิดปัญหาเรื่องของงานบริหารจัดการต่างๆ การงานไม่มั่นคงถอยหลัง ต้องตั้งหลักให้ดีๆ ต้องกลับมาพิจารณาให้ดี ราหูทับพฤหัสฯ การพัฒนาหยุดชะงัก จะไปต่อลำบาก บริหารงานลำบาก ส่อแววอยู่ไม่ครบเทอม แม้ปีนี้ดวงโหลดแต่รากฐานยังมั่นคงดี
ขณะที่คำพยาการณ์ดวงชะตาทายาทคนสำคัญของ “ทักษิณ ชินวัตร” คือ "มาดามอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร" ซึ่งอาจก้าวสู่แคนดิเดตชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี “ซินแสเข่ง” เผยเป็นดาวดวงใหม่ของสังคมการเมือง ที่เริ่มส่องแสงเจิดจ้า เพราะมีดวงชะตาที่ก้าวสู่การเมือง และเป็นผู้นำได้ แต่ต้องไม่เดินทางที่ผิด เพราะในดวงชะตามีผลปะทะกับตนเอง ที่จะก่อให้เกิดความแตกแยก พลัดพราก และต้องจากถิ่นฐานบ้านเกิดของตนเองไปอยู่ต่างถิ่น เพราะความไม่สมหวัง สับสน ไม่ปรองดอง หากคิดเล่นการเมือง ต้องเล่นด้วยความคิดของตนเอง อย่าเอาความรักครอบครัวมาทำให้ชีวิตต้องล่มสลาย
เทียบดวงความแกร่งและมั่นคงกับ ลุงตู่ ราศีดีไม่ห่างกัน แต่จุดปัญหาความแตกร้าวมีอยู่ในดวงชะตาเหมือนกัน ซึ่งหากแก้ไขต้องรู้วิธีป้องกันประกอบกับประสบการณ์ และอำนาจบารมีที่ต่างกัน หากจะสู้ก็สูสีสู้กันได้
การประกาศตัวเป็นตัวแทนของทักษิณ เป็นภัยร้ายดับอนาคตทางการเมือง และอาจไปไม่ถึงฝั่งฝันหากปล่อยให้มีการแทรกแซง ซึ่งจุดเด่นในดวงชะตาของหลานอุ๊งอิ๊งต้องเป็นตัวของตัวเอง ต้องไม่นำพาคนในตระกูลชินวัตรเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะพ่อแม้วคุณทักษิณดวงดวงดับอับโชคไม่สำเร็จในชีวิต มีเงินล้นฟ้าแต่ไร้อำนาจอีก 10 ปีก็ไม่พ้นบ่วงกรรมชีวิตต้องดิ้นรนตลอด
ส่วนแม่หมอ “ฟองสนาน” ทำนายว่า ลัคนาสถิตเมษ มีโอกาสได้ลุ้นเป็นนายกรัฐมนตรีหญิง เหมือน “อาปู ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ถ้าเป็นลัคนาราศีสิงห์ก็เกิดมารวยอย่างที่เห็นๆ แต่ไม่ว่าลัคนาหรือเป็นชาวราศีใดก็กำลังอยู่ในระหว่างโชคใหญ่ในชีวิตไปถึง 29 มีนาคม 2565 หลังจากนั้นโชคลดลงครึ่งหนึ่ง
เป็นไปในทิศทางเดียวกับ “อ.โจ้ อาณณัฐ" ที่พยากรณ์ว่า ดวงแพทองธารปี 2565 สุดเจิดจรัส เป็นปีโดดเด่นถูกตาต้องใจผู้ใหญ่ให้คุณแต่เป็นไปในเสริมระยะสั้น ถามว่ามีโอกาสเป็นนายกฯ หญิง คนถัดไปหรือไม่ ความที่เที่ยวบินอาจยังเทียบชั้นคนอื่นไม่ได้ เป็นดวงที่มาเร็วไปเร็ว เป็นเหมือนกับ นายกฯ ปู ความเก๋า ประสบการณ์ บารมี การเมืองต้องใช้หลายอย่างผสมกัน สรุปว่าเจ้าของดวงนี้อยู่เบื้องหลังดีกว่า มุ่งทำธุรกิจรุ่งกว่าเล่นการเมือง
“เสี่ยทิม-พิธา” ดวงเด่นแต่ไม่ดี
“เสี่ยหนู-อนุทิน” ไปไม่ถึงดวงดาว
“อู๊ดด้า-จุรินทร์” เป็นรองฯ จะดีกว่า
คำพยากรณ์ของ “อ.โจ้ อาณณัฐ” ระบุว่า "เสี่ยทิม - พิธา ลิ้มเจริญ"พื้นฐานดวงดี เป็นคนใฝ่เรียนใฝ่รู้เรียนรู้ ละเอียดรอบคอบ มีคนคอยดัน มีแม่ยกดี จึงไม่แปลกที่เป็นดาวสภาโด่ดเด่นเจิดจรัส แต่ก็ต้องระวังเรื่องการโดนหักหลัง พบปะผู้คนจำพวกหน้าอย่างหลังอย่าง เล่นการเมืองมีโอกาสรุ่ง แต่หากทำธุรกิจจะเจริญรุ่งเรืองยิ่งกว่า
ส่วนคำทำนายของ “ซินแสเข่ง” ระบุว่า ปี 2565 พิธา ตกดวงแตกแยก เพราะดาวราหูเข้าแทรกให้เกิดปัญหาความวุ่นวาย ไม่ปรองดองสร้างความสับสนให้เกิดกับดวงชะตาเกิดการทำลายในดวงชะตา ระวังการหาเรื่องใส่ตนเองให้เดือดร้อน อายุเข้าเคราะห์ระวังเรื่องเพศตรงกันข้ามเข้ามาในชีวิต
ด้าน “เสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล” ที่หลายคนลุ้นว่าอาจเป็น “นายกฯ สำรอง” นั้น “อ.โจ้ อาณณัฐ” เผยว่าเจ้าของดวงเป็นคนมีเสน่ห์เป็นที่รัก ทำงานดีเข้าตาผู้ใหญ่ แต่ก็ต้องเป็นเป้าโดนถล่มวิพากษ์วิจารณ์ ต่อให้ทำดีก็โดนด่า เอาเงินถวายพระก็ยังโดนด่า ปี 2565 ทำอะไรเสียมากกว่าได้ บริวารให้โทษยิ่งเป็นคนยุขึ้นจะพาลโดนถล่มหนัก ระวังการงานจากดีจะกลายเป็นเสียเพราะหนอนบ่อนไส้ ตำแหน่งการเมืองยังไม่มีเกณฑ์ก้าวสู่จุดสูงสุดตำแหน่งผู้นำประเทศ เป็นดวงที่เหมาะกับทำธุรกิจลุยเมกกะโปรเจกต์มากกว่า
ส่วน “ซินแสเข่ง” ชี้ชัดว่า ปีนี้ “เสี่ยหนู” ได้ดาวฤกษ์เสริมดวงชะตา มีดาวเกตเสริมตำแหน่งหน้าที่การงาน เพราะเจอปีสมพงศ์ส่งเสริมสนับสนุน ให้การบริหารการเมืองเป็นไปได้ดี มีโอกาสได้รับตำแหน่งสูง แต่ด้วยบารมีที่ยังไม่ถึง เพราะไม่มีดวงเสริม หากจะให้มั่นคงในตำแหน่งที่การงาน ต้องได้ดวงเสริมจากบุคคลสำคัญที่จะส่งผลให้ประสบความสำเร็จในการบริหารงาน และหากปีนี้ไม่สำเร็จปีต่อไปก็หมดสิทธิ์แล้ว
ขณะที่ “ฟองสนาน” เปิดเผยว่าเป็นปีที่ “หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย” ต้องแบกภาระหนักตลอดปีแถมศัตรูใหญ่รบกันทำให้เดือดร้อน ตั้งแต่ต้นเมษา ถึง 13 กันยายน 2565 โชคลาภ และเพื่อนฝูงเข้ามาหาสู่มากในระดับพลิกชีวิต แต่ระหว่างนั้นก็ควรระวังพลาดหรือขัดแย้งงานเพราะตัวเอง
ปิดท้ายกับดวงชะตาของ “อู๊ดด้า - จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” ที่สื่อมวลชนอวยยศให้เป็น “นายกฯ บางโพล” เนื่องมาจากผลสํารวจความคิดเห็นจากสำนักโพลแห่งหนึ่ง ระบุว่าคนกรุงเทพฯ เห็นว่า “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” เหมาะสมกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไป
ทว่า พลิกตำราพยากรณ์ดวงปี 2565 ยังไม่ใช่ปีของเขาผู้นี้ ดังเช่นคำพยากรณ์ของ “ซินแสเข่ง” ระบุว่าเป็นปีตกดวงชะตาดาวมฤตยูแทรกทับดวงชะตา ปีปะทะให้แตกแยกให้สับสนไม่เข้าใจ สร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้น ให้ระวังปัญหาความไม่สมหวังวุ่นวาย อายุเข้าเคราะห์ ไม่ได้ดั่งใจที่คาดหวัง มีปัญหาให้เกิดความขัดแย้งภายในพรรคที่ไม่สามารถแก้ไขได้ ประกอบกับในดวงชะตาตกดวงเบียดเบียนให้เดือดเนื้อร้อนใจ เรื่องไร้สาระไม่เป็นเรื่องไม่เป็นราว
เป็นไปในทิศทางเดียวกับคำทำนายของ “อ.โจ้ อาณณัฐ” ตีธงชัดๆ ว่า เจ้าของดวงยากที่จะสู่ตำแหน่งผู้นำประเทศ เหมาะกับตำแหน่งเป็นรองมากกว่า เส้นทางการเมืองไม่ราบรื่นนัก จำเป็นต้องมีกุนซือที่ดี อย่างไรก็ดี อย่าเอาแต่ฟังลิ่วล้อจนมโนไปไกลก็แล้วกัน