xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

#คดีเสือดำ# จำคุก “เจ้าสัวเปรมชัย” อาณาจักร “อิตาเลียนไทย” ไม่สะเทือน จับตาคดีสินบน – ปืนเถื่อน-ไล่ล่า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -  หลังจากต่อสู้คดีมาร่วม 3 ปี ในที่สุด คดีสังหารเสือดำที่สะท้านสะเทือนทุ่งใหญ่นเรศวร ก็เดินมาถึงจุดสิ้นสุดตามคำพิพากษาของศาลฎีกา เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2564 ซึ่งตัดสินจำคุกนายเปรมชัย กรรณสูต อดีตประธานกรรมการ บมจ.อิตาเลียนไทย ดิเวล๊อปเมนต์ จำกัด 2 ปี 14 เดือน ไม่รอลงอาญา ขณะที่พวกพ้องก็ไม่รอดคุกเช่นกัน 

คำพิพากษาของศาลฎีกาในคดีดังกล่าว ตามที่  นายสรวิศ ลิมปรังษี  ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลประจำสำนักประธานศาลฎีกา ในฐานะโฆษกศาลยุติธรรม แถลงว่า คดีล่าเสือดำ หมายเลขดำ อ.219/2516 ที่พนักงานอัยการจังหวัดทองผาภูมิ เป็นโจทก์ฟ้อง นายเปรมชัย กรรณสูต อดีตประธาน กรรมการ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์,นายยงค์ โดดเครือ คนขับรถ, นางนที เรียมแสน แม่ครัว, นายธานีทุมมาศ พรานป่า เป็นจำเลยที่ 1-4 นั้น

ศาลฎีกา ได้พิจารณาแล้ว แม้ว่ามีการแก้ไข พ.ร บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 โดย พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2562 ให้ยกเลิกมาตรา 55 ร่วมกันรับไว้ซึ่งซากสัตว์ป่า แต่ยังคงมีความผิดข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าไว้ในครอบครอง ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าแก้ไขเพิ่มเติมปี พ.ศ.2562 ดังนั้น นายเปรมชัย จำเลยที่ 1 คงจําคุก 2 ปี 14 เดือน, นายยงค์ โดดเครือ จำเลยที่ 2 คงจำคุก 2 ปี 17 เดือน และนายธานี จำเลยที่ 4 คงจำคุก 2 ปี 21 เดือน ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย 2 ล้านบาท ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ แต่ให้ปรับแก้ไขดอกเบี้ยให้เป็นไปตามกฎหมายใหม่ สำหรับจำเลยที่ 3 นางนที เรียมแสน (แม่ครัว) จำคุก 1 ปี 8 เดือน รอลงอาญา 2 ปี (ไม่ได้ฎีกา)

เมื่อศาลฎีกามีคำพิพากษาแล้วถือว่าคดีสิ้นสุด กระบวนการทั้งหมดเสร็จสิ้น หนึ่งในทีมทนายของนายเปรมชัย เปิดเผยหลังศาลฎีกาตัดสินคดีว่า นายเปรมชัย ไม่ได้ฝากหรือพูดอะไร ซึ่งเจ้าตัวน้อมรับคำตัดสินของศาล และทีมทนายไม่ขอให้สัมภาษณ์ใดๆ เพราะถือว่าคดีสิ้นสุดแล้ว

ในวันเดียวกันนี้  นายอิทธิพร แก้วทิพย์  อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด และนายประยุทธ เพชรคุณ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ในฐานะรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงผลคดีของนายเปรมชัย กรรณสูตร กับพวก คดีฆ่าเสือดำ โดยลำดับคดีนี้ว่า เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2561 อัยการจังหวัดทองผาภูมิ ได้ยื่นฟ้องนายเปรมชัย กรรณสูต จำเลยที่ 1, นายยงค์ โดดเครือ จำเลยที่ 2, นางนที เรียมแสน จำเลยที่ 3 และนายธานี ทุมมาศ จำเลยที่ 4 ในข้อหาร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ) โดยไม่ได้รับอนุญาตและข้อหาอื่นๆ อีกหลายข้อหา

ต่อมาวันที่ 19 มีนาคม 2562 ศาลจังหวัดทองผาภูมิ พิพากษาจําคุกนายเปรมชัย กรรณสูต 16 เดือน , นายยงค์ โดดเครือ จําคุก 13 เดือน, นางนที เรียนแสน จำคุก 4 เดือน และปรับ 10,000 บาท รอการลงโทษ 2 ปี และนายธานี ทุมมาศ จําคุก 2 ปี 17 เดือน โดยยกฟ้องจําเลยบางข้อหา โดยเฉพาะนายเปรมชัย กรรณสูต ศาลยกฟ้องในข้อหาร่วมกันเก็บของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติและข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ) แต่ลงโทษฐานเป็นผู้สนับสนุนในข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ) แทน

หลังจากนั้น วันที่ 24 พฤษภาคม 2562 อธิบดีอัยการศาลสูงภาค 7 ได้ยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลลงโทษจำเลยตามฟ้องของพนักงานอัยการโจทก์ทุกข้อหา ต่อมาเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2562 ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ได้มีคำพิพากษาลงโทษจำเลยทุกคน ตามที่พนักงานอัยการศาลสูงภาค 7 ยื่นอุทธรณ์ โดยเพิ่มโทษจำคุกนายเปรมชัย 2 ปี 14 เดือน ไม่รอลงอาญา, จำคุก นายยงค์ เพิ่มเป็น 2 ปี 17 เดือน, นางนที เพิ่มโทษเป็นจำคุก 1 ปี 8 เดือน ปรับ 40,000 บาท แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี ตามศาลชั้นต้น ส่วนนายธานี ซึ่งสารภาพโดยอ้างว่าเป็นคนยิงเสือดำ ศาลเพิ่มโทษเป็นจำคุก 2 ปี 21 เดือน และให้จำเลยร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เป็นเงิน 2 ล้านบาท

หลังจากศาลอุทธรณ์ภาค 7 มีคำพิพากษาลงโทษจำเลยทุกคนตามที่พนักงานอัยการได้ยื่นอุทธรณ์แล้ว อธิบดีอัยการศาลสูงภาค 7 จึงมีคำสั่งไม่ฎีกา ครั้งต่อมาวันที่ 31 มีนาคม 2563 จำเลยจำนวน 3 ราย ได้แก่ นายเปรมชัย, นายยงค์ และนายธานี ได้ยื่นฎีกาต่อศาลฎีกาและอธิบดีอัยการศาลสูงภาค 7 ได้แก้ฎีกาเรียบร้อยแล้ว

คดีนี้ศาลฎีกาได้พิจารณาแล้วได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2564 ระบุว่า ฎีกาของจำเลยทั้งสามฟังไม่ขึ้นและไม่มีเหตุต่อการรอการลงโทษ แต่ต่อมาได้มีการแก้ไข พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 โดย พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าแก้ไขเพิ่มเติมปี พ.ศ. 2562 ให้ยกเลิกมาตรา 55 การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงไม่มีความผิดในส่วนนี้ ตาม ป.อาญา มาตรา 2 คงจำคุกจำเลยที่ 1 คงจําคุก 2 ปี 14 เดือน, จำเลยที่ 2 คงจำคุก 2 ปี 17 เดือน จำเลยที่ 4 คงจำคุก 2 ปี 21 เดือน ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย 2 ล้านบาท ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ แต่ให้ปรับแก้ไขดอกเบี้ยให้เป็นไปตามกฎหมายใหม่

ภาพประวัติศาสตร์เมื่อครั้งเจ้าสัวเปรมชัยถูกจับ
รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ตอบคำถามว่า หลักฐานสำคัญที่ทำให้สำนวนแน่นหนาจนนำไปสู่การตัดสินลงโทษผู้กระทำผิด ประการแรกคือประจักษ์พยานผู้ที่เห็นเหตุการณ์ถูกสอบอย่างละเอียดทุกขั้นตอน ประการถัดมา คือวัตถุพยาน ได้แก่ ซากสัตว์ทั้งหลาย อาวุธปืน เครื่องใช้เครื่องครัว ซึ่งทั้งหมดทำให้นำไปสู่การทำสำนวนอย่างละเอียดถี่ถ้วน รอบคอบและรัดกุม และได้พิสูจน์ทั้งสามศาลว่าศาลได้มีคำพิพากษาตามที่พนักงานอัยการสั่งฟ้อง

นอกเหนือจากการรวบรวมพยานหลักฐาน ทำสำนวนอย่างรอบคอบรัดกุมของฝ่ายตำรวจและทีมอัยการแล้ว บุคคลสำคัญที่จะลืมไม่ได้เป็นอันขาดคือ  “หัวหน้าวิเชียร” นายวิเชียร ชิณวงษ์  หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก ที่นำทีมบุกจับกุมคณะของนายเปรมชัย ในคืนวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561 หลังจากเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ฝั่งตะวันตก อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ได้รับแจ้งว่าพบนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งลักลอบเข้ามาตั้งแคมป์พักแรมบริเวณห้วยปะชิ อยู่ระหว่างหน่วยฯทิคอง กับหน่วยฯ มหาราช ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไม่อนุญาตให้มีการพักค้างแรม

 การนำทีมเข้าตรวจสอบและควบคุมตัวนายเปรมชัย มหาเศรษฐีระดับหมื่นล้าน และคณะ ถือเป็นความกล้าหาญอย่างยิ่งของ “หัวหน้าวิเชียร” และลูกทีม ซึ่งจากการเข้าตรวจสอบบริเวณแคมป์มีการค้นพบอาวุธปืน เนื้อสัตว์ป่าชำแหละแช่เย็นไว้ รวมทั้งซากเสือดำด้วย โดย “หัวหน้าวิเชียร” ให้สัมภาษณ์หลังเกิดเหตุว่าการเจอซากเสือดำนั้น “สั่นสะเทือนคนทุ่งใหญ่มากที่สัตว์ผู้ล่าอย่างเสือขนาดใหญ่ถูกฆ่าอย่างทารุณและถลกหนังออกมา ไม่ได้ล่าเพื่อดำรงชีพแต่เป็นการล่าเพื่อวัตถุประสงค์อื่น” 

 ในความกล้าหาญนั้น “หัวหน้าวิเชียร” ยังยืนยันหนักแน่นในหลักการทำงานที่เที่ยงตรง เมื่อ “ทีมเจ้าสัว” เจรจาหว่านล้อมในทำนองว่านายเปรมชัย เป็นประธานบริษัทใหญ่คืออิตาเลียนไทย พร้อมข้อเสนอแลกเปลี่ยนผลประโยชน์เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม แต่หัวหน้าวิเชียร ย้อนศรว่า “สำหรับเราแล้วจะเป็นใครก็ช่าง ถ้าทำความผิดแล้วเราก็ไม่สนอย่างอื่น เขาก็ต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย” 


หลังจากนั้น นายวิเชียร ได้แจ้งความลงบันทึกประจำวันที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ว่านายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ เสนอผลประโยชน์ให้เจ้าหน้าที่เพื่อแลกกับการปล่อยตัว และถือเป็นอีกหนึ่งคดีที่ติดตัวนายเปรมชัยและพวก คือ คดีติดสินบนเจ้าพนักงาน โดยมีหลักฐานเป็นโทรศัพท์ที่บันทึกเสียงพูดคุยกับนายยงค์ โดดเครือ หนึ่งในกลุ่มผู้ล่าสัตว์ ล่าสุดคดีนี้ศาลอุทธรณ์ ตัดสินจำคุก 1 ปี แต่นายเปรมชัย ขอสู้คดีต่อในชั้นศาลฎีกา

เช่นเดียวกับอีกคดีที่เกี่ยวเนื่องกันกับคดีล่าสัตว์ทุ่งใหญ่นเรศวร คือ คดีการครอบครองปืนไรเฟิลโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งในการตรวจค้นบ้านของนายเปรมชัย มีการค้นพบปืน 43 กระบอก มีปืนไรเฟิล 3 กระบอก และ ปืนแก๊ป 1 กระบอก ที่ไม่ได้รับอนุญาต เป็นการทำผิดกฎหมาย พ.ร.บ.อาวุธปืน และเครื่องกระสุน ล่าสุดศาลอุทธรณ์ สั่งจำคุก 6 เดือน แต่นายเปรมชัย ขอสู้คดีต่อในชั้นศาลฎีกา

ส่วนเส้นทางการทำงานของนายวิเชียร หลังเกิดคดีเสือดำ เขาได้ขอย้ายออกจากพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ไปทำงานที่อุดรธานี ตั้งแต่ปี 2562 โดยให้เหตุผลว่าเพราะคดีก็ใกล้สิ้นสุดแล้ว ไม่ได้โดนกดดัน อีกอย่างนายวิเชียร ต้องการมีเวลารักษาตัวเองจากโรคริดสีดวงทวารที่ต้องผ่าตัด และอยากไปอยู่ใกล้ๆ ครอบครัว ปัจจุบันเขามีตำแหน่งเป็นหัวหน้าโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำห้วยบางทรายตอนบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร

สำหรับผลสะเทือนต่ออาณาจักรอิตาเลียนไทยนั้น หลังจากศาลฎีกาอ่านคำพิพากษา “คดีเสือดำ” ที่สั่งจำคุกนายเปรมชัย ราคาหุ้นของบริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ หรือ ITD ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง โดยช่วงเปิดตลาดหุ้นไทย (SET Index) ภาคเช้าของวันที่ 8 ธันวาคม 2564 ราคา ITD อยู่ที่ 2.14 บาท ทรงตัวจากวันก่อนหน้า และระหว่างทางดีดตัวทำจุดสูงสุดที่ 2.18 บาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.86% แต่ทว่าตั้งแต่ช่วงเวลา 11.00 น. หลังคำตัดสินคดี ราคาหุ้นเริ่มย่อตัวลงต่อเนื่อง โดยเปิดตลาดภาคบ่ายปรับตัวลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 2.12 บาท หรือลดลง 0.94% จากราคาเปิดภาคเช้า และลดลง 2.83% จากราคาสูงสุดของวันดังกล่าว

ขณะเดินทางมารับฟังคำพิพากษาของศาลฎีกา


อย่างไรก็ตาม บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ออกแถลงการณ์ ว่าคำพิพากษาของศาลฎีกา ไม่ได้มีผลกระทบต่อการดำเนินงานและการบริหารธุรกิจแต่อย่างใด บริษัทมีการจัดตั้งคณะกรรมการบริหาร ประกอบด้วยผู้บริหารระดับสูง จำนวน 16 คน เพื่อดำเนินงานและบริหารงานมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2555 รวมเวลา 9 ปี และบริษัทได้แต่งตั้ง นายธรณิศ กรรณสูต  รักษาการประธานบริหาร ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เลขที่ 1/12/2564 ณ วันที่ 1/12/2564

นายธรณิศ กรรณสูต
ปัจจุบันได้จัดตั้งโครงสร้างการบริหารงานกลุ่มธุรกิจ มีการแบ่งสายงานในแต่ละกลุ่มงานก่อสร้าง มีจำนวน 8 กลุ่มธุรกิจ รวม 23 กลุ่มงานก่อสร้าง และกระจายหน้าที่ความรับผิดชอบในการบริหารงานให้กับผู้บริหารระดับสูง บริษัทขอเรียนให้ผู้ถือหุ้น คู่ค้า ลูกค้า และผู้มีส่วนได้เสียอื่นๆ ของบริษัทเชื่อมั่นว่าคณะกรรมการบริหารของบริษัทสามารถดำเนินงาน และบริหารธุรกิจของบริษัทได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2564 พบว่า นายเปรมชัย กรรณสูต ปรากฏชื่อเป็นกรรมการบริษัทอย่างน้อย 98 แห่ง โดยรวมถึงบริษัทมหาชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วย 2 แห่ง คือ ITD และ บริษัท จรุงไทยไวร์แอนด์เคเบิ้ล จำกัด (มหาชน) โดยกลุ่มบริษัทที่นายเปรมชัย มีชื่อเป็นกรรมการ มีการดำเนินธุรกิจหลากหลาย ทั้งรับเหมาก่อสร้าง ธุรกิจสนามกอล์ฟ บ้านพักตากอากาศ อสังหาริมทรัพย์ กีฬา และอื่นๆ รวมทุนจดทะเบียนหลายหมื่นล้านบาท


การร่อนคำแถลงของ ITD ถือเป็นการเรียกความเชื่อมั่นซึ่งในแง่การดำเนินธุรกิจของบริษัทคงไม่ได้มีปัญหาเพราะเตรียมความพร้อมรองรับมาก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่องขึ้นแล้ว แต่สำหรับชื่อเสียงต่อสังคมนั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง อย่างไรก็ตาม คำพิพากษาของศาลฎีกาในคดีนี้ถือเป็นหนึ่งในคดีประวัติศาสตร์ที่ไม่ว่าจะรวยหรือจนทุกคนอยู่ใต้กฎหมายเดียวกัน และคุกไม่ได้มีไว้ขังแต่คนจนเท่านั้น

ทั้งนี้ สำหรับนายธรณิศนั้น เป็นบุตรชายคนเล็กของนายเปรมชัย จากบุตรทั้งหมด 3 คน ซึ่งทั้งหมดเป็นผู้บริหารบริษัทฯ แต่นายเปรมชัย ได้วางตัวนายธรณิศ เป็นผู้ทำหน้าที่บริหารต่อจากนายเปรมชัย โดยนายธรณิศ ที่ดำรงตำแหน่งรองประธานบริหารอาวุโสและผู้ช่วยประธานบริหาร ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายเปรมชัย ในฐานะประธานบริหาร ในกรณีที่ประธานบริหารไม่สามารถปฏิบัติงานได้ เพื่อให้การบริหารงานของบริษัทฯดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพตั้งแต่วันที่ 2 ธ.ค.2564

นายธรณิศ เริ่มถูกวางตัวเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา โดยถูกมอบหมายให้ดูงานทั้งหมดรวมถึงการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมทวาย ประเทศเมียนมา ปัจจุบันเป็นกรรมการใน 11 บริษัท คือ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) , บริษัท เอเซี่ยนสติล โปรดักส์ จำกัด , บริษัทสยามสติลซินดิเกต จำกัด (มหาชน),บริษัทแอล เอ็น จี พลัส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด , บริษัท 3บี โฮลดิ้ง จำกัด , บริษัท ไอทีดี เมียนม่า อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด , บริษัทอมารี , ITD Madagascar S.A. , บริษัท อิตัลไทย เรียล เอ็ซเทท , Thai Mozambique Logistica SA , บริษัท เอเชีย แปซิฟิค โปแตช คอร์ปอเรชั่น จำกัด

ในขณะที่บุตรอีก 2 คน คือ  นายปีติ กรรณสูต  ปัจจุบันเป็นกรรมการไอทีดี และรองประธานบริหารอาวุโส ส่วน  น.ส.ปราชญา กรรณสูต  ปัจจุบันทำหน้าที่รองประธานบริหารอาวุโส และผู้ช่วยกรรมการรองประธานบริหารอาวุโส

 ทั้งนี้ นายธรณิศจะมาบริหารโครงการต่างๆ ของทางบริษัทซึ่งรวมๆ แล้วน่าจะมีมูลค่าหลักแสนล้านบาทเลยทีเดียว 


วิเชียร ชิณวงษ์
สำหรับตัวละครสำคัญอีกหนึ่งที่ต้องกล่าวถึงเมื่อศาลฎีกาตัดสินคดีเป็นที่สุด เพราะเป็นถึงนายตำรวจใหญ่แต่กลับไปยกมือไหว้ก้มหัวให้นายเปรมชัย ในระหว่างการทำคดีจนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสังคม นั่นก็คือ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล  อดีต รอง ผบ.ตร. ออกมาเปิดใจกับสื่อว่าไม่ว่าจะเป็นคนรวยหรือจน ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ในเมื่อกระทำความผิด การจะไหว้หรือไม่ไหว้ก็ไม่ส่งผลทำให้กฎหมายเปลี่ยนแปลง แต่ยอมรับว่ามีความกดดันในการทำคดี

ด้าน  นายภานุเดช เกิดมะลิ  เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร องค์กรเอ็นจีโอที่เกาะติดคดีและสร้างกระแสให้สังคมจับตาคดีนี้อย่าวางตา กล่าวว่า คดีดังกล่าวสามารถพิสูจน์และให้คำตอบกับสังคมได้ชัดเจนมาตลอด 3 ปีว่า คนมีชื่อเสียงในสังคมไม่ได้มีความเหลื่อมล้ำในการถูกพิจารณาโทษ การตัดสินของศาลฎีกาเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ถือว่ายืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธาณ์ ถึงแม้จะลดโทษจำคุกไป 6 เดือน แต่เป็นไปตามปรับปรุงกฎหมายสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562

“การจำคุกทันทีไม่รอลงอาญา เป็นสิ่งที่ศาลพิจารณามาตลอดแล้วว่าจำเลยต่อสู้มาโดยตลอด ไม่ยอมรับการทำผิดจึงนำมาสู่การตัดสินหรือไม่ แต่ทั้งหมดเป็นคำตอบที่ว่าเสือดำไม่ตายฟรี เป็นสิ่งที่พิสูจน์ต่อสังคม .... เชิงสังคมเขาติดคุกมาตลอด 3 ปีแล้ว เป็นบทเรียนคนที่คิดและอยากจะมีพฤติกรรมแบบนี้” เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร กล่าว

ขณะเดียวกัน องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล สำนักงานประเทศไทย (WWF ประเทศไทย) ออกแถลงการณ์ชื่นชมกระบวนการยุติธรรม และความเข้มแข็งในการใช้กฎหมายต่อการละเมิดและกระทำผิดต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยการพิจารณาตัดสินคดี ด้วยความโปร่งใสไม่เลือกชั้นวรรณะ ไม่เลือกสถานะของผู้กระทำความผิด

 WWF ยังหวังว่าคำพิพากษาที่ถือเป็นที่สิ้นสุดในคดีนี้จะเป็นตัวอย่างและก้าวสำคัญของประเทศไทยในการป้องปรามและขจัดกลไกการค้า และการล่าสัตว์ การละเมิดต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างให้เกิดการกระทำความผิดในลักษณะเช่นนี้อีกต่อไป 



กำลังโหลดความคิดเห็น