ดันกาสิโนถูกกฎหมาย ฝันหวานในรัฐบาลลุง?

ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -  วาระร้อนของ “รัฐบาลลุง” ประเด็น “กาสิโนถูกกฎหมาย” การเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร (Entertainment Complex) มีเม็ดเงินก้อนโตเป็นเดิมพัน เพราะหากผ่านฉลุยรายได้จัดเก็บภาษีจำนวนมหาศาลจะไหลเข้าคลัง แม้เป็นประเด็นที่ถูกปัดตกมาแล้วหลายครั้ง แต่การยิบยกขึ้นมาพิจารณครั้งนี้ น่าจับตาอย่างยิ่งว่าผลลัพธ์จะแตกต่างไปจากเดิมหรือไม่ ด้วยยุคสมัยและบริสังคมที่เปลี่ยนไป 

ย้อนกลับไป ช่วงต้นเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติ 310 ต่อ 9 ให้ตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ทั้งสิ้น 60 คน อาทิ นายชัชวาลย์ คงอุดม หรือ ชัช เตาปูน ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไท, นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ และนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ฯลฯ เพื่อพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร (Entertainment Complex) เพื่อหาแหล่งรายได้ใหม่จากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และภาษีจากธุรกิจกาสิโนถูกกฎหมาย และมาตรการในการป้องกัน และแก้ไขปัญหาบ่อนการพนันผิดกฎหมาย การแพร่ระบาดของตู้เกมพนันไฟฟ้า และการพนันออนไลน์ โดยให้ใช้เวลาศึกษาทั้งสิ้น 90 วัน

สาระสำคัญของเสียงสนับสนุนเห็นตรงกันว่า เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์จะเป็นแหล่งรายได้ใหม่ โกยเม็ดเงินจากกลุ่มนักท่องเที่ยวและนักแสวงโชคชาวต่างชาติสร้างรายได้ให้แก่ประเทศปีละ 4 ล้านล้านบาท โดยที่รัฐบาลไม่ต้องลงทุนใดๆ และต้องยอมรับว่าธุรกิจกาสิโนเติบโตขึ้นมากในประเทศเอเชีย-แปซิฟิก รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านของไทยต่างเปิดรับธุรกิจกาสิโนถูกกฎหมาย การที่ไทยยังจัดเป็นกิจกรรมผิดกฎหมาย ทำให้เม็ดเงินจำนวนมากไหลออกไปต่างประเทศ

การเปิดกาสิโนถูกกฎหมาย หรือการพนันรูปแบบต่างๆ เช่น หวยใต้ดิน, โต๊ะพนันบอล ฯลฯ ถูกกฎหมาย เป็นการนำรายได้มาพัฒนาประเทศ ป้องกันการรั่วไหลของเงินจำนวนมากออกนอกประเทศ นำเงินนอกระบบเข้ามาอยู่มาระบบอย่างถูกต้อง ทำให้รัฐสามารถเก็บภาษีได้เพิ่มเติม

ทั้งนี้ ได้มีการแต่งตั้งอนุ กมธ.ฯ 4 คณะ ได้แก่ 1. ศึกษาเกี่ยวกับปัญหาคาสิโนในประเทศ 2. ศึกษาเกี่ยวกับกาสิโนประเทศเพื่อนบ้าน 3. ศึกษาเกี่ยวกับคาสิโนต่างประเทศ และ 4. ศึกษาผลกระทบต่อสังคม

ประการสำคัญ กระแสสังคมจะเป็นตัวกำหนดทิศทางกาสิโนถูกกฎหมาย

 พี่เต้ พระราม 7 - นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์  ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ในฐานะ กมธ. วิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร ฉายภาพว่าสถานการณ์การเงินการคลังของประเทศไทยมีปัญหาอย่างมาก หนี้สาธารณะปัจจุบันกว่า 9.3 ล้านล้านบาท รัฐบาลขายพันธบัตรไปกว่า 10.9 ล้านล้านบาท หนี้ประชาชนร่วม 14.4 ล้านล้านบาท ดูแนวโน้มแล้วประเทศไทย จะมีสถานะหนี้สินล้นพ้นตัว จึงจำเป็นต้องหารายได้เข้ามาแก้ไขสถานการณ์การเงินการคลังของประเทศ

ธุรกิจกาสิโนถูกกฎหมายจะสร้างเม็ดเงินในระบบจำนวนมหาศาล การเปิดบ่อนกาสิโนขนาดเล็กในประเทศมีมาช้านานแล้ว ซึ่งรายได้จากการเก็บค่าต๋งจะอยู่ในระบบ (นอกระบบ) เฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐ (ตำรวจ ทหาร และเจ้าหน้าที่ปกครอง) ซึ่งเป็นรายได้ที่ผิดกฎหมายจำนวนกว่า 80,000-120,000 ล้านบาทต่อปี ฉะนั้น เฉพาะในประเทศไทยถ้ามีการเปิดกาสิโนถูกกฎหมายให้ชาวต่างประเทศที่เล่นจริง เล่นแบบออนไลน์ และคนไทยเฉพาะที่มีฐานะเท่านั้น ไม่เกิน 6% ก็น่าจะทำรายได้หมุนเวียนปีละไม่น้อยกว่า 15-20 ล้านล้านบาท เป็นภาษีไม่น้อยกว่า 1 ใน 2 ล้านล้านบาท ก็จะสามารถนำมาใช้หนี้สาธารณะประเทศได้ ลดภาษีน้ำมัน สร้างหลักประกันคนเกษียณเดือนละ 3,000 บาทต่อเดือน เงินที่เหลือก็นำมาดูแลการศึกษาต่อไป

นอกจากนี้ ยกตัวอย่างบ่อนประเทศเพื่อนบ้านมี 40 แห่ง หากในบ่อนกาสิโน 1 แห่ง มีโต๊ะพนัน 100 โต๊ะ มีคนเข้าไปเล่นพนันเป็นล้านคน ซึ่งอาจจะพกเงินไปเล่นพนันคนละ 1 แสนบาท และอาจใช้เงินเล่นจริงไป 2 หมื่นบาทต่อคน คิดเป็นวงเงินคร่าวๆ ก็มีรายได้ที่เข้าบ่อนพนันถึง 8 แสนล้านต่อปี

 สมมุติถ้ามีเงินหมุนเวียน 10 ล้านบาทต่อโต๊ะพนัน 1 โต๊ะ แล้วถ้าโต๊ะพนัน100 โต๊ะ ก็เท่ากับมีเงินหมุนเวียนจำนวนถึง 1,000 ล้านบาทต่อบ่อนกาสิโน 1 แห่ง และในวันเดียวนั้น ก็จะมีเงินหมุนเวียนถึง 4 หมื่นล้านบาท หรือถ้าสมมุติมีเงินหมุนเวียน 2 หมื่นล้านบาทต่อวัน ก็จะตกเดือนละ 6 แสนล้านบาท ปีละประมาณ 7.2 ล้านล้านบาท มากกว่าเงินงบประมาณแผ่นดินถึง 2 เท่าต่อปี หรืออย่างที่มาเก๊า บ่อนกาสิโนเอกชนที่เปิด 100% เขาเสียภาษีให้รัฐ 10 % เมื่อหักรายจ่ายต่าง ๆ แล้วได้กำไรสุทธิ 1.45 ล้านล้านบาทต่อปี 

 นายชัชวาลล์ คงอุดม หรือ ชัช เตาปูน  ส.ส.พรรคพลังท้องถิ่นไท ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร (Entertainment Complex) ระบุว่าการผลักดันบ่อนกาสิโนถูกกฎหมายในรัฐบาลพล.อประยุทธ์ จันทร์โอชา มีความเป็นไปได้ อีกทั้งเสียงตอบรับจากกลุ่มพนันผิดกฎหมายก็ไม่ได้ปฏิเสธหากรัฐจะทำให้ถูกหมาย ส่วนเสียงคัดค้านมองว่าผิดศีลธรรมเป็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคล

“เท่าที่ผมมีประสบการณ์ด้านนี้มา คนที่เข้าไปเล่นกาสิโนเขาก็เล่นสนุกสนานมากกว่า ไม่ได้ถึงขนาดหมดเนื้อหมดตัว คนที่เล่นพนันหลักล้าน ไม่ใช่เล่นกันได้เลย เรามองว่าเราจัดที่เล่นให้ถูกกฎหมายเลยจะดีกว่า ผมพูดเรื่องนี้มา 30 ปีแล้ว ใครจะมองว่าไม่ดี แต่ในภายภาคหน้า หากมันทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี เขาก็จะเข้าใจเราเอง”

 ขีดเส้นใต้ว่าสิ่งสำคัญในการทำกาสิโนครั้งนี้เป้าหมาย เพื่อแก้หนี้สาธารณะ ลดภาษีน้ำมัน สร้างสวัสดิการผู้สูงอายุ และดูแลค่าบำรุงการศึกษา 

ประเด็นการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร (Entertainment Complex) เสียงส่วนใหญ่ในสภาฯ ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลให้การสนับสนุน แต่อย่างไรก็ตาม เกิดเสียงคัดค้านไม่เห็นด้วยกับการเปิดกาสิโนเสรี โดยเครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนัน สภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย สถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย เครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง และเครือข่ายสื่อเพื่อการขับเคลื่อนสังคม (Media move) ตบเท้ายื่นหนังสือถึง  นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผ่านทางนายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร คัดค้านผลักดันให้มีบ่อนกาสิโนและพนันออนไลน์ถูกกฎหมายในประเทศไทย

เพื่อแสดงจุดยืนไม่สนับสนุนกาสิโนหรือพนันออนไลน์ถูกกฎหมายในประเทศไทย โดย นายณัฐพงศ์ สำเภาแก้ว ผู้ประสานงานเครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนัน ระบุว่าจุดยืนในที่นี้ไม่ใช่แค่ในทางศีลธรรมหรือศาสนา หรือเป็นเรื่องดัดจริตใดๆ แต่มองว่าปัญหาการพนันในสังคมไทย ยังไม่มีแนวทางจัดการป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง เกิดการขยายตัวของการพนันที่มากขึ้น รวมทั้งการปฏิรูปตำรวจที่มีส่วนเชื่อมโยงกับธุรกิจสีเทาเหล่านี้ยังคงย่ำอยู่กับที่ไม่เปลี่ยนแปลง

เรียกร้องให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เจ้าหน้าที่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญและทุมเทกับการป้องกันปัญหาและศึกษาผลกระทบจากการพนันทุกรูปแบบอย่างจริงจัง และคิดหาแนวทางอย่างเป็นระบบ มาตรการเชิงรุก แก้ปัญหาการพนันให้ได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะพนันออนไลน์ ที่พบว่าในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้เด็กและเยาวชนเข้าถึงการพนันเพิ่มมากขึ้น

และหากพิจารณาข้อดีผ่านมุมมองของ รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ สมาชิกวุฒิสภา นักวิชาการผู้ศึกษากรณีบ่อนกาสิโนถูกกฎหมาย ให้สัมภาษณ์ว่าหากประเทศไทยมีกาสิโนถูกกฎหมาย ข้อดีคือจะมีรายได้เข้าประเทศ รัฐบาลสามารถนำเงินที่ได้ไปทำให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศได้โดยตรงได้ โดยมีข้อแม้ว่าต้องมีมาตรการป้องกัน ซึ่งทั่วโลกหลายประเทศมีกาสิโนถูกกฎหมาย หรืออย่างประเทศเพื่อนบ้านของไทยเองทั้ง เมียนมา ลาว กัมพูชา มาเลเซีย และสิงคโปร์ ต่างเปิดรับผลประโยชน์จากกาสิโนถูกกฎหมายทั้งสิ้น

อย่างที่เห็นว่าคนไทยยนิยมไปเล่นกาสิโนที่ถูกกฎหมายในประเทศเพื่อนบ้าน ดังนั้น หากบ่อนกาสิโนถูกกฎหมายในประเทศจะสามารถรักษาเงินตราในส่วนนี้ไว้ได้ ประเด็นกาสิโนถูกกฎหมายจะมีศึกษาข้อดีและข้อเสียของการเปิดกาสิโนจากประเทศต่างๆ ที่เปิดมาแล้ว เพื่อจะนำมาปรับใช้ในประเทศไทย เรียกได้ว่าเปิดทีหลัง เกิดทีหลังได้เปรียบ เพราะเห็นคนอื่นทำมาแล้ว

ยกตัวอย่างบ่อนกาสิโนถูกกฎหมายที่ประเทศสิงคโปร์ มีการดำเนินการทางการเงินที่ชัดเจนมาก ไม่ได้มุ่งเน้นที่กาสิโนเป็นหลัก แต่ทำเป็นอุตสาหกรรมไมซ์มอบประสบการณ์พิเศษ กาสิโนถูกกฎหมายที่สิงคโปร์ไม่เหมือนที่ไหนในโลก ขณะที่ทุกประเทศต้องการนักพนันเข้าไปเล่นในบ่อน สิงคโปร์ไม่ได้ต้องการนักพนัน แต่สิ่งที่ต้องการคือการทำธุรกิจการประชุมนานาชาติ การแสดงสินค้านานาชาติ กาสิโนมีเพียง 3 – 5 % จาก 100 % เท่านั้น

แม้การพนันเป็นเรื่องที่ขัดกับหลักคำสอนของทุกศาสนา ไม่ว่าจะเป็นศาสนาพุทธ ศาสนาคริสต์ และอิสลาม ดังนั้นประเด็นนี้อาจมีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นในสังคมเพราะเกรงว่าอาจจะเกิดปัญหาสังคมและปัญหาในครอบครัว ซึ่งสิงคโปร์มีข้อกฎหมายที่ครอบคลุมไปถึงครอบครัวะผู้ที่จะมาเล่นพนัน เปิดช่องให้คนในครอบครัวมาร้องเรียนต่อคณะกรรมการควบคุมการพนันของรัฐบาลได้ ขึ้นบัญชีดำ (แบล็กลิสต์) ไม่ให้ได้กลับเข้าไปเล่นพนันอีก รวมทั้ง กำหนดผู้ที่จะเข้าไปเล่นพนันในบ่อนกาสิโนได้ต้องมีอายุ 21 ปีขึ้นไปเท่านั้น ขณะที่ประเทศอื่นกำหนดไว้ที่อายุ 18 ปีขึ้นไป ตลอดจนมีการตรวจสอบบัญชีการเงินจากบัตรประชาชน หรือพาสปอร์ตด้วย หากพบว่ามีรายได้น้อยกว่า 2 - 3 ล้านบาท เป็นต้น

ประเด็นการเปิดกาสิโนถูกกฎหมายในประเทศไทยเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ถูกค้านหัวชนฝาจากขั้วตรงข้ามมาหลายยุคหลายสมัย แต่ปัจจุบันด้วยบริบทที่เปลี่ยนไป บทสรุปของการผลักดันกาสิโนถูกกฎหมายจะแตกต่างไปหรือไม่

 สังคมไทยต้องถกเถียงให้ตกผลึกว่า ถึงเวลาของกาสิโนถูกกฎหมายในเมืองไทยแล้วหรือยัง?