ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - น่าจับตาอย่างยิ่งกับประเด็นร้อนแรง การยื่นหนังสือแก้ มาตรา 287 ว่าด้วยเรื่องสื่อลามกอนาจาร เปิดทาง “ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเซ็กซ์” นำโดยดาวเด่น “ไข่เน่า” เซ็กซ์ครีเอเตอร์ Onlyfans, “กลุ่ม เจริญ PORN”** และ “ไฮโซลูกนัท” ออกมาเป็นกระบอกเสียงให้สังคมกลับมาทบทวนเรื่องอุตสาหกรรมเซ็กซ์ ซึ่งถูกตีตราว่าขัดต่อศีลธรรมอันดีของสังคมไทย
ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไปปฎิเสธไม่ได้ว่า เซ็กซ์ครีเอเตอร์ (sex creator) กลายมาเป็นช่องทางหารายได้ที่ได้รับความสนใจจากคนทั่วโลกรวมทถึงคนไทยจำนวนหนึ่ง แม้เป็นการใช้สิทธิในเรือนร่างแต่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและบริบทของสังคมไทยก็ตาม
และต้องยอมรับว่า กรณีของ “ไข่เน่า” เซ็กซ์ครีเอเตอร์ดาวเด่น Onlyfans หนึ่งในสาวไทยผู้โกยเงินล้าน กับการผลิตคอนเทนวาบวิวสุดเอ็กซ์คลูซีพขายเฉพาะสมาชิกที่จ่ายเงินค่าสมัครเท่านั้น ได้สร้างความฮือฮาหลังจากเธอและแฟนหนุ่มออกมาเปิดเผยเรื่องรายได้ผ่านช่องสื่อออนไลน์ กระทั่งนำไปสู่การจับกุมเมื่อช่วงกลางเดือน ก.ย. 2564 ในฐานความผิด ร่วมกันทำ ผลิต มีไว้ หรือนำเข้า หรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักร หรือทำให้แพร่หลายโดยประการใดๆ อันลามก เพื่อความประสงค์แห่งการค้า เพื่อแจกจ่าย หรือเพื่อการแสดงแก่ประชาชน มีโทษจำคุก 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เพราะกระทำในลักษณะกลุ่มปิด
โดยครั้งนั้น พล.ต.ท. กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) ให้สัมภาษณ์ถึงปฏิบัติการจับกุมคู่รักเซ็กซ์ครีเอเตอร์ ความว่า “เพื่อจรรโลงความถูกต้องในศีลธรรมอันดีของประเทศไทย” ประกาศดังๆ ว่า “เชือดไก่ให้ลิงดู”
และกรณีที่เกิดขึ้นทำให้เกิดคำถามในสังไทยขึ้นว่า ถึงเวลาเปิดกว้างให้อุตสาหกรรมเซ็กซ์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยแล้วหรือยัง!?
นำสู่การเข้ายื่นหนังสือต่อ “นายชวน หลีกภัย” ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผ่าน “นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์” ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อนำเสนอร่าง พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ฉบับที่ (พศ...) แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 287 ว่าด้วยเรื่องสื่อลามกอนาจาร เพื่อเปิดกว้างให้มีเสรีภาพในการแสดงออก สามารถผลิตหนังโป๊ได้อย่างเสรี เมื่อวันที่ 16 พ.ย. 2564 นำโดยกลุ่มเจริญ Porn นำโดย “นายอรรถพล ไข่ทอง” หรือ “เบลขอบสนาม” พร้อมด้วย “นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย” หรือ “ไฮโซลูกนัท” และ ไข่เน่า ดาวเด่น Onlyfans” พร้อมคณะ
โดยมีเป้าหมายต้องการแก้ไขกฎหมายมาตรา 287 ว่าด้วยเรื่องสื่อลามกอนาจาร ต้องการให้สังคมแยกออกจากคำว่าศิลปวัฒนธรรมอันดีงามและลามกอนาจาร เนื่องจากปัจจุบันควรแยกสื่อบันเทิง กับสื่อทางเพศออกจากเยาวชนอย่างชัดเจน ไม่ใช่กดทับด้วยกฎหมายแล้วเอาศิลปวัฒนธรรมอันดีไปปะหน้าเพียงอย่างเดียว ด้วยเหตุนี้จึงเข้ายื่นรายชื่อ 20 รายชื่อ เพื่อแสดงเจตจำนเพื่อแก้ไขกฎหมายดังกล่าว
สาระสำคัญของการออกมากเรียกร้องครั้งนี้ว่าด้วยเรื่องสิทธิเสรีภาพ เสรีภาพกับการใช้ชีวิต เป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนคนไทยได้เข้าถึงนวัตกรรมใหม่ๆ โดยเฉพาะสื่อออนไลน์ที่อนุญาตให้เข้ามาผลิตวิดีโอและรูปภาพเชิงศิลปะ ซึ่งเป็นภาพยนตร์แบบผู้ใหญ่ ที่มีตลาดสามารถหารายได้ในการครองชีพได้ แต่ด้วยกฎหมายที่ล้าหลัง ทำให้ผู้ประกอบการถูกปิดกั้นการประกอบอาชีพ อีกทั้งยังถูกด้อยค่าความเป็นมนุษย์ด้วยบริบทของสังคมที่ผูกติดกับคำว่าลามกอนาจาร กับศีลธรรมอันดีที่ไม่เป็นบรรทัดฐานและไม่เคยตรงกัน
ดังนั้น ถึงเวลาแล้วที่สังคมต้องเลิกเอาบรรทัดฐานของคำว่าคนดีของกลุ่มหนึ่งมาบังคับใช้คนที่เหลือ ควรเปิดกว้างให้มีเสรีภาพอนุญาตให้คิดและทำเองได้โดยไม่เบียดเบียนผู้อื่น
“พวกเราเห็นตรงกันว่าหนังผู้ใหญ่ หรือเรียกกันง่ายๆ ว่า หนังโป๊ ไม่ได้ทำร้ายใคร ตราบใดที่มีการควบคุมผู้ผลิต เช่น หนังโป๊เด็ก หนังโป๊ที่มีเนื้อหารุนแรง ก็ควรผิดกฎหมาย แต่หนังโป๊ที่มีเนื้อหาสวยงาม สนุกสนาน เป็นเรื่องบันเทิง ควรจะได้รับการเปิดกว้างให้มีเสรีภาพในการแสดงออกได้ และไม่ควรมีใครด้อยค่าความเป็นมนุษย์ในการแสดงออกสิ่งๆ นั้น” นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือ ไฮโซลูกนัท อดีตผู้สมัคร ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตสมาชิกกลุ่ม New Dem กล่าว
อ้างอิงงานวิจัยเรื่อง “หนังโป๊ : สื่อไร้สาระที่มีสาระ” ดร.ปิยะพงษ์ อิงไธสง อาจารย์คณะการสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระบุถึงการศึกษาทางด้านหนังโป๊ในแวดวงวิชาการตะวันตก ชี้ให้เห็นในแง่ของการชี้ให้เห็นประโยชน์ของหนังโป๊ เช่น การทำหน้าที่เป็นพื้นที่จำลองเพื่อสร้างความสุขทางเพศ การเป็นตัวอย่างในการสร้างสุขภาวะที่ดีเรื่องเพศ หรือการแสดงออกถึงการทำหน้าที่สร้างความพอใจทางเพศให้กับผู้หญิง ที่ลบมายาคติเกี่ยวกับหนังโป๊ว่า เป็นพื้นที่ของผู้ชายเพียงเท่านั้น ทำหน้าที่สร้างความเท่าเทียมให้เกิดขึ้นในลักษณะการเข้าถึง และการหาความสุขทางเพศ
หนังโป๊ทำหน้าที่ลดอาชญากรรมทางเพศในสังคม เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้ผู้ชมเกิดจินตนาการ และใช้ประโยชน์จากการรับชม ซึ่งส่งผลไปยังการตอบสนองความต้องการทางเพศ เมื่อได้รับการตอบสนองก็อาจจะทำให้อาชญากรรมทางเพศลดลง ซึ่งอาจมีการศึกษาในบริบทสังคมไทย เปิดมิติองหนังโป๊ที่มีหลากหลาย ไม่ใช่แค่การใช้เป็นพื้นที่เพื่อตอบสนองความสุขทางกามารมณ์
ในประเด็นนี้ นักวิชาการด้านสตรีศึกษาเพศวิถีศึกษา อย่าง รศ.ดร.สุชาดา ทวีสิทธิ์ จากสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ให้สัมภาษณ์ความว่าประเทศไทยมีการถกเถียงเรื่องสื่อโป๊มานาน โดยมีความคิดแตกเป็น “กลุ่มอนุรักษ์นิยม” มองว่าเรื่องเซ็กซ์ไม่เหมาะสมไม่ควรนำมาเผยแพร่ในที่สาธารณะ ยึดถือศีลธรรมเป็นสำคัญ และ “กลุ่มเสรีนิยม” มองว่ารัฐไม่ควรไปควบคุมในเรื่องนี้ โดยพวกเขามีแนวคิดต่อสู้ประชาธิปไตย ต่อสู้เรื่องสิทธิในร่างกายทั้งด้านเพศและเซ็กซ์
“เป็นปัญหาที่คนรุ่นใหม่ตั้งคำถามเพิ่มมากขึ้น กับวิธีคิดเรื่องเพศของคนส่วนใหญ่ ต้องตอบให้ได้ถ้าเซ็กซ์ครีเอเตอร์ ผิดกฎหมาย หากกระบวนการผลิตไม่ได้ทำร้าย หรือทำความรุนแรงกับใคร เป็นเรื่องที่ยินยอมพร้อมใจอย่างแท้จริง ไม่ได้ถูกบังคับ ต้องดูว่าทำด้วยความชอบส่วนตัว หากกระบวนการเผยแพร่ให้คนเข้ามาชมเพื่อได้เงินมา และไม่ใช่เด็กที่ไม่มีวุฒิภาวะตามกฎหมาย ไม่ได้สร้างความเสียหายต่อสาธารณะอย่างใหญ่หลวง หรือทำให้ใครตายหรือบาดเจ็บ คิดว่ากฎหมายไม่ควรมายุ่งเกี่ยว ควรแยกแยะให้ชัด อย่าเหมาเข่ง” รศ.ดร.สุชาดา ทวีสิทธิ์ นักวิชาการด้านสตรีศึกษาเพศวิถีศึกษา ระบุ
มองว่าทางออกของสังคมไทย ต้องมีการรื้อหลักสูตรเพศศึกษาปรับมุมมองเรื่องเพศในทางบวกไม่ใช่ตีตราว่าสกปรก ใช้กระบวนการศึกษาให้เกิดการเรียนรู้ไม่ปิดกั้นเด็ก ปัจจัยส่วนหนึ่งของการเลือกอาชีพเซ็กซ์ครีเอเตอร์มาจากแรงจูงใจทางเศรษฐกิจ มีความเหลื่อมล้ำไม่เท่าเทียมกัน ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐที่ต้องลดความเหลื่อมล้ำเพื่อสร้างกลไกควบคุม อีกส่วนหนึ่งคือผู้ที่ชื่นชอบเลือกเดินในอาชีพเซ็กซ์ครีเอเตอร์ด้วยตัวเอง ซึ่งถึงเวลาแล้วที่รัฐต้องกลับมาทบทวนเปิดกว้างในเรื่องนี้
สำหรับในฝั่งของผู้สนับสนุนอย่าง นายสิระ เจนจาคะ ส.ส. กทม. พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมายฯ ได้ออกมารับลูก “น้องไข่เน่า” โดยขออาสาแก้กฎหมายเรื่องนี้ โดยไม่ต้องไปตั้งกรรมมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาขึ้นใหม่ให้เปลืองงบประมาณ เพราะขณะนี้กำลังทำเรื่อง “เซ็กซ์ทอย” อยู่แล้ว
นาย สิระบอกว่าประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 287 เป็นเรื่องของ ออนไลน์ การโฆษณาทางสื่อ เรื่องนี้จะต้องเชิญกระทรวงวัฒนธรรม ดีอีเอส และกฤษฎีกามาพิจารณาร่วมกัน เพราะเชื่อว่าขณะนี้สังคมรับได้แล้ว พร้อมเปรียบว่าอาวุธปืนที่อันตรายแต่ก็สามารถทำให้ถูกกฎหมายได้ เรื่องนี้ก็เช่นเดียวกัน โดยแสดงความเห็นใจนักแสดง ที่บางคนจำเป็นต้องทำแบบนี้ในช่วงโควิด-19
นายสิระ ทิ้งท้ายว่าที่ออกมาร่วมผลักดันสนับสนุนเรื่องนี้ ขออย่าเข้าใจผิดและไปเปลี่ยนนามสกุลตัวเองเป็น “เจนราคะ” ที่ผ่านมาไปงานใหญ่ใหญ่พิธีกรก็มักจะเรียกผิดอยู่บ่อยครั้ง พร้อมกันนี้ นายสิระยังสาธิตการเสิร์ชหนังโป๊ให้ดูว่าง่ายดายแค่ไหนอีกด้วย
หรืออย่าง “แทค-ภรัณยู โรจนวุฒิธรรม” นักแสดงหนุ่มลุคแบดบอย ที่ได้ใช้พื้นที่ทั้งเฟซบุ๊ก Tack Pharunyoo แชร์ความคิดเห็นของตนเองเกี่ยวกับประเด็นร้อนดังกล่าวโดยเจ้าตัวได้ประกาศความตั้งใจไว้อย่างชัดเจนว่า ถ้าหากหนังโป๊ถูกกฎหมาย ตนก็จะเปิดค่ายหนังแน่นอน แถมยังตั้งชื่อแซ่บๆ รอแล้วด้วย
“หนังโป๊ ถูกกฎหมาย กูเปิด ค่ายหนังเลย ( แตกโปรดักชั่น ) วอมข้อมือไว้เลย... (โลกสวยไปไกลๆ)”
ในอีกมุมมองหนึ่ง น.ส.สุเพ็ญศรี พึ่งโคกสูง ผู้อำนวยการมูลนิธิส่งเสริมความเสมอภาคทางสังคม ออกมาแสดงความเป็นห่วงคือเรื่องการควบคุมดูแล เพราะการผลิตสื่อลามกแบบเสรี ไม่ได้เป็นการรับรองว่า อัตราการข่มขืนในไทยจะลดลง เนื่องจากการเสพสื่อลามกก็เป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นให้เกิดอารมณ์ทางเพศ ซึ่งอาจนำไปสู่การขืนใจผู้อื่นได้
ส่วนของการพิจารณาของสภา จะต้องมีการตั้งคณะกรรมมาธิการวิสามัญศึกษาอย่างจริงจัง ซึ่งต้องมองผลกระทบให้รอบด้าน โดยเฉพาะเรื่องดังกล่าว มีผลต่อสวัสดิภาพของเด็ก ผู้หญิง และสังคมในวงกว้าง ดังนั้นต้องมีการทบทวน โดยเน้นหลักความเหมาะสม และให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัย.
อย่างไรก็ตาม นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ได้สะท้อนจุดยืนฝั่งอนุรักษ์นิยม แสดงความไม่เห็นด้วยกับข้อเรียกร้องแก้ไขกฎหมายมาตรา 287 ว่า ด้วยเรื่องสื่อลามกอนาจารเพื่อให้สามารถผลิตหนังโป๊ได้อย่างเสรี มองว่าการเรียกร้องของกลุ่มดังกล่าว ถือเป็นการนำเสนอแนวคิดให้มีการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการเปิดเสรีภาพสื่อทางเพศ และก็เป็นสิทธิที่ทำได้ และอาจจะมีกรณีตัวอย่างจากในต่างประเทศที่สามารถทำได้อย่างเสรี
แต่ในมุมของกระทรวงวัฒนธรรม ประกาศจุดยื่นชัดๆ ว่าต้องการให้มีการสงวนการรักษาวัฒนธรรมอันดีเอาไว้มากกว่าสิทธิเสรีภาพ เพราะปัจจุบันมีเพียงการจัดเรตติ้งที่ใช้เป็นตัวกำกับดูแล ดังนั้น สื่อที่ออกผ่านรูปแบบต่างๆ จึงไม่สามารถควบคุมได้อยู่แล้ว ทำให้ผู้ผลิตเนื้อหาสามารถผลิตอะไรที่มีทั้งเหมาะสมและไม่เหมาะสมได้ ส่วนที่บอกว่าทำให้ดูเฉพาะกลุ่มผู้ใหญ่ ยิ่งห้ามไม่ได้เนื่องจากยุคสมัยต่างกัน ในอดีตมีข้อจำกัดเรื่องการสื่อสารอินเทอร์เน็ตเข้าถึงยาก แต่ปัจจุบันระบบการสื่อสารพัฒนาไปไกลและอยู่ในโทรศัพท์สมาร์ทโฟนแล้ว จึงทำให้เกิดความเสี่ยงที่เด็กและเยาวชนที่ยังไม่มีวุฒิภาวะจะเข้าถึงได้ง่าย
ดังนั้น ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่ประเทศไทยจะเปิดกว้างและให้เสรีภาพกับเรื่องนี้ ถือว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนกับสังคมไทยอย่างมาก หรือหากมีการรับเรื่องไว้พิจารณาก็ต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร เนื่องจากจะต้องผ่านความเห็นชอบจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะการเปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
เช่นเดียวกับ นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ หรือ ครูหยุย ในฐานะประธานกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรีฯ วุฒิสภา ระบุว่า แม้เรื่องนี้จะพยายามบอกว่าเป็นสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล แต่ต้องดูบริบทสังคมและผลกระทบที่ตามมาด้วย
จาการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหนังโป๊ในประเทศที่เป็นเรื่อง “ผิดกฎหมาย” แบบไทย คือประเทศจีน พบว่า มีความน่าสนใจในหลากหลายประเด็นด้วยกัน
ทั้งนี้ หากผู้ผลิตรายใดที่สร้างงานที่เข้าข่ายเป็น "สื่อลามกอนาจาร" ออกมาก็จะถูกยึดใบอนุญาตทันที ทำให้บริษัทผลิตหนังโป๊ของจีนมีลักษณะเป็นการทำงานแบบผิดกฎหมาย และต้องขายงานแบบลับ ๆ ล่อ ๆ ในตลาดมืด เพราะการครอบครองหนังโป๊จะมีความผิดสูงถึงจำคุก 3 ปี และปรับเงินสูงถึง 20,000 หยวน ส่วนผู้ผลิตก็เสี่ยงที่จะถูกจำคุกตลอดชีวิตกันเลยทีเดียว
แม้จะผิดกฎหมาย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าจีนแผ่นดินใหญ่กลายเป็นตลาดหนังโป๊อันดับ 1 ของโลกไปแล้ว เว็บไซต์อย่าง Caoliu และ Erotica Juneday มีสมาชิกที่ยอมจ่ายเงินเพื่อดูเนื้อหาถึงครึ่งล้านคน และมีคนตัวเลขคนเข้าไปชมเว็บไซต์มากถึง 9% ของจำนวนคนใช้เน็ตทั้งจีนแผ่นดินใหญ่
นอกจากนั้นในการสำรวจความนิยมหนุ่มชาวจีนอายุตั้งแต่ 18 - 29 ปี ก็ยอมรับตรง ๆ ว่าพวกเขาชอบดูหนังโป๊ในอินเตอร์เน็ต
แน่นอนว่าเว็บไซต์พวกนี้ใช้เซิฟเวอร์ที่ตั้งอยู่นอกประเทศจีน และใช้วิธีเปลี่ยนโดเมนเนม กับ IP เอดเดรสไปเรื่อย ๆ เพื่อหนีการตามล่าของหน่วยงานจีนแผ่นดินใหญ่
โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมารัฐบาลจีนได้ใช้เทคโนโลยี AV ในการตรวจสอบภาพ และคลิปที่ไม่เหมาะสมบริษัทออนไลน์อย่าง Alibaba หรือ Tuputech ได้พัฒนาอัลกอริทึมในการตรวจสอบเนื้อหาแนวนี้โดยเฉพาะ และสามารถตรวจเจอ “เนื้อหาที่ไม่เหมาะสม” ในอินเตอร์เน็ตจีนถึง 53 ล้านชิ้น ส่วนในปี 2019 รัฐบาลจีนก็แบนเว็บไซต์ไปถึง 43,000 เว็บไซต์ในตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา
แต่ด้วยเม็ดเงินมหาศาลที่รอคอยอยู่ก็ทำให้มีชาวจีนบางคนยังคงสร้างเนื้อหาแนววาบหวิวอออกมาเรื่อย ๆ
สำหรับประเทศไทย หากได้เปิดดูการเผยแพร่สถิติการเข้าชมของเว็บไซต์ pornhub ในปี 2562 แล้ว ก็พบว่ามีสถิติที่ไม่ธรรมดาก่อนที่นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ในขณะนั้น ได้มีคำสั่งระงับการเข้าใช้งานเนื่องจากเข้าข่ายผิดกฎหมาย และถูกร้องเรียนฐานเป็นแหล่งเผยแพร่คลิปวิดีโอลามกอนาจาร ในเดือนพฤศจิกายนปี 2563
กล่าวคือ จากสถิติของ Pornhub Insights ซึ่งเป็นแผนกเก็บข้อมูลเชิงลึกของ Pornhub พบว่า ในปี 2562 มีผู้เข้าชม Pornhub ทั่วโลกกว่า 4.2 หมื่นล้านครั้ง หรือเฉลี่ย 115 ล้านครั้งต่อวัน และมีผู้ค้นหาคำว่า Pornhub ในโลกอินเทอร์เน็ตกว่า 3.9 หมื่นล้านครั้ง
สำหรับประเทศที่มีอัตราการเข้าชม Pornhub สูงสุดต่อวันในปีที่แล้วคือ สหรัฐ ขณะที่ “ไทย” อยู่ในอันดับที่ 17 ขึ้นมา 6 อันดับจากปี 2561
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้อัตราการเข้าชมของคนไทยจะอยู่อันดับ 17 ของโลก แต่ค่าเฉลี่ยการใช้เวลาอยู่บนเว็บไซต์ Pornhub ของประเทศไทยนั้นไม่แพ้ชาติใดในโลก ครองอันดับ 1 อยู่ที่ 11.21 นาที ถือว่าใช้เวลาชมคลิปนานกว่าค่าเฉลี่ยของผู้ใช้งานทั่วโลกซึ่งอยู่ที่ 10.28 นาที ส่วนประเทศที่ใช้เวลานานรองลงมา ได้แก่ ฟิลิปปินส์ (11.09 นาที) เนเธอร์แลนด์ (10.38 นาที) สหรัฐ (10.36 นาที) และแคนาดา (10.23 นาที) ตามลำดับ
ขณะเดียวกัน สถิติชี้ว่า ผู้ใช้งาน Pornhub ในไทยส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย 65% และเป็นผู้หญิง 35% โดยกลุ่มผู้หญิงเพิ่มขึ้น 2% จากปี 2561 อย่างไรก็ดี ข้อมูลนี้ไม่ได้จำแนกกลุ่มผู้ชมที่เป็น LGBTQ
ส่วนวัยของผู้ชมในไทยที่นิยมท่องเว็บ Pornhub เฉลี่ยอยู่ที่ 34 ปี โดยกลุ่มใหญ่ที่สุดคือ ช่วงอายุ 25-34 ปี (45%) รองลงมาคือ อายุ 18-24 ปี (20%) อายุ 35-44 ปี (18%) อายุ 45-54 ปี (8%) อายุ 55-64 ปี (6%) และมากกว่า 65 ปีขึ้นไป (3%)
ขณะที่สถิติอุปกรณ์ที่ใช้ในการเข้าถึง Pornhub จากไทย พบว่า ชาวไทยเข้าถึงเว็บนี้ผ่านมือถือ 81% เข้าถึงผ่านคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊ค 14% และเข้าถึงจากแทบเล็ต 5% ส่วนคลิปวิดีโอหมวด “Japanese” หรือคลิปญี่ปุ่น ได้รับความสนใจมากที่สุดในไทย และประเทศอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงเอเชียตะวันออก
ดังนั้น คงต้องติดตามกันต่อไปว่า สุดท้ายปลายทางของเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร แต่ฟันธงได้เลยว่า ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆ อย่างแน่นอน.