xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

แท็กซี่แห่งชีวิต

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



คอลัมน์ : ในความเป็นไป
วรศักดิ์ มหัทธโนบล

 ด้วยความที่เป็นคนขับรถไม่เป็นเหมือนชาวบ้านเขา ผมจึงต้องอาศัยรถหรือเรือสาธารณะบ่อยกว่าคนที่ขับรถเป็น และหนึ่งในนั้นคือ รถแท็กซี่  


ผมใช้บริการรถแท็กซี่มายาวนานสามสี่สิบปี ยิ่งหลังจากวัยย่างเข้าเลขห้าด้วยแล้วก็ยิ่งใช้บ่อยยิ่งขึ้น ใช้จนเห็นพัฒนาการและพฤติกรรมแบบต่างๆ ของคนขับแท็กซี่พอที่จะแยกแยะแจกแจง และเชื่อว่าหลายคนคงมีประสบการณ์เช่นเดียวกับผม ผมก็เลยลองนำมาเรียบเรียงดูว่าเป็นอย่างไรบ้าง

ผมเริ่มสัมผัสกับแท็กซี่เป็นครั้งแรกก็ตอนที่เดินทางเข้ามาเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ เมื่อกว่าสี่สิบปีก่อน ด้วยความที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวตามประสาคนต่างจังหวัด พอออกจากสถานีรถไฟก็เจอคนขับแท็กซี่รี่เข้ามาหาพร้อมเชิญชวนให้ขึ้นรถของเขา ผมซึ่งตั้งใจขึ้นอยู่แล้วก็เดินตามเขาไปแบบไม่ลังเล

แต่พอเข้าไปนั่งในรถแล้ว คนขับก็บอกว่าให้รอสักครู่แล้วเดินหายไปที่สถานีรถไฟ จากนั้นไม่กี่นาทีก็มีชายหญิงสองสามคนเดินตามคนขับออกมา แล้วคนขับก็เปิดประตูรถให้ชายหญิงกลุ่มนั้นเข้ามานั่ง ผมงงอยู่พักหนึ่งจึงเข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมด โดยเมื่อดูจากสีหน้าของชายหญิงกลุ่มนั้นแล้ว ทั้งเขาและเธอก็มีอาการเดียวกับผม

คืองงว่าทำไมในรถจึงมีผมนั่งอยู่ ทั้งที่ควรจะเป็นกลุ่มของตนกลุ่มเดียว

แท้จริงแล้วคนขับแท็กซี่คนนั้นเอาเปรียบผู้โดยสาร ด้วยการหาผู้โดยสารให้เต็มคันรถแล้วเรียกเก็บค่าโดยสารตามที่ตกลงกับผู้โดยสารแต่ละคน ซึ่งในสมัยนั้นเขาคิดค่ารถตามระยะทางใกล้ไกล วิธีนี้ทำให้คนขับได้ค่าโดยสารหลายต่อ โดยคนขับจะไปส่งคนที่อยู่ใกล้ที่สุดก่อน แล้วค่อยทยอยส่งคนอื่นตามระยะทางที่ว่าตามลำดับ

เรียกได้ว่า รับผู้โดยสารครั้งเดียวคุ้มไปเหมือนรับจากจุดต่างๆ สี่ห้าครั้ง

หลังจากวันนั้นแล้ว ผมก็ระวังมากขึ้น โดยออกมาเรียกแท็กซี่เอาเอง จนเวลาล่วงเลยมาอีกเกือบยี่สิบปี ในที่สุดแท็กซี่บ้านเราก็กลายเป็นแท็กซี่ที่ติดมิเตอร์เป็นเครื่องมือในการคิดค่าโดยสาร ซึ่งผมรู้สึกว่ายุติธรรมดี แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผมคิดว่าผมโดนแท็กซี่โกง

เรื่องของเรื่องคือ ปกติผมนั่งแท็กซี่จากจุฬาฯ ไปสยามสแควร์นั้น ค่าแท็กซี่จะอยู่ที่ 35 บาทซึ่งเป็นราคาเริ่มต้นที่คิดจากฐานสองกิโลเมตรแรก (อัตราเมื่อกว่ายี่สิบปีก่อน) แต่มีอยู่วันหนึ่งตัวเลขมิเตอร์ขึ้นเร็วมากไปถึงกว่าห้าสิบบาท ผมรู้สึกไม่ชอบมาพากล แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรก็เลยต้องจ่ายไปตามนั้น

ไม่นานหลังจากนั้นจึงมีข่าวตำรวจจับแท็กซี่หลายคันที่โกงค่าโดยสาร โดยคนพวกนี้จะนำมิเตอร์ไปปรับให้ตัวเลขวิ่งเร็วขึ้นจากมาตรฐาน ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย พอมีข่าวเช่นนี้ออกมาไม่นาน เรื่องการโกงค่ามิเตอร์ก็หายไป

แต่เมื่อไม่กี่ปีก่อนผมเคยเจอแท็กซี่คันหนึ่งที่มีปัญหานี้ แต่คนขับเขาบริสุทธิ์ใจ โดยเขาบอกผมหลังจากเข้ามานั่งในรถแล้วว่า มิเตอร์ของเขามีปัญหา และขอให้ผมจ่ายตามราคาที่ผมเคยจ่าย แต่ตัวเขาขอเปิดมิเตอร์เพื่อดูอาการว่าตัวเลขมันวิ่งยังไง จะได้บอกช่างซ่อมได้ถูก

ที่ผมเล่ามานั้นจะเรียกว่าพัฒนาการของแท็กซี่เมืองไทยก็พอได้อยู่ แต่พัฒนาการนี้ก็มักเดินคู่กับพฤติกรรมของคนขับด้วย ซึ่งมีความหลากหลาย ซับซ้อน และมีสีสันมาก ในที่นี้ผมจะขอรวบรวมโดยไม่จัดลำดับความสำคัญ แต่จะขอเริ่มจากเรื่องแย่ๆ ก่อนแล้วจึงไปเรื่องดีๆ ส่วนใครที่เคยเจอแบบผมหรือต่างจากผมนั้น ก็ขอให้คิดเสียว่าเรามาแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน

 เรื่องแรกที่ผมจดจำไปจนวันตายก็คือ คนขับแท็กซี่เมายา เหตุการณ์นี้เกิดกับผมเมื่อสามสิบปีก่อน ตอนที่ผมเรียกรถคันนี้เป็นเวลาที่ดึกมากแล้ว พอขึ้นไปนั่งสักครู่ คนขับก็พูดขึ้นว่า ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคนเราต้องกินยาบ้าด้วย ผมตอบรับทราบเขาไปคำเดียวว่า ครับ 

หลังจากนั้นตลอดเส้นทางจากซอยราชครูบนถนนพหลโยธิน ไปจนถึงถนนรามอินทราก่อนจะถึงสี่แยกมีนบุรี ซึ่งยาวมากกว่าสามสิบกิโลเมตรนั้น เขาขับสะเปะสะปะจนเกือบชนกับรถคันอื่นหรือสิ่งปลูกสร้างกลางถนนหรือริมถนนหลายครั้ง จนผมต้องเตือนสติเขาอยู่เป็นระยะๆ กระทั่งถึงบ้านด้วยความใจหายใจคว่ำ

ตอนนั้นแท็กซี่หายากมากในช่วงดึกๆ ผมจึงไม่ลงไปเรียกรถคันใหม่ อีกอย่างอาการของคนขับก็เป็นแบบผีเข้าผีออก คือได้สติสลับกับเสียสติ แต่ปากก็พร่ำแต่พูดว่า ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคนเราจึงต้องกินยาบ้าด้วย จากนั้นผมไม่เคยเจอแท็กซี่แบบนี้อีกเลย

 เรื่องต่อมาเป็นแท็กซี่มนุษย์ลุง แกอยู่ในวัยที่เป็นลุงจริงๆ อายุน่าจะหกเจ็ดสิบเห็นจะได้ พอผมขึ้นนั่งก็บอกลุงแกว่า ขับไปเรื่อยๆ ไม่ต้องขับเร็ว แต่เชื่อไหมว่า ตั้งแต่ที่ผมขึ้นจนถึงลงจากรถ ลุงแกขับได้เลวมากอย่างที่ผมไม่เคยเจอมาก่อน ตลอดเส้นทางแกขับปาดรถคันนั้นทีคันนี้ที จนบางครั้งต้องเบรกกะทันหัน 

ผมโกรธมากแล้วถามแกไปว่า ทำไมต้องขับอย่างนี้ แกตอบเหมือนโกรธใครมาก็ไม่ทราบ ว่าไม่เข้าใจว่าทำไมบางคนให้ขับเร็ว บางคนให้ขับช้า ผมก็เถียงไปว่า ของลุงไม่ใช่เร็วหรือช้า แต่ขับแบบไม่มีมารยาท ในที่สุดผมก็ให้แกจอดก่อนจะถึงบ้านไม่ไกลนัก แล้วจ่ายค่ารถไปโดยไม่ให้ทิปพร้อมกับอวยพรให้แกโชคดี ตอนนี้ไม่รู้ว่าลุงแกเป็นตายร้ายดีอย่างไร

 เรื่องที่สามถ้าตั้งชื่อเรื่องได้ผมก็อยากตั้งว่า แท็กซี่เกลียดคนไทย 

 ที่เรียกเช่นนี้ก็เพราะแท็กซี่กลุ่มนี้จ้องจะรับแต่คนต่างชาติ เมื่อรับแล้วจะไม่กดมิเตอร์ แต่จะใช้วิธีเหมาจ่ายซึ่งสร้างกำไรให้มากกว่ากดมิเตอร์ ครั้งหนึ่งผมเคยเรียกแท็กซี่ประเภทนี้โดยไม่รู้ว่าเขารังเกียจคนไทย พอผมโบกให้จอดเขาก็จอด ด้วยคงเข้าใจว่าผมเป็นคนจีนหรือญี่ปุ่น 

แต่พอผมโผล่เข้าไปบอกจุดหมายปลายทาง คนขับก็รีบปฏิเสธทันทีด้วยสีหน้าที่ผิดหวังอย่างแรงที่เห็นผมเป็นคนไทย บางคนเคยถึงกับแสดงความไม่พอใจ แท็กซี่พวกนี้จะคอยหาผู้โดยสารต่างชาติในย่านที่มีคนต่างชาติพลุกพล่าน ทุกวันนี้แม้จะหน่วยงานที่รับผิดชอบจะเข้ามาจัดการแท็กซี่พวกนี้แล้วก็ตาม แต่ก็ยังพอมีหลงเหลือให้เห็นอยู่บ้าง

 พูดถึงพวกที่สามแล้วก็ต่อเนื่องกับพวกที่สี่ที่เป็นพวกที่ชอบปฏิเสธผู้โดยสาร เมื่อสี่ห้าปีก่อนถือเป็นปัญหาหนักมากสำหรับผม เพราะบ้านอยู่ไกลถึงมีนบุรีซึ่งห่างจากจุฬาฯ สี่สิบกิโลเมตรเศษๆ เวลานั้นแท็กซี่พวกนี้ไม่ชอบไปไหนไกลๆ กรรมจึงตกมาอยู่กับผู้โดยสารอย่างผม 

แต่เดี๋ยวนี้แท็กซี่พวกนี้ไม่ค่อยมีแล้ว เพราะตั้งแต่มีแท็กซี่อูเบอร์หรือแกร็บเข้ามาให้บริการ ทำให้ผู้โดยสารประเภทเดียวกับผมมีทางออก ไม่ต้องง้อแท็กซี่พวกนี้อีกต่อไป และทำให้แท็กซี่พวกนี้หมดทางทำมาหากินจนไม่อาจปฏิเสธผู้โดยสารได้อีก

และในส่วนที่ผมยังเจอในทุกวันนี้ถือว่าเชื่อใจได้ ว่าเขาปฏิเสธเพราะใกล้หมดเวลาเช่าขับของเขาและต้องไปส่งรถ คนขับกลุ่มนี้จะพูดสุภาพ ไม่ชักสีหน้าเหมือนพวกที่ชอบปฏิเสธผู้โดยสารคนไทยหรือที่เดินทางไปที่ไกลๆ

 แท็กซี่ที่แย่ๆ ประเภทสุดท้ายคือ แท็กซี่หื่น แท็กซี่พวกนี้ผมมักเห็นจากในข่าว แต่ที่เคยเจอกับตัวเองมีอยู่หนเดียวเท่านั้น เปล่า, คนขับไม่ได้แสดงอาการหื่นกับผมหรอกครับ แต่แสดงกับหญิงสาวที่เดินไปมาอยู่ริมทาง 

 จนบางจุดถึงกับพูดออกมาว่า “ถ้าได้เอาด้วยสักคืนจะไม่ลืมบุญคุณ” 

ถ้าผู้โดยสารที่เป็นผู้หญิงเจอเข้าแบบนี้ผมว่าให้รีบลงในที่ที่ปลอดภัย และที่ที่สามารถเรียกรถคันใหม่ได้ง่ายหรือมีผู้คนมากมาย ถึงเขาไม่ทำอะไรเราก็ตาม แต่คำพูดของเขานั้นผมเชื่อว่าผู้หญิงปกติคงรับไม่ได้แน่

แท็กซี่ที่มีพฤติกรรมแย่ๆ ที่เล่ามานี้ หากเราเจอเข้าด้วยความบังเอิญหรือหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ขอให้ตั้งสติให้ได้ จากนั้นจึงค่อยหาทางลงหรือแก้ปัญหา ที่สำคัญ หากไม่มั่นใจจริงๆ ว่าตนเอาอยู่ก็จงอย่าได้ไปต่อล้อต่อเถียงกับเขาเป็นอันขาด เพราะแท็กซี่พวกนี้อาจมีของที่ใช้เป็นอาวุธได้ บางคนก็หัวร้อนชอบใช้กำลัง

ที่เล่ามานี้เป็นพวกที่มีพฤติกรรมแย่ๆ ต่อไปนี้เป็นแท็กซี่ที่ดีๆ บ้าง ซึ่งเล่าได้ง่ายและไม่มากมายเหมือนพวกที่แย่ ทั้งนี้ไม่ใช่เพราะมีน้อย แต่เพราะเป็นแท็กซี่ส่วนใหญ่ที่ตั้งใจทำมาหากินจริงๆ แท็กซี่กลุ่มนี้จึงไม่เคยปฏิเสธผู้โดยสารหากไม่จำเป็นจริงๆ

นอกจากนี้ ยังเป็นแท็กซี่ที่ขับรถด้วยความสุภาพ มีมารยาทของผู้ใช้ถนนที่ดี มีน้ำใจ เวลาที่เห็นผู้โดยสารมีข้าวของมากมายหรือมีน้ำหนักก็จะช่วยถือช่วยยก บางคนเคร่งครัดในค่าโดยสารโดยทอนเงินให้ผู้โดยสารให้ตรงกับค่ามิเตอร์ ถึงแม้ผู้โดยสารจะบอกว่าไม่ต้องทอนก็ตาม

 แต่ที่ผมประทับใจสุดๆ นั้นมีอยู่ครั้งเดียว เป็นครั้งที่เกิดขึ้นเมื่อกว่ายี่สิบปีก่อน ตอนนั้นเป็นเวลาที่ดึกมากแล้วเช่นกัน แต่ที่ต่างจากทุกครั้งก็คือ คืนนั้นผมมีข้าวของมากมายที่ต้องนำกลับบ้านและนำไปใส่ไว้ท้ายรถ พอถึงบ้านขนข้าวของเสร็จเข้าบ้านจึงนึกได้ว่า ผมลืมกระเป๋าที่ถือไว้ในรถ เนื่องจากใจไปจดจ่อกับข้าวของต่างๆ ท้ายรถแล้วทิ้งกระเป๋าถือไว้ในรถจนลืม นึกได้แล้วจึงได้แต่ทำใจ 

 แต่นึกไม่ถึงว่าเวลาผ่านไปสองสามวัน คนขับแท็กซี่คันนั้นได้นำกระเป๋ามาคืนให้ผมถึงบ้าน โดยบอกว่าที่ไม่นำมาคืนทันทีก็เพราะเขามาเห็นทีหลัง จึงรอให้รถของเขาวิ่งผ่านมาแถวบ้านผมก่อนจึงนำมาคืนให้ พร้อมกับให้ผมตรวจสอบว่าของในกระเป๋าอยู่ครบหรือไม่ จนถึงทุกวันนี้ผมยังคิดถึงคนขับแท็กซี่คันนี้อยู่เลย 

จะมีแท็กซี่อยู่ประเภทเดียวที่ผมบอกไม่ได้ว่าดีหรือไม่ดี คือ  แท็กซี่ช่างพูดช่างคุย บางคงชวนคุยเรื่องที่มีสาระก็ดีไป แต่บางคนผูกขาดการพูดอยู่คนเดียวและไร้สาระ แท็กซี่พวกนี้คงเหงาที่วันๆ ไม่ค่อยได้คุยกับใคร พอมีผู้โดยสารขึ้นมาก็เลยคุย

สำหรับผมถ้าเจอแบบนี้ก็อดทนเอาไว้ลูกเดียวครับ




กำลังโหลดความคิดเห็น