ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - เหมือนไปกระตุกต่อมดวงใจพรรคประชาธิปัตย์ หลัง “สันติ พร้อมพัฒน์” รมช.คลัง และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ รับอาสาเป็นหน่วยกล้าตาย กระแทกหมัดใส่โครงการประกันรายได้เกษตรกร นโยบายโบว์แดงของพรรคพระแม่ธรณีบีบมวยผม
แม้ “สันติ” จะไม่ได้พูดตรงๆ แต่รับรู้ได้ว่ากำลังจู่โจมโครงการประกันรายได้เกษตรกรของพรรคประชาธิปัตย์ โดยหมัดแรกแสดงความคิดเห็นว่า การช่วยเหลือเกษตรกรตอนนี้ต้องคำนึงถึงการลดต้นทุนให้เกษตรกร ไม่ใช่การจ่ายเงินประกันราคาให้เกษตรกร
“การจ่ายเงินประกันราคาให้เกษตรกรนั้น จะทำให้เกษตรกรอ่อนแอ ระบบการเกษตรไม่ได้รับการพัฒนา เมื่อช่วยเหลือแบบนี้ เมื่อไรจะจบลงเสียที เพราะฉะนั้นต้องทำให้เกษตรกรมีความเข้มแข็งทั้งด้านต้นทุนการผลิต เทคโนโลยี และการเกษตรรูปแบบนาแปลงใหญ่เพื่อลดต้นทุน ไม่สิ้นเปลืองแรงงาน ตลอดจนพัฒนาพันธุ์ข้าว และวิจัยผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าวเพื่อเพิ่มมูลค่า”
แปลไทยเป็นไทยคือ โครงการประกันรายได้ไม่ตอบโจทย์!!
ดอกที่สองที่สันติพูดยังถูกตีความว่า เป็นการเหน็บแนม คือการดำเนินโครงการประกันรายได้เพื่อช่วยเหลือชาวนาในช่วงราคาข้าวตกต่ำ ถือเป็นผลงานของรัฐบาล ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง
รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐรายนี้ กำลังหลอกด่าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ใช้งบประมาณของรัฐบาลในการทำโครงการประกันรายได้เกษตรกร แต่เวลาไปพูดกับชาวบ้าน ก็เคลมผลงานเข้าตัวเอง ใช้ในการหาเสียงมาโดยตลอด
ทำเอาอุณหภูมิพรรคร่วมรัฐบาลร้อนฉ่าขึ้นมาทันที
เพราะสิ้นเสียงสันติ บรรดาลูกหาบพรรคประชาธิปัตย์ ต่างเรียงหน้าออกมาถล่มกลับแบบเรียงแถว ตั้งแต่ “ราเมศ รัตนะเชวง” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ “อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์” ส.ส.ราชบุรี และรองโฆษกพรรคว่า โครงการประกันรายได้เกษตรกรเป็นโครงการที่เข้มแข็ง เพื่อป้องกันความเสี่ยงทางด้านราคาผลผลิต
รอบนี้ถือว่า ซัดกันมีน้ำมีเนื้อ เพราะ สันติเองนอกจากบทบาทรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยังเป็นรมช.คลัง เกี่ยวข้องกันโดยตรง
ที่มาอาการหมันไส้ของสันติ น่าจะเกิดจากการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ที่ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ขออนุมัติงบประมาณเพื่อใช้ในโครงการประกันราคาข้าว
วาระนี้หารือกันนาน ถึงขนาดทำเอา “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ยังออกอาการหงุดหงิด ถึงขั้นระบุว่าต่อไปวาระสำคัญที่เกี่ยวกับการของบประมาณจำนวนมาก ให้ส่งเอกสารให้รัฐมนตรีทุกคนล่วงหน้าอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อให้มีเวลาศึกษา ไม่ได้ชงกันแบบระยะประชิด ไม่มีเวลาหารือ
แม้ในที่ประชุมครม. “บิ๊กตู่” จะไม่ได้เจาะจงว่า ปฐมเหตุที่ทำให้เกิดไอเดียนี้ขึ้นมามาจากอะไร แต่ในวันดังกล่าววาระที่ต้องใช้เงินก้อนโตมากที่สุดคือ โครงการประกันราคาข้าวของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งน่าจะคือเรื่องนี้
อีกทั้งให้หลังการประชุมไม่กี่ชั่วโมง “อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” รมว.คลัง ยังออกมาเปิดเผยในลักษณะเคร่งเครียดเกี่ยวกับการหาเงินมาใช้ในโครงการดังกล่าว
โดยที่ประชุมครม.ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ เร่งหารือเพื่อจัดสรรงบประมาณที่จะนำมาใช้จ่ายในโครงการประกันราคาข้าว และจะต้องมีความชัดเจนภายใน 2-3 เดือนนี้ เพื่อนำเงินไปจ่ายให้กับเกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการประกันราคาข้าว วงเงินรวม 89,000 ล้านบาท
โดยงวดแรก ครม.ได้อนุมัติให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จ่ายให้เกษตรกรแล้ว 13,000 ล้านบาท เริ่มจ่ายไปแล้วตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมา ทำให้วงเงินที่กระทรวงการคลังต้องหาเพิ่มเพื่อนำมาจ่ายเงินค่าประกันราคาข้าวจำนวน 76,000 ล้านบาท
เงิน76,000 ล้านบาท นี่แหละที่ทำให้ “บิ๊กตู่” หงุดหงิดจนเกือบเก็บอาการไม่ได้ รวมถึงท่าทีของ “สันติ” ที่กระแทกกระทั้นใส่โครงการประกันราคาข้าวแบบไม่ไว้หน้า
แต่ไม่กล้าจัดหนักกว่านี้ เพราะต้องเก็บอารมณ์ ข่มความรู้สึกในฐานะที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล เพิ่มความขัดแย้งในจังหวะเวลานี้ไม่ได้
ในอารมณ์ของ “สันติ”มันน่าจะสะท้อนอะไรได้มากพอสมควร สำหรับความรู้สึกของพรรคพลังประชารัฐ หรือแม้แต่ 3 ป. ที่มีต่อโครงการประกันรายได้เกษตรกร
นโยบายนี้เป็นยี่ห้อของพรรคประชาธิปัตย์แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ เคยทำมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต่อเนื่องมาถึงในช่วงหาเสียงเลือกตั้งที่ใช้อ้อนขอคะแนนจากประชาชน
และเป็นหนึ่งในเงื่อนไขสำคัญในการเข้าร่วมรัฐบาล ที่ 3 ป. ต้องยอม แม้ในใจไม่ได้เห็นด้วย เพราะตอนนั้นคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) และพรรคพลังประชารัฐ ต่างชูเรื่องการลดต้นทุนการผลิต
ขณะเดียวกัน สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ต่อรองก่อนเข้าร่วมรัฐบาลคือ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อจะเอามาใช้เป็นกลไกในโครงการดังกล่าว
3 ป.ไม่มีทางเลือก นอกจากต้องยอมให้แลกกับการจัดตั้งรัฐบาลได้
กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงอยู่ในเงื้อมมือของพรรคประชาธิปัตย์แบบเบ็ดเสร็จ ตลอดจนโครงการต่างๆ ที่เป็นผู้กำกับและดูแลเองหมด
ช่วงที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์พยายามใช้โครงการต่างๆ ของ 2 กระทรวงนี้ ในการหาเสียง โดยเฉพาะโครงการประกันรายได้เกษตรกร ทั้ง ข้าว ยางพารา และน้ำมันปาล์ม
ขณะที่ปัจจุบันราคาข้าวตกต่ำ พรรคประชาธิปัตย์ในฐานะที่กำกับดูแลกระทรวง 2 แห่งนี้ โดนด่าเต็มๆ จึงต้องเร่งหาเงินเพื่อลดกระแสโจมตี
แต่พรรคพลังประชารัฐเองรู้ว่าจุดมุ่งหมายของพรรคประชาธิปัตย์ คืออะไร จึงแสดงท่าทีไม่พอใจให้เห็นออกมา
พรรคประชาธิปัตย์ตอนนี้แทบไม่สนใจภาพรวมของรัฐบาล แต่มุ่งหาเสียงโกยแต้มให้กับตัวเองแบบถี่ยิบ ทุกช่องทางที่จะทำได้
โครงการอะไรโปรโมตหมด รัฐมนตรีลงพื้นที่ไหนขึ้นหน้าหนึ่งเกือบทุกฉบับทั้งที่ประเด็นอ่อนปวกเปียก ไม่เว้นแม้แต่ปรากฏการณ์ “โพลสไลด์” ที่ระยะหลังๆ มีค่ายที่ไม่ค่อยถนัด แต่กลับออกมาทำโพล ผลปรากฏ “จุรินทร์” นำโด่งเหนือทุกคน
โดยเฉพาะโพลล่าสุดของมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ที่คะแนน “จุรินทร์” มาอันดับหนึ่ง เหนือ “บิ๊กตู่” เสียอีก
ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ ทุกคนจับไต๋ได้หมด พรรคประชาธิปัตย์ก้มหน้าก้มตาหาแต้มลูกเดียวแล้ว
ไม่ให้เครดิตภาพรวมรัฐบาล แต่เจาะจงไปที่พรรคประชาธิปัตย์แบบวันแมนโชว์
ช็อตกระตุก สันติ นั่นแหละตรงตัวสุด มันไม่ใช่ผลงานใครคนใดคนหนึ่ง หัดเห็นแก่ส่วนรวมบ้าง!!