xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

Telemedicine เทรนด์พบแพทย์ยุคโควิด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - การแพทย์ทางไกล (Telemedicine - เทเลเมดิซีน) เป็นเทคโนโลยีทางการแพทย์ตอบโจทย์สุขภาพในยุคการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผู้คนต้องรักษาระยะห่างลดการสัมผัส โรงพยาบาลหลายแห่งมีการพัฒนาระบบ Telemedicine ในการดูแลรักษาผู้ป่วย เทรนด์ธุรกิจตลาดแพทย์ทางไกลเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีพัฒนาแอปพลิเคชั่น Telemedicine รองรับการใช้งานเต็มรูปแบบ 

อ้างอิงบทวิเคราะห์ของธนาคารไทยพาณิชย์ เรื่อง Telemedicine เทรนด์การแพทย์ที่เกิดขึ้นแล้ววันนี้ ระบุว่าการสื่อสารในยุคดิจิทัลที่ก่อให้เกิด Big Data เปลี่ยนแปลงประสบการณ์ของผู้คนในทุกส่วนของสังคม รวมถึงการหาหมอเมื่อเจ็บป่วย ที่ต่อไปข้างหน้าภาพที่โรงพยาบาลรัฐที่คราคร่ำด้วยคนไข้จำนวนมากที่รอคิวพบแพทย์ ก็อาจจะลดลง ด้วยการใช้ Telemedicine เข้ามาเปลี่ยนประสบการณ์การพบแพทย์

ด้วยเทคโนโลยีการแพทย์ที่ก้าวหน้าก้าวไกลมากขึ้น และการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างน่าจับตา  นพ. กวิรัช ตันติวงษ์  รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ เปิดเผยว่าประเทศไทยมีการพัฒนาเทคโนโลยีการแพทย์มาโดยตลอด เช่น การผ่าตัดส่องกล้อง การสอดท่อผ่าตัด การรักษาด้วยรังสี มีมานานกว่า 20 ปี และการผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์ก็มีมาไม่ต่ำกว่า 10 ปี

“การแพทย์ไทยมีความพร้อมมากกว่าประเทศใกล้เคียงในภูมิภาคนี้ และเมื่อเกิดวิกฤตไวรัสโควิด-19 สถานการณ์การแพร่ระบาดที่จำต้องมีการรักษาระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ก็กลายมาเป็นตัวเร่งให้ทุกภาคส่วนต้องนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ ไม่ว่าจะเป็นสังคม ธุรกิจ การสื่อสาร รวมถึงเรื่องการแพทย์ ที่นำแนวคิด Telemedicine ที่เคยใช้สื่อสารทางไกล เช่นการผ่าตัดข้ามประเทศ มีแพทย์เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาระหว่างผ่าตัดอยู่อีกประเทศหนี่ง มาใช้ในการดูแลคนไข้ โดยที่ทั้งหมอและคนไข้ก็อยู่ที่เดียวกัน”

ข้อดีของเทคโนโลยี Telemedicine เหมาะกับคนไข้เก่ากลุ่ม follow up และกลุ่ม refill ยา ที่อาการไม่หนักและมีประวัติรักษาอยู่แล้ว สามารถใช้ช่องทาง Telemedicine ได้ เพราะเป็นการสื่อสาร 2 ทางซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวก จากการลดระยะเวลา ลดการเดินทาง รวมถึงลดความเสี่ยงจากการสัมผัส และลดความแออัดในโรงพยาบาลได้

โดยทาง รพ.จุฬาฯ ตั้งเป้าหมายให้คนเปลี่ยนมาใช้แอปช่องทาง Telemedicine เพื่อลดจำนวนคนมาโรงพยาบาล 20% จาก 5,000 คนเหลือ 1,000 คน ภายในระยะเวลา 1 ปี จะเปลี่ยนมาคัดกรองวินิจฉัยรูปแบบTelemedicine แต่หากป่วยหนักเดินทางมายังโรงพยาบาลได้ทันที

สำหรับในภาพธุรกิจตลาดแพทย์ทางไกล  เมล วินหวู  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารระดับภูมิภาคบริษัทกู๊ดดอกเตอร์เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด (GDT) เผยว่าตลาดการแพทย์ทางไกลเติบโตจากอัตราเร่งผู้ใช้มือถือทำธุรกรรมมากขึ้น และสถานการณ์โควิด-19 ที่กำลังระบาด โดยแอปพลิเคชันกู๊ดดอกเตอร์ในฐานะผู้ให้บริการสุขภาพดิจิทัล ได้เพิ่มช่องทางการเข้าถึงการรักษาภายใต้วิสัยทัศน์หนึ่งแพทย์ต่อหนึ่งครอบครัวทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA)

กู๊ดดอกเตอร์ ถูกพัฒนาระบบการทำงานภายใต้ทีมงานแพทย์พร้อมคลินิกเวชกรรมที่ได้ถูกจัดตั้งขึ้นพร้อมได้รับใบอนุญาตให้สามารถบริการแพทย์การไกล (Telemedicine) อย่างเป็นทางการและเปิดให้บริการในประเทศไทยต้นแต่ต้นปี 2564 ออกแบบให้ง่ายต่อการใช้งานเพื่อให้คนไทยเข้าถึงบริการด้านสุขภาพอย่างรวดเร็ว ขอรับการปรึกษาจากแพทย์ได้ภายใน 60 วินาทีแบบไม่ต้องนัดหมายล่วงหน้า การวินิจฉัยและแผนการรักษาได้อย่างรวดเร็วภายในเวลา 15 นาทีเพื่อเป็นการส่งเสริมและต่อยอดการบริการสุขภาพผ่านสถานพยาบาลรูปแบบดั้งเดิม ให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงทีมแพทย์ได้อย่างรวดเร็วและทันเวลา แทนที่จะต้องเดินทางไปนั่งรอแพทย์เป็นเวลานานๆ ที่โรงพยาบาล

สถิติเดือนสิงหาคม 2564 กู๊ดดอกเตอร์ช่วยเหลือผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 สีเขียว (ไม่แสดงอาการ) ที่ต้องทำ Home Isolation กักตัวดูแลที่บ้านเองภายหลังจากที่บริษัทได้รับอนุมัติจากสปสช. ( สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ) เข้าถึงผู้ป่วยได้ถึง 38 เขตมีอัตราการลงทะเบียนผู้ป่วยสูงสุด 15 คนต่อวัน มีผู้เข้าถึงรับคำปรึกษาจากทีมแพทย์ประจำการแล้วกว่า 650 ครั้ง

อัตราการเร่งการเติบโตของแพทย์ทางไกลในรูปแบบดิจิทัลทั่วโลกสูงมากขึ้นถ้าเทียบกับช่วงเวลาก่อนเกิดโควิด-19 อัตราการเติบโตการใช้บริการสุขภาพรูปแบบดิจิทัลในอีก 5 ปี ข้างหน้าแนวโน้มสูงขึ้นตามลำดับ ดังนี้ 1. การแพทย์ทางไกลจาก 22% เติบโตขึ้น 46% 2. การดูแลสุขภาพระยะยาวจาก 27% เติบโตขึ้น 48% 3.การวินิจฉัยโรคด้วยตนเองจาก 27% เติบโตขึ้น 47% 4. รูปแบบดิจิทัลจาก 32% เติบโตขึ้น 48% 5. ตามคำเรียกร้องจาก 35% เติบโตขึ้น 47% และสุดท้ายร้านขายยาจาก 37% เติบโตขึ้น 45%

ในส่วนการกำกับดูแลของรัฐ  นพ.ธเรศ กริษนัยรวิวงศ์  อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยรายละเอียดประกาศเรื่องมาตรฐานการให้บริการของสถานพยาบาล โดยใช้ระบบการแพทย์ทางไกล โดยกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งจะกลายเป็นกฎหมายที่ขีดเส้นว่าไม่ใช่ใครๆ ก็จะให้บริการแพทย์ทางไกลได้ เพราะผู้ให้บริการจะต้องรับผิดชอบว่าคุณหมอในบริการนั้นเป็นผู้ประกอบวิชาชีพจริง รวมทั้ง ต้องดูแลเก็บประวัติผู้ป่วยให้เหมือนการเก็บเวชระเบียนในคลินิกที่ให้บริการปกติ

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพตั้งคณะทำงานเพื่อยกร่างประกาศมาตรฐานการบริการตามมาตรา 15 ประกาศ เรื่อง มาตรฐานการให้บริการ ของสถานพยาบาล โดยใช้ระบบการแพทย์ทางไกล นิยามว่าการดูแลจะครอบคลุมทั้งส่วนบริการและระบบไอซีทีที่ให้บริการ ส่วนของบริการนั้นกำหนดให้บริการการแพทย์ทางไกลต้องทำโดยผู้ประกอบวิชาชีพ หรือผู้ประกอบโรคศิลป์เท่านั้น ซึ่งจะใช้ระบบการแพทย์ทางไกลเพื่อเป้าหมายตั้งแต่การตรวจ ป้องกันโรค เสริมสุขภาพ ขณะที่ส่วนของระบบบริการการแพทย์ทางไกลก็จะต้องมีมาตรฐาน ผู้ให้บริการจะต้องแสดงแผนว่ามีระบบสารสนเทศและการสื่อสารที่ให้ความมั่นใจได้เพียงพอ

อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญของเทคโนโลยี Telemedicine ที่ต้องให้ความสำคัญคือเรื่องการเก็บรักษาข้อมูลส่วนตัวที่เป็นความลับของผู้ป่วย ตามข้อบังคับกฎหมาย พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายของการโจรกรรมทางไซเบอร์

 นีเลช เจน รองประธานประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดียของเทรนด์ไมโคร บริษัทผู้ให้บริการด้านความปลอดภัยบนเครือข่ายออนไลน์ เปิดเผยว่าธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพที่จะมีความเสี่ยงโจรกรรมข้อมูลทางไซเบอร์เพิ่มขึ้น เนื่องจากแพทย์เป็นจำนวนมากหันมาใช้ระบบการรักษาทางไกลหรือ telemedicine ข้อมูลผู้ป่วยอาจเป็นเป้าหมายของการโจมตี และอาจนำไปสู่การจารกรรมทางการแพทย์

รายงานการคาดการณ์ด้านเทคโนโลยี สื่อ และโทรคมนาคม (Technology, Media & Telecommunications (TMT) Predictions report) ของดีลอยท์ โกลบอล เปิดเผยว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก ส่งผลให้เทรนด์การรักษาระยะไกล (Telemedicine) พบแพทย์ผ่านทางวิดีโอ เติบโตก้าวกระโดด โดยฉพาะกลุ่มผู้บริโภคที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป ได้ทำความเข้าใจและใช้ประโยชน์จากการสื่อสารด้วยวิดีโอผ่านแอพลิเคชั่นมากขึ้น

คาดการณ์การพบแพทย์แบบเสมือนจริงผ่านทางวิดีโอจะเพิ่มขึ้น 5% ทั่วโลกปี 2564 จากที่คาดการณ์ไว้ประมาณ 1% ปี 2563 แม้เปอร์เซ็นต์ของตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจะดูเล็กน้อย แต่เท่ากับการเข้าพบแพทย์ผ่านวิดีโอถึง 8.5 พันล้านครั้ง คิดเป็นมูลค่าทั้งหมดประมาณ 5 แสนล้านดอลลาร์จาก 36 ประเทศที่เข้าร่วมองค์การเพื่อความร่วมมือ และการพัฒนาทางเศรษฐกิจ หรือ โออีซีดี (Organisation for Economic Co-operation and Development - OECD) ในปี 2562

 การแพทย์ทางไกลเป็นโจทย์ข้อใหญ่ของกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างกรมสนับสนุนบริการสุขภาพที่มีหน้าที่กำกับดูแลสถานพยาบาล ทั้งด้านนโยบายเพื่อสนับสนุนและสร้างกลไกควบคุม ซึ่งต้องตีโจทย์ให้แตก  





กำลังโหลดความคิดเห็น