คอลัมน์ ศิลปะแห่งศรัทธา
โดย ARTMULET
สวัสดีครับ ในสัปดาห์ที่แล้วผมได้เขียนถึงเรื่องราวในพระพุทธศาสนาอันเกี่ยวข้องกับพระบารมีอันยิ่งใหญ่ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากับราหูที่มีนามว่า “อสุรินทราหู” อันเป็นที่มาของการจัดสร้างงานประติมากรรมเหรียญหล่อประกอบอันมีนามว่า “เหรียญปราบอสุรินทราหู คู่ชีวิต” วัดขุนอินทประมูล จ.อ่างทอง อันเป็นงานในรูปแบบศิลปะไทยแบบคลาสสิค ที่งดงามทรงคุณค่า และยังเป็นเหรียญที่ให้ความหมายทางคติธรรมได้เป็นอย่างดีคือ เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ปราบอสุรินทราหูให้สิ้นพยศแล้วความมืดมิดทั้งหลายจึงหมดสิ้น ความสว่างอันเป็นมหามงคลแห่งชีวิตจึงบังเกิดขึ้น ด้านล่างเหรียญมีคำว่า คู่ชีวิต อยู่ในลายกนกคลื่นน้ำเปรียบดังความร่มเย็นเป็นสุขและความอุดมสมบูรณ์แห่งชีวิตเมื่อได้มีเหรียญนี้ไว้ในครอบครอง “เหรียญปราบอสุรินทราหู คู่ชีวิต” นี้จึงถือเป็นเหรียญมหามงคลครอบจักรวาล เป็นเหรียญที่ต้องมีไว้ติดตัว เพื่อเรียกสติ เสริมมงคลให้ชีวิต แคล้วคลาดปลอดภัย กลับร้ายกลายเป็นดี หนุนดวงชะตา เสริมวาสนาบารมี ดีทั้งโชคลาภและเมตตามหานิยมโดยเฉพาะผู้ที่มีกังวลว่าช่วงนี้หรือช่วงไหนราหูเข้าเมื่อมีเหรียญนี้ไว้ติดตัวแล้วก็ไม่ต้องกังวลเรื่องราหูอีกต่อไปแล้วครับ
ในสัปดาห์นี้ผมจะเขียนถึงผลงานประติมากรรม “อิศวรมหากาลไกรลาสบรรพต” วัดขุนอินทประมูล จ.อ่างทอง ในฐานะองค์มหาเทพผู้เป็นเทพสูงสุดในวรรณคดีไทยที่ยิ่งใหญ่และเป็นมหากาพย์อย่างรามเกียรติ์ หลังจากที่ผมได้เคยเขียนเรื่องนี้มาแล้วในฐานนะมหาเทพสูงสุดในลัทธิไศวะนิกายในศาสนาพราหมณ์หรือฮินดู โดยผู้ที่นับถือนิกายนี้จะยกให้พระศิวะหรือพระอิศวรเป็นใหญ่สูงสุดเหนือเทพองค์ใดในจักรวาลเป็นหนึ่งในตรีมูรติ คราวนี้เราลองมาดูบทบาทขององค์ “พระอิศวร” ในรามเกียรติ์กันบ้างนะครับ เมื่อครั้งที่จักรวาลถูกแบ่งออกเป็นสามโลกคือ โลกบาดาล โลกมนุษย์และโลกสวรรค์อันเป็นที่อยู่ของเทวดาและผู้มีฤทธิ์อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของเขาไกรลาส แกนกลางของจักรวาลและเหนือสุดแห่งเขาไกรลาสยังเป็นที่ประทับของพระอิศวรมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ของทั้งสามโลก มีอยู่ครั้งหนึ่งพระอิศวรได้มีการแต่งตั้งตำแหน่งพรหมาธิบดีโดยไม่เป็นไปตามลำดับอาวุโสทำให้อสุรพรหมที่ชื่ออนันตพรหมเกิดความไม่พอใจเลยกระด้างกระเดื่องไม่เข้าเทวะสมาคมเมื่อพระอิศวรทรงทราบความจึงสาบให้อนันตพรหมกลายเป็นยักษ์ชื่อนนทกมีหน้าที่ล้างเท้าเทวดาที่มาเข้าเฝ้าพระอิศวร บริเวณตีนเขาไกรลาสทุกครั้งเวลานนทกล้างเท้าให้เทวดาก็มักจะโดยเทวดาแกล้งตบหัวบ้างดึงผมบ้าง จนทำให้นนทกกลายเป็นยักษ์หัวล้าน นนทกจึงไปฟ้องพระอิศวร โดยร้องไห้อ้อนวอนต่อพระอิศวรขอให้ประทานพรวิเศษให้ตนมีนิ้วชี้เป็นเพชรเมื่อชี้ไปที่ใครผู้นั้นต้องตายทันทีโดยนนทกให้เหตุผลว่าจะได้ไม่มีผู้ใดมารังแกตนอีกพระอิศวรจึงประทานนิ้วชี้เพชรให้แก่นนทกเนื่องจากนนทกนั้นรับใช้พระอิศวรมานาน
คราวนี้เมื่อ นนทกได้นิ้วเพชรมาก็ใช้นิ้วเพชรชี้ไปยังเทวดาที่เคยแกล้งตนไว้จนทำให้เทวดาต้องตายลงอย่างมากมายส่วน นนทกเกิดลำพองใจว่าไม่มีผู้ใดสามารถต้านทานนิ้วเพชรของตนได้ ครั้งเมื่อพระอิศวรทรงทราบความจึงมีรับสั่งให้พระนารายณ์ไปปราบนนทก พระนารายณ์จึงคิดอุบายแปลงกายเป็นนางอัปสรที่มีรูปโฉมงดงามเป็นอย่างมาก เมื่อนนทกเห็นนางอัปสรก็เกิดหลงใหลในตัวนางจึงเข้าเกี้ยวพาราสี ฝ่ายนางอัปสรซึ่งคือร่างอวตารของพระนารายณ์ก็บอกกับนนทกว่าเราเป็นเพียงแค่นางรำหากพึงใจในตัวเราก็ต้องรำให้ได้แบบเราว่าแล้วนนทกก็ไม่รอช้าร่ายรำตามท่าของนางอัปสรอย่างลืมตัวเมื่อมาถึงท่านาคาม้วนหางซึ่งต้องเอานิ้วชี้ไปที่ขาเมื่อนนทกเอานิ้วเพชรชี้ไปที่ขาตัวเองด้วยอิทธิฤทธิ์ของนิ้วเพชรนนทกก็ล้มฟุบลงทันท ทันใดนั้นเองนางอัปสรก็กลับกลายเป็นพระนารายณ์ขึ้นมา นนทกเห็นดังนั้นจึงถามพระนารายณ์ว่าเหตุใดท่านจึงมาลงโทษเรา พระนารายณ์จึงกล่าวถึงความผิดของนนทก ที่ทำให้พระอิศวรต้องมีรับสั่งให้พระองค์มาจัดการกำราบเจ้า เมื่อนนทกได้ยินดังนั้นก็ไม่พอใจจึงถามพระนารายณ์กลับไปว่าพระนารายณ์เป็นถึงเทพผู้ยิ่งใหญ่มีถึงสี่กรมีอาวุธตั้งมากมายไหนเลยจึงกลัวนิ้วเพชรของเราและเราเองก็เป็นแค่ยักษ์มีเพียงสองแขนจะเอาอะไรไปสู่กับท่านเมื่อพระนารายณ์ได้ยินเช่นนั้นจึงกล่าวกับนนทกว่าถ้าเช่นนั้นจะให้เจ้าไปเกิดใหม่และให้เจ้ามี ๑๐หน้า ๒๐แขน ๒๐มือ ให้เหาะเหินเดินอากาศได้ให้มีอาวุธนานาชนิดครบมือ ส่วนพระองค์นั้นจะลงมาเกิดเป็นมนุษย์ธรรมดาที่มี ๒ขา ๒แขน ๒มือ และเมื่อถึงเวลานั้นท่านจะกำราบเจ้าอีกครั้งเมื่อสิ้นรับสั่งพระนารายณ์ก็ตัดหัวนนทกขาดทันที ด้วยวาระจิตสุดท้ายก่อนตายของนนทกจึงทำให้นนทกมาเกิดบนโลกมนุษย์โดยทันทีและกลายเป็นทศกัณฑ์ตามคำสาบส่งของพระนารายณ์เป็นยักษ์ที่มีฤทธิ์เดชและอำนาจเป็นอย่างมากมี ๑๐หน้า ๒๐แขน ๒๐มือหลังจากนั้นไม่นานพระอิศวรก็รับสั่งให้พระอินทร์เป่าสังข์อันเชิญพระนารายณ์อวตารมาจุติเป็นพระรามและพระอิศวรยังเป็นผู้ให้กำเนิดหนุมานทหารเอกของพระรามผู้มีฤทธิ์เดชเป็นอย่างมากอีกด้วยและนี่คือที่มาของจุดเริ่มต้นของมหาสงครามระหว่างกองทัพยักษ์กับกองทัพวานรนั้นเองครับ
จากเรื่องราวแห่งความเชื่อความศรัทธาของมหาเทพผู้เป็นใหญ่ในสามโลก ผู้อยู่เหนือกาลเวลาผู้สถิต ณ เขาไกรลาสแกนกลางของจักรวาล สู่ผลงานประติมากรรมอันทรงคุณค่าที่มีศิลปะอันงดงามสุดอลังกาล พระนาม “อิศวรมหากาลไกรลาสบรรพต”
อิศวรมหากาลไกรลาสบรรพต ถือเป็นตัวแทนแห่งเจ้าผู้ปกครองผู้สมบูรณ์ด้วยอำนาจเหนืออำนาจทั้งปวงด้วยมหาบารมีเหนือกาลเวลา เปี่ยมล้นด้วยคุณธรรม ความดี มีพระเมตตา ต่อทุกสรรพชีวิต มีความเฉลียวฉลาด ใช้สติและปัญญาในการวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาอันเป็นคุณสมบัติอันควรค่าแก่การเป็นต้นแบบแห่งเจ้าผู้ปกครองทั้งหลาย และยังทรงเป็นผู้ทำลายล้างสิ่งเลวร้ายทั้งหลายที่มีอยู่สู่การเปลี่ยนแปลงในโลกยุคใหม่ องค์อิศวรถือเป็นมหาเทพที่มีผู้เคารพสักการะบูชาอย่างมากมายมาตั้งแต่ครั้งอดีตกาลจวบจนถึงปัจจุบัน
จากตำนานแห่งความศรัทธาสู่การรังสรรค์ผลงานด้านจิตรกรรมและประติมากรรมที่ถ่ายทอดเรื่องราวแห่งองค์อิศวรมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ผู้อยู่เหนือกาลเวลาและสรรพสิ่งทั้งหลายในจักรวาล มีลักษณะในแบบศิลปะไทย มีพระพักตร์ยิ้มอย่างอิ่มเอิบด้วยความสุขจากภายในสู่ภายนอก พระเกศาทรงปิ่นพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว คล้องพระศอด้วยนาคสังวาลย์ พระนลาฏมีพระเนตรที่สามใช้ทำลายล้างสิ่งอัปมงคลชั่วร้ายสร้างการเปลี่ยนแปลงสู่โลกยุคใหม่ พระหัตถ์ขวาของพระองค์ทรงประทานพรอันศักดิ์สิทธิ์สู่ความสมบูรณ์ด้วยอำนาจเหนือกาลเวลา พระหัตถ์ซ้ายทรงดอกบัวบานสัญลักษณ์แห่งการตื่นรู้และหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง พระหัตถ์ขวาบนทรงตรีศูลและบัณเฑาะว์สัญลักษณ์แห่งการอยู่เหนือทั้งสามโลกทั้งชายและหญิง พระหัตถ์ซ้ายบนทรงสังข์สัญลักษณ์แห่งการมีชื่อเสียงในคุณธรรมความดีงามที่ปรากฏไปทั้งสามโลก ประทับบนแผ่นหนังทั้งตัวและหัวเสือโคร่งสัญลักษณ์แห่งอำนาจเหนืออำนาจทั้งปวง สถิตเหนือยอดเขาไกรลาส อันประกอบไปด้วยโคนนทิพาหนะแห่งองค์อิศวรผู้เป็นเจ้าแห่งสัตว์สี่เท้าทั้งมวล ทั้งพญาราชสีห์บันลือสีหนาทสัญญาลักษณ์แห่งผู้มีอำนาจอันยิ่งใหญ่ อีกทั้งกินรี สัญลักษณ์แห่งความงดงามมีเสน่ห์สมหวังในความรัก อีกทั้งเชิงเขาไกรลาสยังมีฐานรายล้อมด้วยสายน้ำแห่งป่าหิมพานต์ต้นกำเนิดแห่งความอุดมสมบูรณ์ต่อมวลมนุษย์และสรรพสิ่งทั้งหลาย อันจะนำมาซึ่งความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลแก่ผู้ที่ได้มีไว้ในครอบครองและเพื่อเป็นสมบัติของวงศ์ตระกูลสืบต่อไป
โดยผลงานดังกล่าวนี้สืบเนื่องจากแนวคิดจาก อ.ธนทัศน์ ทองเนียม ประธานดำเนินงานแห่ง Artmulet และ ดร.ทรงพล เขมะบุลกุล ที่ปรึกษาโครงการ ผ่านจิตรกรเอก อ.เกรียงกมล นาคบางแก้ว และประติมากรชั้นครู อ.สุชาติ แซ่จิว สองศิลปินที่สามารถรังสรรค์ปั้นแต่งผลงานในครั้งนี้ได้อย่างงดงามสุดอลังการอย่างน่าอัศจรรย์ทั้งรายละเอียดที่ดูอ่อนช้อยงดงามพริ้วไหวแต่ทรงพลังอำนาจอันศักดิ์สิทธิ์และยิ่งใหญ่เกินคำบรรยาย และทั้งหมดนี้เพื่อฝากไว้เป็นสมบัติอันล้ำค่าของของคนไทยสืบไป
สำหรับท่านที่มีศรัทธาและต้องการเก็บสะสมผลงานประติมากรรม **“อิศวรมหากาลไกรลาสบรรพต” ในครั้งนี้ ท่านสามารถเลือกสั่งจองได้ตามรายการต่างๆ ดังนี้ครับ
งานประติมากรรม อิศวรมหากาลไกรลาสบรรพต
ผู้ออกแบบแนวคิดและรังสรรค์ผลงาน : ARTMULET
จิตรกร : อ.เกรียงกมล นาคบางแก้ว
ประติมากร : อ.สุชาติ แซ่จิว
โรงหล่อ : เอเชียไฟน์อาร์ต
ทุกชิ้นงานหล่อด้วยโลหะบรอนซ์ออสเตรเลีย (สำริด)
จัดทำเป็น 2 ขนาด
1.ขนาดความสูงถึงรัศมี 21 นิ้วหน้าตักองค์อิศวร กว้าง 7.5 นิ้ว
ฐานล่างกว้าง 14 นิ้ว ลึก 9 นิ้วฐานบนกว้าง 8.5 นิ้ว
สูงรวมฐานถึงยอดเศียร 18 นิ้ว
จัดสร้างทั้งหมด 5 สี
สั่งจององค์ละ 36,900.- ถึง 45,900.-
2.ขนาดความสูงถึงรัศมี 12 นิ้วหน้าตักองค์อิศวร กว้าง 4 นิ้ว
ฐานล่างกว้าง 7.5 นิ้ว ลึก 4.8 นิ้วฐานบนกว้าง 4.5 นิ้ว
สูงรวมฐานถึงยอดเศียร 10 นิ้ว
จัดสร้างทั้งหมด 5 สี
สั่งจององค์ละ12,900.- ถึง 15,900.-
ค่าจัดส่งขนาดสูง 21 นิ้ว 500 บาท ต่อ 1 องค์
ค่าจัดส่งขนาดสูง 12 นิ้ว 300 บาท ต่อ 1 องค์
กรณีรับที่วัดขุนอินทประมูลจ.อ่างทอง ไม่มีค่าส่ง
การจองในครั้งนี้มีกำหนดวันเทวาภิเษกและพุทธาภิเษก ณ พระอุโบสถวัดขุนอินทประมูล จ.อ่างทอง
ในวันที่ 22 ธันวาคม2564 ตั้งแต่เวลา 11.00 – 15.00 น.
และเริ่มทยอยจัดส่งตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม 2564 เป็นต้นไป
สำหรับท่านที่สนใจต้องการสั่งจองหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อได้ที่
Facebook Inbox : artmulet
Facebook Inbox : artmulet official
Line Id : @artmulet
เว็บไซต์: www.artmulet.com
และที่วัดขุนอินทประมูล จ.อ่างทอง T.0925577511
รายได้ร่วมจัดสร้างที่พักสำหรับผู้มาปฏิบัติธรรมและศาลาอเนกประสงค์ วัดขุนอินทประมูล จ.อ่างทอง