xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ยานแม่ SCBX ขึ้นแท่นผู้นำ Digital Assets ทุ่มซื้อ Bitkub “ยูนิคอร์น” ตัวใหม่ที่ไม่ธรรมดา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) และนายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา Group CEO ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -  ยานแม่ "SCBX" ลุยบิ๊กดีลทุ่มเงิน 1.78 หมื่นล้าน เทคโอเวอร์ “Bitkub” ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลสานฝันขึ้นแท่นผู้นำแห่งอาเซียน นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้สตาร์ทอัพ “บิทคับ ออนไลน์” กลายเป็นยูนิคอร์นตัวใหม่ของไทยที่ก้าวสู่ระดับโลก ดีลครั้งนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสเทรดคริปโตเคอเรนซีสุดคึกคักทั่วโลก ไม่หวั่นข่าว Squid Game Token โดน Rug pull โดย Goldman Sachs ทำนาย ราคาเหรียญ Ether มีโอกาสทะยานขึ้นแตะ $8,000 ภายในสิ้นปีนี้ ส่วน JPMorgan คาด Bitcoin ราคาวิ่งถึง $100,000 ภายในปีหน้า 

นับเป็นข่าวใหญ่ในช่วงเย็นวันที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เมื่อธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบล.ไทยพาณิชย์ จำกัด (“SCBS”) มีมติอนุมัติให้ SCBS ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของธนาคาร เข้าทำสัญญาซื้อหุ้นในบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จากัด (“Bitkub”) จาก บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จากัด ในสัดส่วนร้อยละ 51 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของ Bitkub คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 17,850 ล้านบาท โดยคาดว่าธุรกรรมการซื้อขายหุ้นจะเสร็จสิ้นภายในไตรมาสแรกของปี 2565

Bitkub เป็นผู้ประกอบธุรกิจให้บริการ เป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange) โดยได้รับอนุญาตจากสานักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และเป็นผู้นำในด้านศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลของประเทศไทย โดยในช่วงเดือนมกราคมถึงกันยายน 2564 ที่ผ่านมา Bitkub มีมูลค่าการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่รายงานต่อสานักงาน ก.ล.ต. รวมประมาณ 1.03 ล้านล้านบาท คิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณร้อยละ 92 โดยในช่วง 9 เดือนดังกล่าว Bitkub มีรายได้รวม 3,279 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 1,533 ล้านบาท

 นายอาทิตย์ นันทวิทยา  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลหนึ่งในธุรกิจการเงินแห่งโลกอนาคตมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว และมีโอกาสเติบโตในระยะยาว การเข้าลงทุนใน “บิทคับ ออนไลน์” (Bitkub Online Co., Ltd.) ซึ่งให้บริการแพลตฟอร์มด้านการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำของไทยจะช่วยให้เอสซีบีเอ็กซ์ สามารถเติบโตในระยะยาวไปกับโลกใหม่ได้ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ยานแม่ SCBX ในการยกระดับสู่กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีการเงิน และสามารถเข้าสู่สนามการแข่งขันแบบใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นโดยเร็วในอีก 3-5 ปีข้างหน้า โดยมีเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำในการให้บริการด้านการลงทุนและสินทรัพย์ดิจิทัลที่น่าเชื่อถือของภูมิภาคอาเซียน

“นอกจากการลงทุนแล้วยังมีแผนที่จะพัฒนาธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลด้านต่างๆ ผ่านโมเดลทางธุรกิจรูปแบบใหม่ร่วมกับ Bitkub ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในระยะยาว และวางรากฐานในการเข้าสู่โลกการเงินแห่งอนาคตต่อไป” นายอาทิตย์ กล่าว




ด้าน  นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา  Group CEO ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด กล่าวว่า Bitkub ได้เดินมาถึงจุดที่ได้กลายเป็นโครงสร้างสำคัญของเศรษฐกิจในอนาคตของประเทศไทย หรือที่เรียกว่า Digital Economy การมาถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญมากนี้จะนำ Bitkub ก้าวไปสู่ระดับโลกโดยมี SCBS เป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่ง

“.... สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ Bitkub และกลุ่มเอสซีบี เอกซ์ มีการแชร์เป้าหมาย Vision ที่เหมือนกันว่า Digital Asset มีความสำคัญต่อการพัฒนาของเศรษฐกิจต่อประเทศไทยในระยะยาว เราเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าเราสามารถผลักดันเศรษฐกิจไทยให้ก้าวไปสู่โลกอนาคต เป็นศูนย์กลางทางการเงินและเทคโนโลยีในระดับภูมิภาคได้ และเป็นโอกาสสำคัญที่จะสร้าง National Champion ใหม่ให้กับประเทศไทย” Group CEO ของ Bitkub กล่าว

ผู้ก่อตั้ง Bitkub ยังบอกว่า การเข้าซื้อหุ้นของบิทคับ ออนไลน์ จำนวน 17,850 ล้านบาท จากมูลค่าบริษัททั้งหมด 35,000 ล้านบาท ของบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ถือเป็นการประทับตรา “ยูนิคอร์น” อีก หนึ่งตัวให้คนไทยได้ภาคภูมิใจ โดยวงการลงทุนได้ประเมินมูลค่าที่เขาถือหุ้นสัดส่วน 23.87% ใน “บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์” เป็นมูลค่าราว 8,354 ล้านบาท จาก 35,000 ล้านบาท

หลังข่าวบิ๊กดีลเผยแพร่สู่สาธารณะ ราคาของ KUBcoin ปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องโดยในช่วงเวลา 19.20 น. ของวันที่ 2 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ราคาเหรียญ KUBcoin ปรับตัวขึ้นสูงสุดกว่า 205.69% โดยขึ้นไปแตะที่ราคา 99.99 บาท/เหรียญ ณ เวลา 19.35 น. ก่อนจะปรับฐานลงมาเคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ 83 บาท ในวันถัดมา

ขณะเดียวกัน ดีลที่เกิดขึ้น ทำให้บรรดาโบรกเกอร์ ต่างอัพเป้ากำไรหุ้น SCB โดย บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า SCB เข้าซื้อหุ้น Bitkubเป็นดีลที่น่าสนใจมาก เมื่อพิจารณาจากมูลค่า (Valuation) ที่ราคาต่อกำไร (PER) ประมาณ 18 เท่า และราคาต่อการขาย (P/S) ที่ประมาณ 8 เท่า (อิงจากรายได้และกำไร 9 เดือนที่ 3,279 ล้านบาท และ 1,533 ล้านบาท) ขณะที่มีส่วนแบ่งการตลาดถึง 92%

ยูโอบี มองสาเหตุที่ SCB ตัดสินใจเข้าซื้อเนื่องจาก Bitkub เป็นผู้เล่นรายใหญ่ของการซื้อขาย สินทรัพย์ดิจิทัลในไทย ที่มีโอกาสเติบโตมากกว่านี้ หากมีการกำกับดูแลที่ดีที่ทำให้ผู้ลงทุนแพลตฟอร์มต่างประเทศเปลี่ยนมาใช้แพลตฟอร์มในประเทศ อีกทั้งยังมีความสามารถในการทำกำไรที่สูง แม้ปริมาณการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลของ Bitkub ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาคิดเป็น 6.5% ของปริมาณการ ซื้อขายหุ้นไทย (มูลค่าการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่รายงานต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ประมาณ 1.03 ล้านล้านบาท เทียบกับปริมาณซื้อขายหุ้นไทยที่ 16.43 ล้านล้านบาท) แต่กำไรของ Bitkup สูงกว่าบริษัทหลักทรัพย์ที่มีส่วนแบ่งการตลาดใกล้กัน และใกล้เคียงบริษัทหลักทรัพย์อันดับ 1-2 ที่มีส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1-2 (รวมกำไรธุรกิจวาณิชธนกิจ) แต่ถ้ามองเฉพาะกำไรจากค่าธรรมเนียมการซื้อขาย ผลการดำเนินงานของ Bitkub จะสูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญ

ด้าน บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองว่า ดีลครั้งนี้จะเป็นจิ๊กซอว์สำคัญในด้านฟินเทคสำหรับ SCB โดยคาดว่า Bitkub จะสามารถเติบโตได้อีกมากจากทั้งตลาดคริปโตฯ ที่เป็นขาขึ้น และการขยายฐานลูกค้าเพิ่มจากลูกค้าดิจิทัลของ SCB ที่มีกว่า 18 ล้านคน พร้อมกับประเมินโอกาสปรับขึ้น (Upside) ของกำไรปี 2565 ราว 3-5%

 อย่างไรก็ตาม หลังดีล SCBX ซื้อบิทคับ ครั้งนี้ มีกระแสถกกันของนักเทรดคริปโตฯในกระดาน Bitkub ถึงเรื่องการเก็บภาษีหัก ณ ที่จ่าย 15% จากประกาศพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 พร้อมกับมีการปั่นกระแสแห่ย้ายกระดานเทรดหนีมาตรการรีดภาษี โดยสรุปสาระสำคัญของกฎหมายดังกล่าวคือ กำหนดให้ทรัพย์สินดิจิทัลที่อยู่ในเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษีตามกฎหมายฉบับนี้ ได้แก่ คริปโทเคอร์เรนซี เช่น บิตคอยน์ (Bitcoin) และโทเคนดิจิทัล ที่มีการซื้อขายในประเทศไทย ซึ่งกฎหมายได้กำหนดประเภทเงินได้ดังกล่าวจัดเอาไว้ในกลุ่มเงินได้พึงประเมิน 


ประเด็นภาษีคริปโตฯ นี้  นายอัครราชย์ บุญญาศิริ  นักวิชาการภาษีชำนาญการพิเศษ กรมสรรพากร เคยกล่าวไว้ในการร่วมบรรยายใน Crypto TALK II กฎหมายและภาษีเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล ว่าการเก็บภาษีจากการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลเริ่มคิดทำกันปี 2561 แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ คริปโตเคอเรนซี และโทเคนดิจิทัล ในส่วนของคริปโตเคอเรนซี ถือเป็นสินค้าที่ต้องเสียภาษีหากขายแล้วมีกำไรต้องเสียภาษี บุคคลธรรมดามีกำไรเสียภาษี 15% หากนิติบุคคลธรรมดาต้องนำกำไรไปรวมกับการเสียภาษี ส่วนการแลกเปลี่ยนคริปโตเคอเรนซี ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหากยอดขายเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ต้องจดการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเหมือนธุรกิจอื่นๆ

 อายุน้อยรวยพันล้าน “ท๊อป-จิรายุส” โปรไฟล์ไม่ธรรมดา

หากพลิกโปรไฟล์ของ “ท๊อป” - จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา วัย 31 ปี ผู้ก่อตั้ง Bitkub สตาร์ทอัพสัญชาติไทย ที่กลายเป็นสตาร์ทอัพระดับ “Unicorn” ของประเทศไทยไปแล้ว ด้วยมูลค่าบริษัทเกินกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเกินกว่า 30,000 ล้านบาท ต้องถือว่าไม่ธรรมดา เขาเกิดในและเติบโตในครอบครัวที่ทำธุรกิจขายเสื้อผ้าส่งออก ศึกษาระดับมัธยมที่นิวซีแลนด์ ศึกษาต่อระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ สาขาเศรษฐศาสตร์ และปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ในสาขาเดียวกัน

หลังเรียนจบปริญญาโทในปี 2556 เข้าทำงานเป็นวานิชธนากรในสถาบันการเงินที่นครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ได้ 3 เดือน และย้ายไปทำงานที่นครซานฟรานซิสโก สหรัฐฯ อีกหนึ่งเดือน ก่อนจะลาออกมาเปิดธุรกิจแลกเปลี่ยนสกุลเงินบิตคอยน์ร่วมกับเพื่อนที่ฟิลิปปินส์ในชื่อ Coins.ph และสามเดือนต่อมาได้มาร่วมเปิดเปิดศูนย์แลกเปลี่ยน Coins.co.th ของประเทศไทย จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2561 เขาได้ตั้งบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด ซึ่งได้รับการรับรองจาก ก.ล.ต.

 นับจากก่อตั้งบริษัทเป็นต้นมา บิทคับฯ มีอัตราการเติบโต 1,000% ในทุกปี โดยปี 2561 มีรายได้ประมาณ 3 ล้านบาท, ปี 2562 มีรายได้ประมาณ 30 ล้านบาท, ปี 2563 มีรายได้ประมาณ 300 ล้านบาท และ 9 เดือนแรกของปี 2564 มีรายได้รวมประมาณ 3,279 ล้านบาท โดยคาดว่าถึงสิ้นปีนี้จะมีรายได้รวมกว่า 5,000 ล้านบาท 


แต่ทว่ากว่าจะถึงวันนี้ “ท๊อป-จิรายุส” ล้มลุกคลุกคลานมาไม่น้อย เพราะสกุลเงินดิจิทัลหรือคริปโตฯ ที่มีชื่อว่า “บิตคอยน์” เมื่อก่อนหน้าสักประมาณ 7-8 ปี ที่แล้วถือเป็นเรื่องใหม่มาก ดังนั้นเขาจึงถูก ก.ล.ต., แบงก์ชาติ, สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) และกรมสรรพากร เข้าตรวจสอบอย่างหนัก ด้วยข้อหาแชร์ลูกโซ่ ฟอกเงิน หลบเลี่ยงภาษี ทำผิดกฎหมาย ฯลฯ จนพนักงานที่ทำงานอยู่ด้วยต่างโบกมือลา ครอบครัวเมินหน้าหนีและขอให้ปิดบริษัท แต่เขาก็อดทนเดินหน้าพิสูจน์ให้เห็นว่านี่คือเทคโนโลยีการเงินใหม่แห่งอนาคตที่จะมาถึง กระทั่งญี่ปุ่นประกาศยอมรับบิตคอยน์ สถานการณ์ทำธุรกิจของเขาในไทย จึงค่อยปลอดโปร่งขึ้น และมีผู้สนใจเข้าร่วมทุน ขณะที่ธุรกรรมเงินดิจิทัลเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

ในฐานะสตาร์ทอัพแถวหน้าที่บุกเบิกคริปโตฯในไทย ท๊อป-จิรายุส ได้เข้าร่วมเป็นกรรมการสมาคมฟินเท็คแห่งประเทศไทย มีบทบาทในการบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล การจัดงานประชุมด้านสกุลเงินดิจิทัลและบล็อกเชนทั้งกับภาครัฐและเอกชน โดยร่วมกับสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) เครือข่ายยูโรเปียนบล็อกเชนฮับ และองค์กรนานาชาติที่ไม่แสวงผลกำไร โดยเขาได้รับรางวัล 1 ใน 100 คนของโลกที่สร้างสรรค์ผลงานด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชนร่วมกับ ปรมินทร์ อินโสม ผู้พัฒนา ZCoin

Group CEO ของ Bitkub เคยเล่าว่าการขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งของกระดานแลกเปลี่ยนซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในไทยเกิดจากการเริ่มต้นธุรกิจเป็นคนแรกๆ ในหมวดหมู่นั้นๆ และเกิดจาก Network Effect ที่แข็งแกร่ง ยิ่งมีผู้ใช้งานและการบอกต่อมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้ธุรกิจแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น ซึ่ง bitkub ได้ทำสถิติมีเงินหมุนเวียนอยู่ในระบบสูงสุดต่อวันในช่วงเดือนมกราคม ปี 2564 สูงถึง 12,000 ล้านบาทต่อวัน แต่หากเทียบแพลตฟอร์มจากต่างชาติยังค่อนข้างเสียเปรียบอยู่หลายเรื่องเนื่องจากข้อกฎหมาย

เขายังให้แนวคิดในการทำธุรกิจด้วยว่า เวลาที่เจออุปสรรคต่างๆ นาๆ เราท้อได้นะ แต่อย่ายอมแพ้หรือล้มเลิกจนกว่าจะถึงเป้าหมาย ซึ่งในแต่ละช่วงชีวิตของเขานั้นก็มีเป้าหมายที่แตกต่างกันไป และจะโฟกัสทีละเป้าหมาย เช่น ช่วงปริญญาตรี เป้าหมายคือการไปต่อ ป.โท ที่ Oxford ให้จงได้ ช่วงจบจาก Oxford เป้าหมายคือต้องจบโดยไม่ให้เงินของพ่อแม่ต้องเสียเปล่า ส่วนช่วงทำบริษัทแรก Coins Thailand เป้าหมายคือ พิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นว่า เขาเป็นคนส่วนน้อยที่คิดถูก ขณะที่คนส่วนใหญ่คิดผิดเกี่ยวกับ Bitcoin และเมื่อทำบริษัทที่สองคือ bitkub ต้องเป็นให้มากกว่า Good Company โดยการเป็น Great Company เป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ว่าคนไทยเก่งไม่แพ้ชาติใดในโลก

สำหรับกลุ่มบริษัทบิทคับ แคปปิตอลกรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด ที่ ท๊อป - จิรายุส เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แต่ไม่ได้มีชื่อเป็นกรรมการบริษัทนั้น จะคีย์แมนคนสำคัญ คือ “ต้น – สกลกรย์ สระกวี” ซึ่งเป็นนักเทรดคริปโตฯ ระดับแถวหน้า และเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งกลุ่ม “Bitcoin Thai Club” และเป็นอดีต CEO ของ Garena Thailand บริษัทเกมชื่อดัง โดยบริษัทในกลุ่ม ประกอบด้วย บริษัท แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด, บริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด, บริษัท บิทคับ แล็บส์ จำกัด, บริษัท บิทคับ เวนเจอร์ส จำกัด และบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด เป็นต้น

 ไม่หวั่น Squid Game โดน Rug pull

สำหรับข่าวใหญ่ในวงการคริปโตฯ ในเวลาไล่เลี่ยกันที่เกิดขึ้นในวันก่อนหน้าที่จะมีบิ๊กดีลยานแม่ “SCBX” ซื้อ Bitkub ก็คือ Squid Game Tokenเหรียญมีมสุดเกรียนจากซีรี่ส์ดังแดนกิมจิถูก Rug pull เป็นที่เรียบร้อย นับเป็นกลโกงที่เกิดขึ้นในชั่วเวลาเพียงไม่กี่นาทีและสร้างความเสียหายมหาศาล

โดยก่อนหน้านี้ได้มีคำเตือนจาก CoinMarketCap ว่าโทเคนดังกล่าวมีค่าธรรมเนียมที่แพงขึ้นเรื่อยๆ และไม่สามารถ swap เหรียญกลับคืนได้ในกระดานเทรด pancakeswap ทำให้มีผู้ใช้งานหลายคนร้องเรียนถึงกระดานเทรดดังกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ (31 ต.ค.) ที่ผ่านมา แต่ยังไม่ทันได้รับการตอบรับจากกระดานเทรด โทเคน Squid Game ก็โดน Rug pull ทำให้มูลค่าเหรียญร่วงลงกว่า 99.98% จาก $2,856 ลงมาที่ $0.0008 ตามราคาอ้างอิงที่ระบุใน Coinmarketcap ภายในระยะเวลา 5 นาทีเท่านั้น

ทั้งนี้ Rug pull เป็นกลวิธีการโกงรูปแบบหนึ่งที่พบได้มากบนระบบ DeFi โดยจะดำเนินการหลอกให้นักเทรดเหรียญคริปโต เอาเงินมาลงทุนไว้ในแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล หรือ DEX (Decentralized Cryptocurrency Exchange) จากนั้นก็เอาเงินโอนออกไปจนหมด โดยตรวจสอบหรือติดตามไม่ได้ว่าสุดท้ายเงินที่หายไปนั้นไปอยู่ในกระเป๋าใคร ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยและมีนักลงทุนเสียหายจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีข่าวกลโกงของ Squid Game Token ออกมาสั่นประสาทนักเทรดคริปโตฯ แต่กระแสคริปโตฯ ยังคงไม่ลดความร้อนแรงลงแต่อย่างใด ถึงขนาดที่ว่า Goldman Sachs ธนาคารเพื่อการลงทุนระดับโลก ทำนายว่า ราคา Ethereum มีโอกาสทะยานขึ้นแตะ $8,000 ภายในสิ้นปีนี้ ตามรายงานของ news.bitcoin.com ซึ่งการคาดการณ์ราคา ETH ของ Goldman Sach นั้นสูงกว่าการคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญฟินเทค 50 คนของ Finder.com เมื่อเปรียบเทียบอัพเดทล่าสุดเมื่อสัปดาห์ก่อน ผู้เชี่ยวชาญฯ คาดว่า ETH จะแตะ $5,114 ภายในสิ้นปีนี้ $15,364 ภายในปี 2025 และ $50,788 ภายในปี 2030 


ข้อมูลจาก Bitcoin.com Markets ราคา ETH อยู่ที่ $4,324.98 และมีมูลค่าตลาดประมาณ $511.16 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยทำราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 5.5% ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา และ 30.7% ในช่วง 30 วันที่ผ่านมา

ส่วน JP Morgan ธนาคารยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ได้ประเมินมูลค่าของ Bitcoin อยู่ที่ $35,000 ซึ่งต่ำกว่าราคาปัจจุบันที่ $63,300 ถึง 44% โดยใช้สมมติฐานที่ Bitcoin มีความผันผวนเป็นสี่เท่าเมื่อเทียบกับทองคำ แต่ทางธนาคาร JPMorgan ก็ยังเชื่อว่าราคาของ Bitcoin น่าจะไปได้ถึง $100,000 ภายในปี 2022 ตามรายงานของ u.today

กระแสสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างคริปโตฯ กำลังขยายพรมแดนธุรกิจอย่างกว้างขวาง และการจ้างงานในสายงานนี้มีอัตราเพิ่มมากขึ้น โดยสำนักข่าว Bloomberg รายงานเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ว่า สถาบันการเงินมีแผนจะเสนอเงินโบนัสจำนวนมากเพื่อดึงดูดผู้ที่มีความรู้ความสามารถในด้านคริปโตฯให้เข้ามาร่วมทำงาน ซึ่งบริษัทที่ปรึกษาด้านทรัพยากรมนุษย์ Johnson Associates ประมาณการว่า ตำแหน่งงานด้านคริปโตฯได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระหว่าง 20% และ 30% ซึ่งเฉลี่ยสูงกว่าตำแหน่งงานเดียวกันที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคริปโตฯ และตำแหน่งงานด้านคริปโตฯในระดับอาวุโสยังได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้นถึง 50% เมื่อเทียบกับตำแหน่งเทียบเท่าที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคริปโต

บริษัทวิจัย Revelio Labs ได้วิเคราะห์ ตัวเลขการจ้างงานที่เกี่ยวข้องกับ Crypto ทั้งหมด 287 รายจาก Goldman Sachs, Wells Fargo, Fidelity และ JPMorgan Chase ซึ่งเป็นนายจ้างรายใหญ่ที่สุด 4 รายบนเว็บไซต์สมัครงานของ LinkedIn ซึ่งพบว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านคริปโตฯ ได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้นกว่า 9% เฉลี่ยจากเพื่อนร่วมงานธนาคารของพวกเขา ซึ่งในเดือนตุลาคม LinkedIn รายงานว่า ตัวเลขจ้างงานในตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับคริปโตฯ และ blockchain นั้นเพิ่มขึ้นกว่า 615% นับตั้งแต่ปี 2020

 นับเป็นจุดเปลี่ยนแห่งยุคสมัยว่าด้วยโลกการเงินแห่งอนาคต ซึ่งกำลังมีบทบาทในระบบเศรษฐกิจโลกเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ  





กำลังโหลดความคิดเห็น