xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

การประชุม COP26 ยุทธศาสตร์ลดโลกร้อนของไทยคือ อะไร?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"ฝั่งขวาเจ้าพระยา"
"โชกุน"


การประชุมภาคีสมาชิก กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 26 หรือ COP26 ที่เมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ ระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม-12 พฤศจิกายนนี้ วาระสำคัญคือ การตรวจสอบ ประเมินว่า หลังข้อตกลงปารีสผ่านไปแล้ว 5 ปี ประเทศภาคีสมาชิกได้ปฏิบัติตามข้อตกลงนั้นอย่างไร และเพียงพอหรือไม่ที่จะทำให้เป้าหมายของความตกลงปารีส คือ ควบคุมการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยผิวโลก ไม่ให้เกิน 1.5 และ 2 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับยุคก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรม โดยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ภายในปี 2050

การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ต้องการการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบ (systemic change) ทั้งด้านนโยบาย เทคโนโลยีและพฤติกรรม อย่างเช่น เพื่อบรรลุเป้าหมาย 1.5 องศา ภายใต้ความตกลงปารีส ต้องปฏิวัติระบบพลังงานหมุนเวียน 100% ภายในปี พ.ศ. 2593

นอกจากการลงทุนในระบบพลังงานหมุนเวียน ประสิทธิภาพพลังงาน ยานยนต์ไฟฟ้าแล้วแนวทางหลักที่สำคัญคือ การปลดแอกถ่านหิน (phase out coal plants) การปรับปรุงอาคาร (retrofit buildings) การลดการปล่อยคาร์บอนในอุตสาหกรรมหนัก (ซีเมนต์ เหล็ก พลาสติก) และอุตสาหกรรมการบินและการเดินเรือขนส่งสินค้า การปฏิวัติระบบอาหาร การลดบริโภคเนื้อสัตว์อุตสาหกรรม การลดอาหารเหลือทิ้ง การฟื้นฟูผืนดินที่เสื่อมโทรม และการรักษาระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพขณะเดียวกันรับรองสิทธิชุมชนในการจัดการทรัพยากร

ข้อมูลจากบทความเรื่อง “นโยบาย Net Zero Emission ของไทยจะเพียงหน้าไหว้หลังหลอกหรือไม่” โดย ธารา บัวคำศรี เผยแพร่ใน www.greenpeace.org ระบุว่า ประเทศไทยยังไม่มีการกำหนดยุทธศาสตร์การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระยะยาว มีเพียงแผนที่นำทางการลดก๊าซเรือนกระจก ปี พ.ศ. 2564-2573 (Nationally Determined Contribution Roadmap on Mitigation 2021-2030) ซึ่งตั้งเป้าไว้ที่ 20-25%

ส่วนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) มีเป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจกลงเพียง 20% (ตามแผนที่นำทางลดก๊าซเรือนกระจก) และใช้พลังงานหมุนเวียน 40%

ล่าสุด กรอบแผนพลังงานชาติ ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เห็นชอบเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ที่ผ่านมา ได้กำหนดแนวนโยบายภาคพลังงาน โดยมีเป้าหมายสนับสนุนให้ประเทศไทยสามารถมุ่งสู่พลังงานสะอาดและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (คาร์บอนไดออกไซด์) สุทธิเป็นศูนย์ ภายใน ค.ศ. 2065-2070 (พ.ศ. 2608-2613) หรืออีก 49 ปีข้างหน้า

แนวนโยบายของแผนพลังงานชาติ (Policy Direction) เพื่อขับเคลื่อนให้ภาคพลังงานสามารถบรรลุเป้าหมายการมุ่งสู่เศรษฐกิจและสังคมคาร์บอนต่ำ โดยการส่งเสริมการลงทุนพลังงานสีเขียวในภาคพลังงาน อาทิ

(1) เพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าใหม่โดยมีสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 พิจารณาร่วมกับต้นทุนระบบกักเก็บพลังงานระยะยาว

(2) ปรับเปลี่ยนการใช้พลังงานภาคขนส่งเป็นพลังงานไฟฟ้าสีเขียว ด้วยเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle: EV) ตามนโยบาย 30@30 การปรับเปลี่ยนการใช้พลังงานภาคขนส่งมาเป็น EV เป็นแนวทางที่ช่วยในการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อเพิ่มความสามารถในการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานในภาคขนส่งให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ช่วยแก้ไขปัญหาสภาพอากาศจากภาวะฝุ่นละออง PM 2.5

(3) ปรับเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน มากกว่าร้อยละ 30 โดยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมการบริหารจัดการพลังงานสมัยใหม่ มาเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการพลังงาน

(4) ปรับโครงสร้างกิจการพลังงานรองรับแนวโน้มการเปลี่ยนผ่านพลังงาน (Energy Transition) ตามแนวทาง 4D1E (Decarbonization : การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในภาคพลังงาน Digitalization : การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการบริหารจัดการระบบพลังงาน Decentralization : การกระจายศูนย์การผลิตพลังงานและโครงสร้างพื้นฐาน Deregulation : การปรับปรุงกฎระเบียบรองรับนโยบายพลังงานสมัยใหม่ และ Electrification : การเปลี่ยนรูปแบบการใช้พลังงานมาเป็นพลังงานไฟฟ้า)

ทั้งนี้เป้าหมายลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ในช่วงดังกล่าว (2608-2613) ขึ้นอยู่กับปัจจัยการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีและการสนับสนุนทางการเงิน

อย่างไรก็ตาม แผนพลังงานแห่งชาตินี้ ยังเป็นเพียง “กรอบ” ที่จะต้องผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และปรับปรุงแก้ไขให้ปฏิบัติได้จริง ซึ่งยังต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ซึ่งหมายความว่า ในการไปร่วมประชุม COP26 ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีนั้น ไปมือเปล่า เพราะประเทศไทยยังไม่มียุทธศาสตร์ NET ZERO EMOSSION ที่ชัดเจนเป็นทางการเลย


กำลังโหลดความคิดเห็น