xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ศึกอวตารร่างทรง “นายแม้ว” “3 นางพญา” ชิงนำ “เพื่อไทย” จับตาหวยออก “มาดามอุ๊งอิ๊ง”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - เวลานี้ ปี่กลองทางการเมืองไทยกำลังดังกระหึ่มจากความเคลื่อนไหวของบรรดา “พรรคการเมือง” ที่เตรียมจัดทัพรับการเลือกตั้งซึ่งกำลังจะมาถึง แม้ “นายกฯ ตู่” จะประกาศว่าจะอยู่ยาวครบเทอม เลือกตั้งว่ากันอีกทีต้นปี 2566 ก็ตาม โดยเฉพาะพรรคการเมืองหลักอย่าง “เพื่อไทย พลังประชารัฐ ก้าวไกล ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ ฯลฯ ”


แต่ที่ถูกจับตามากที่สุดก็คือ “พรรคเพื่อไทย” ซึ่งถือเป็น “ตัวเต็ง” ที่จะได้ ส.ส.มากที่สุด ทว่า กำลังเผชิญศึกหนัก เพราะนอกจากต้องแข่งกับพรรคพลังประชารัฐ และพรรคเครือข่ายแล้ว ยังต้องเจอ “ศึกหารมวลชน” กับ “พรรคก้าวไกล” อีก ไหนจะ “พรรคไทยสร้างไทย” ของ “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” ที่ขนเด็กในสังกัดออกไปสถาปนาอาณาจักรใหม่ จนต้องออกมาดับกระแสเพื่อไม่ให้คนเข้าใจว่า “แบงก์ร้อย” ของพรรคเพื่อไทย

อย่างไรก็ดี แม้จะชัดเจนว่า พรรคเพื่อไทยใช้แต้มบุญเก่าของ “ทักษิณ ชินวัตร” เอาไปหากินแลกคะแนนเสียงของมวลชนอีกสมัย แต่ปัญหาใหญ่ที่ยังแก้ไม่ตกคือ ไร้ “แม่ทัพ” ในการทำศึก ซึ่งต้องยอมรับว่ามีผลต่อทั้งภายในพรรคเองและบรรดามวลชนที่ให้การสนับสนุน รวมทั้งเมื่อเปิดชื่อแล้วต้องสร้างความปริวิตกให้กับฝ่ายตรงข้ามได้

และเมื่อตรวจสอบแนวรบของค่ายนี้แล้ว พบว่า กำลังเกิด “ศึก 3 นางพญา” เพื่อช่วงชิงการนำในพรรคเพื่อไทย โดยกระทำการผ่าน “ร่างอวตาร” ซึ่ง “นางพญาคนแรก” ก็คือ “คุณหญิงอ้อ-พจมาน ชินวัตร” ส่วน “นางพญาคนที่สอง” ก็คือ “หญิงปู-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” และ “นางพญาคนที่สาม” ก็คือ “เจ๊แดง-เยาวภา วงศ์สวัสดิ์”

ที่น่าสนใจคือ ทั้ง 3 นางพญามีชื่อ “ว่าที่แคนดิเดตนายกฯ” ส่งเข้าประกวดทั้งสิ้น

สัปดาห์ก่อน มีคลิปหลุดกลางวันคล้ายวันเกิด “เฮียเกรียง” เกรียง กัลป์ตินันท์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ขาใหญ่เมืองอุบลฯ แกนนำภาคอีสาน ที่สนทนากับ “นายใหญ่” ผ่านวิดีโอคอล ขอให้ “หญิงอ้อ” พจมาน ดามาพงศ์ อดีตภริยานายใหญ่ มาถือธงนำ เพราะนาทีนี้เห็นว่า ไม่มีใครเหมาะสม

“เฮียเกรียง” รู้ทั้งรู้ว่า ขอในสิ่งที่ “นายใหญ่” ไม่มีทางให้ เพราะหาก “หญิงอ้อ” ต้องการเล่นการเมืองหน้าฉาก คงลงสนามไม่ต้องเข็น “น้องปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาเผชิญชะตากรรมเดียวกับสามี เหมือนการเลือกตั้งปี 2554

แต่จุดประสงค์ที่ขอ กับจุดประสงค์ที่ทำให้คลิปหลุดล่อนจ้อนว่อนโซเชียลของ “เสี่ยเกรียง” น่าจะหวังผลอย่างอื่น

ตามคิวที่มีการตั้งข้อสังเกต ใครจับโน้ตยัดใส่ปากใส่มือมาหรือไม่ เพราะดูไปดูมา ไม่ได้มีเจตนาอยากได้ “หญิงอ้อ” แต่ออกแนว “กันท่า” ใครมากกว่า

โดยเฉพาะในรายของ “เสี่ยเพ้ง” พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล แกนนำพรรคเพื่อไทย เจ้าของสถานที่จัดเลี้ยงวันนั้น ที่มีข่าวว่า ต้องการกัน “สายอื่น” ในพรรคชิงส่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แต่ต้องการให้อำนาจในการเคาะอยู่ในก๊กตัวเอง

อย่างที่รู้กัน ศึกวัดพลังภายในพรรคเพื่อไทยไม่ได้แพ้พรรคพลังประชารัฐ “ศึก 3 นางพญา” เข้มข้น ต้องการกระชับอำนาจภายในพรรคไว้กับตัวเอง เพื่อมีสิทธิ์เด็ดขาดในการเลือก และตัดสินใจในอนาคต

โดย “3 นางพญา” แห่งค่ายเพื่อไทย อันประกอบด้วย หนึ่ง “หญิงอ้อ” พจมาน ดามาพงศ์ อดีตภริยานายใหญ่ สอง “เจ๊แดง” เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวนายใหญ่ และ สาม “น้องปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ น้องสาวอีกคนของนายใหญ่

ทั้ง 3 นางพญา ต่างมีชื่อ “ว่าที่แคนดิเดตนายกฯ” ส่งเข้าประกวดเป็น “ร่างอวตาร” ของตนเองทั้งสิ้น

โดย “ยิ่งลักษณ์” ต้องการผลักดัน “เสี่ยนิด” เศรษฐา ทวีสิน เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ “แสนสิริ” ภาพลักษณ์นักธุรกิจประสบความสำเร็จ สเปกตรงกลางระหว่างคนรุ่นใหม่กับคนรุ่นเก่า มาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ทว่าถูกเสียงคัดค้านอื้ออึง แม้จุดยืนการเมืองจะชัดเจน วิสัยทัศน์ใช้ได้ แต่ก็ถือ “คนนอก” อยู่ดี

ขณะที่ “เจ๊แดง-เยาวภา” ซ้อใหญ่วังบัวบาน ต้องการเข็นสามีสุดที่เลิฟ “เฮียจืด” สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นผู้นำอีกสมัย หลังรอบก่อนอาภัพเป็นได้แค่สั้นๆ ไม่เคยได้สัมผัสบรรยากาศภายในทำเนียบรัฐบาลแม้แต่วินาทีเดียว

แต่อย่างที่รู้ทางการเมือง “สมชาย” อายุอานามตกยุคไม่เหมาะกับการเมืองสมัยนี้ แถมยังเหมือนของมีตำหนิ โอกาสกลับมายาก

ส่วน “หญิงอ้อ” แน่นอนว่า ไม่ยอมเปลืองตัวเองแน่ แต่ต้องการคนที่ไว้ใจได้มานำทัพพรรคเพื่อไทย ซึ่งก็มีสเปกในใจไม่ต่างจากอดีตสามีว่า ต้องเป็น “คนชินวัตร” เท่านั้น หากแต่ด้วยสเปกดังกล่าว ตัวเลือกจึงค่อนข้างจำกัดจำเขี่ย

ที่ดูจะมีทรงพอไปวัดไปวาได้ ก็มี “เขยพงศ์” ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ซีอีโอใหญ่แห่งเอสซีแอสเสท ธุรกิจของตระกูลชินวัตร ที่ล่าสุดเพิ่งให้สัมภาษณ์ว่า ยังโฟกัสอยู่กับงานในปัจจุบัน และไม่ได้เป็นสมาชิกเพื่อไทย

ใครได้ฟังน้ำเสียงของ “เขยทักษิณ” ต่างตีความไปในทางเดียวกันว่า “วันนี้ยังไม่ วันหน้าไม่แน่”

ติดก็แต่ยังไม่ได้ไฟเขียวจาก “หลังบ้าน” อย่างศรีภรรยา “คุณแม่เอม” พิณทองทา คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนกลางของ “ทักษิณ-พจมาน”

เมื่อรู้ว่า “นายหญิงใหญ่” ยังไม่มีตัวเลือกที่เหมาะสม ก็เลยมีชื่อ “เฮียวี” พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ ที่ถือเป็นคนในบ้านชินวัตร ให้มาเป็นผู้นำขัดตาทัพ แสตนด์บาย ไว้ก่อน

ว่ากันว่าผู้ที่เสนอชื่อ “ทวี” ก็เป็น “คุณแจ๋ว” จุฑารัตน์ เมนะเศวต เพื่อนเซนโยฯ ของ “หญิงอ้อ” ซึ่งที่ผ่านมาเป็นตัวแทนเดินงานในพรรคแทน “นายหญิงใหญ่” ทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ ทำให้บรรดาแกนนำ ส.ส และสมาชิกพรรค ต่างให้ความยำเกรงและให้ความเคารพอย่างสูง

ต่างฝ่ายต่างเตรียมส่งชื่อเข้าประกวด ไม่เท่านั้นยังไปใช้กระบวนการภายนอกกดดัน ดังจะเห็นจากที่ “สื่อบางค่าย” จู่ๆลุกขึ้นมาทำโพลเปรียบเทียบ “เสี่ยนิด-เศรษฐา” กับ “เสี่ยพงศ์-ณัฐพงศ์” ว่าใครเหมาะจะเป็นผู้นำพรรคเพื่อไทยคนต่อไป ปรากฎว่าฝ่ายแรกนำขาดเป็นเท่าตัว

เมื่อเห็นว่าต่างคนต่างเดินเกมแบบนี้ คงไม่ดีกับหมากกระดานใหญ่แน่ ชอตคลิปหลุดที่ชูชื่อ “พจมาน” จึงเป็นกลยุทธ์ในการ “กันท่า” เพื่อสยบทุกความเคลื่อนไหวของทุกสาย

ทั้งนี้ทั้งนั้น “ร่างอวตาร” ร่างต่อไปของ “เถ้าแก่ดูไบ” ก็คงไม่พ้น “วงศ์วานชินวัตร” เพราะแต่ละชื่อที่เชียร์กันมา ราคาอยู่ได้แค่ “ขัดตาทัพ” ไม่วิบวับโดนใจคน สู้คนในตระกูลไม่ได้

เพียงแต่คนในตระกูลก็ดูจะขาดๆ เกินๆ หันไปมอง “คุณชายโอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายหัวแก้ว ที่มีบทบาทสูงในทางการเมือง แต่ก็มีแผลเหวอะแวะ เหมาะแค่อยู่เบื้องหลังมากกว่า หากหลับหูหลับตาชูขึ้นมา เหมือนหลอกพามาขึ้นลานประหาร


ขณะที่ “คุณแม่เอม-พินทองทา” ที่ภาพลักษณ์ดูดีไร้ราคีทางการเมือง ก็ไม่พิศวาสวงจรน้ำเน่า ถึงขั้นยี้ด้วยซ้ำ ขนาดคอยกระตุกแขนสามี “เสี่ยพงศ์” ไม่ให้คล้อยตามคำเชียร์ของลิ่วล้อในพรรคเพื่อไทยที่ให้ขึ้นไปเป็นผู้นำ

ตัดตัวเลือกแล้ว จะเหลือแค่ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร น้องนุชสุดท้าย ที่อินการเมืองจัดเป็นทุน แถม “วงใน” ประเมินจุดเด่น โหงวเฮ้วได้ “พ่อแม้ว” มาเต็มๆ ไปไหนมาไหนไม่ต้องป่าวประกาศว่า ลูกเต้าเหล่าใคร

จัดแจงแต่งองค์เป็น “มาดามอุ๊งอิ๊ง” เสียหน่อย หาเสียงง่าย กระชากใจ “ติ่งทักษิณ” กว่าสมัย “อาปู-ยิ่งลักษณ์” เสียอีก

ฟันธงล่วงหน้า “อวตารทักษิณ” ยังไงก็ต้องเป็น “เลือดชินวัตร” แต่ตอนนี้ยังไม่จำเป็นต้องรีบเฉลยออกมา ถึงเวลาปี่กลองเชิด ค่อยเปิดตัวแกรนด์โอเพนนิ่ง

ช้าหน่อยแต่ “ยี่ห้อแม้ว” การันตีฮือฮาอยู่แล้ว

ตัดกลับมาที่ “พรรคก้าวไกล” แม้ดูเหมือนจะตกผลึกเป็นที่เรียบร้อยแล้วกับชื่อ “เสี่ยทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคคนปัจจุบัน ที่ประกาศขอท้าชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีแล้วแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ หลังจากวางโปรแกรมลงพื้นที่ถี่ยิบ ก่อนไปประชุมใหญ่พรรคที่ จ.ขอนแก่น โชว์วิชั่น ถึงขั้นประกาศเลือกตั้งคราวหน้า

ขอเป็น “ราชสีห์” เพื่อขอล้ม “ช้าง” รัฐราชการที่ทำตัวอุ้ยอ้าย กับ “เสือ” นอนกิน ที่หยุดการพัฒนาของประเทศ

ทว่า สปีชที่ถูกประดิดประดอยมาอย่างแยบยล กลับซ่อนกลคำสารภาพกลายๆ เอาไว้เหมือนกันว่า รอบหน้าอาจมี ส.ส. แต่คงไม่ถึงขั้นขึ้นแท่นนายกรัฐมนตรีได้ เพราะเส้นทางมันยังอีกยาวไกล

“เราเป็นพรรคมวลชนที่มีสมาชิกขับเคลื่อนมาไกลแล้ว สุดท้าย แพ้กี่ครั้งไม่เป็นไร ชนะครั้งเดียวพอแล้ว แล้วประเทศไทยจะเปลี่ยนไป”

“พิธา” เองรับรู้สภาพดีว่า ต่อให้ฮึกเหิม หรือมีความหวังมากแค่ไหน แต่ตราบใดที่พรรคก้าวไกลยังอยู่ภายใต้ร่มเงาของ “เสี่ยเอก” ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ “อ.ป๊อก” ปิยบุตร แสงกนกกุล สองแกนนำคณะก้าวหน้า ที่ติดหล่มกับภารกิจพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน ชูการเปลี่ยนแปลง โอกาสที่จะได้เปลี่ยนสถานที่ทำงานจากรัฐสภามาทำเนียบรัฐบาลเป็นไปได้ยาก

ขณะเดียวกัน แม้ “พิธา” จะทรงดี โปรไฟล์หนา นักเรียนนอก คนรุ่นใหม่ชอบในการพรรณนา แต่สองข้างทางสู่ตึกไทยคู่ฟ้าก็เตรียมไปด้วยขวากหนาม และทุ่นระเบิดที่รออยู่ข้างหน้า เพราะแต่ติดอยู่ตรงที่โดดเด่นอย่างไร ก็ไม่พ้นร่มเงา “เสี่ยเอก” ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ “อ.ป๊อก” ปิยบุตร แสงกนกกุล ที่จำเป็นต้องเฟดตัวออกนอกวงไปพะยี่ห้อ “คณะก้าวหน้า” และยังว้าวุ่นหมกมุ่นอยู่กับกฎหมาย “มาตรา 112”

ไม่เท่านั้นยัง “เสี่ยทิม” ยังมีชนักเก่าที่โดนตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้คือ เรื่องคดีความทำร้ายร่างกาย “อดีตภรรยา” แม้คดีจะจบไปแล้ว แต่ขุดขึ้นมาพูดเมื่อไรก็ได้แต่ส่ายหน้า หาทางแถไม่ออก เป็นประเด็นที่หยิบขึ้นมาคุ้ยได้ตลอดบนสนามการเมือง

อย่างไรก็ดีความเคลื่อนไหวของ “ก้าวไกล” ในการชู “เสี่ยทิม” และประกาศลุยพื้นที่อีสาน ก็ทำให้เกิดเอฟเฟกต์ทางการเมืองพอสมควร แต่ไม่ใช่กับฝ่ายรัฐบาลผู้กุมอำนาจ หากแต่เป็น “พรรคเพื่อนบ้าน” ฝั่งเดียวกัน


โดยเฉพาะคำประกาศของพรรคก้าวไกลที่ว่า “ขอเปลี่ยนอีสานจากสีแดงเป็นสีส้ม”

ทำเอา “พรรคเพื่อไทย” อยู่ไม่ได้ ต้องลนลานผุดแคมเปญ “พรุ่งนี้เพื่อไทย เพื่อชีวิตใหม่ของประชาชน” ขึ้นคัทเอาท์แปะข้างรถสองแถวตระเวนไปทั่วเมืองแก่นนคร ในวันที่พรรคก้าวไกลประชุมใหญ่พอดี

โดนเตรียมตัดริบบิ้นปล่อยของกันที่การประชุมใหญ่พรรคเพื่อไทย ในวันที่ 28 ต.ค.ที่จัดที่ จ.ขอนแก่น เช่นกัน

ออกอาการชัดว่า เลือกตั้งหนหน้า “ค่ายเพื่อไทย” ต้องเจองานหนัก นอกจากต้องแข่งกับพรรคพลังประชารัฐ และฝ่ายกุมอำนาจแล้ว ยังต้องเจอ “ศึกหารมวลชน” กับพรรคก้าวไกลอีก

แม้ยังไม่เห็นไส้ในของแคมเปญ “พรุ่งนี้เพื่อไทย เพื่อชีวิตใหม่ของประชาชน” แต่ก็ต้องสะดุดตากับการเน้น “สีแดง” ที่มองไม่พ้นบลัฟกลับ “ค่ายสีส้ม” ที่คืบคลานมาชิงพื้นที่-แฟนคลับเท่านั้น

ดูดีๆ แคมเปญรอบนี้ของพรรคเพื่อไทย เหมือนจะไม่ได้มาแข่งกับพรรคพลังประชารัฐคู่แข่งตัวฉกาจในสนามเลือกตั้งครั้งหน้า แต่ดูไปดูมาจะให้น้ำหนักกับเกทับพรรคก้าวไกลเสียด้วยซ้ำ ตั้งแต่การที่ตั้งใจปล่อยในวันเดียวกับที่พรรคก้าวไกลไปจุดพลุที่ จ.ขอนแก่น เหมือนขอแบ่งซีน

เพราะต้องยอมรับว่าที่ผ่านมา “ค่ายดูไบ” ดูจะฟอร์มแผ่วไม่สมกับแกนนำฝ่ายค้าน ปล่อยให้ “ค่ายสีส้ม” โชว์ฟอร์มโดดเด่นนำหน้าไปหลายช่วงตัว เมื่อจวนตัวก็เลยต้องหันกลับมาขายของเก่าอย่าง “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ก่อนหน้าก็อวตารมาเป็น “โทนี่ วู้ดซัม” ให้ “กลุ่มแคร์” แห่ในคลับเฮาส์ทุกสัปดาห์

ยิ่งชัดเจนกับการต้องให้ “ทักษิณ” เป็นคนเจิมคำว่า “พรรคเพื่อไทย เพื่อชีวิตใหม่ของประชาชน” ด้วยลายมือตัวเอง เพื่อโปรโมตแคมเปญ

รวมไปถึงโลโก้พรรคสีแดงฉาด ที่ “เสี่ยอ้วน” ภูมิธรรม เวชชยชัย มือขวา “นายใหญ่” ทวิตเตอร์ เหน็บบางพรรค “ยืนยันว่ามีพรรคเดียว ไม่มีแตกแบงก์ร้อยแบงก์พัน…ส่งผู้สมัครพรรคเดียว 400 เขตกับ 100 ปาร์ตี้ลิสต์..ไม่มีสาขาใดๆ ทั้งสิ้น ยืนยันหนักแน่นครับ..ไม่มีอีแอบ”

ถอดรหัสคำ “เสี่ยอ้วน” ต้องการพุ่งไปที่ศิษย์เก่าพรรคเพื่อไทยที่ออกไปตั้งรกรากใหม่ เพื่อไม่ให้คนเข้าใจผิดว่า พรรคเพื่อไทย มีสาขา

องคาพยพเก่าๆ กับพวกฐานเสียงกลุ่มเดียวกัน เป็นใครไปไม่ได้ งานนี้ต้องการกระแทกหมัดใส่ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคไทยสร้างไทย ที่ขนเด็กในสังกัดออกไปสถาปนาอาณาจักรใหม่ หนำซ้ำยังขนนโยบายที่ทำไว้ในแบรนด์เพื่อไทยไปด้วย

ก็เลยต้องมีคิวกระแทกหมัด ไม่ให้คนเข้าใจว่า เป็น “แบงก์ร้อย” ของพรรคเพื่อไทย

ขณะที่การเปลี่ยนพื้นที่โลโก้เป็นสีแดงล้วน กับแคปชั่นแสบๆ ไม่มีใครเป็นอีแอบ ช็อตนี้ “เสี่ยอ้วน” น่าจะตั้งใจสอยพรรครุ่นหลาน ที่ชอบมาดิสเครดิตพรรคเพื่อไทยว่า เป็นพวกปอดแหก สู้แค่ครึ่งซอย รอบนี้เลยชูธงกันให้ชัดๆ ว่า “สีแดงเพียวๆ”

ส่วน “ค่ายพลังประชารัฐ” แม้ร่องรอยความขัดแย้งใน “รัฐบาลลุง” ยังมีให้เห็นผ่านบรรยากาศการลงพื้นที่ต่างจังหวัดของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ดูไม่คึกคักเท่าที่ควร เมื่อเทียบกับหมายของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยามลงพื้นที่

แต่ก็ไม่ใช่มาตรวัดตัดสินว่า ใครถือไพ่เหนือกว่าในพรรคพลังประชารัฐยามนี้

เกมชิงอำนาจในพรรคแกนนำรัฐบาล ไม่ได้ชี้ขาดกันที่ปริมาณ แต่ฎีกากันที่คุณภาพ ว่ากันด้วย “สายป่าน” ล้วนๆ โดยเฉพาะ “ทีมจันทร์โอชา” ที่ “แบ็ก” แข็งโป๊ก เป็นประเภท “น้อยแต่มาก”

หลังผ่านเหตุการณ์ “กบฎผู้กอง” มานานเกินเดือน ความพยายามกระชับอำนาจของ “ทีมลุงตู่” ภายในพรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้ล้มเลิก แต่ยังเคลื่อนไหวและคืบคลานจวนจะ “มิสชั่นคอมพรีท” แล้วด้วยซ้ำ ภายใต้เบื้องหน้าที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรก็ตาม

ด้วยตัวละครที่เป็น “โจทก์สำคัญ” อย่าง “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ ก็ยังนั่งค้ำเก้าอี้เลขาธิการพรรค หรือ “เจ๊แหม่ม” นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ อดีต รมช.แรงงาน ก็ยังผลุบโผล่ข้างกาย “หัวหน้าป้อม” ไม่ไปไหน

ทว่า ความสั่นเทาและความหวาดกลัวของฝ่ายที่กำลังจะสูญเสียอำนาจในพรรค ปรากฏเด่นชัดจากการต่อต้านชื่อของ “เสี่ยตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ทั้งที่เป็นรุ่นน้อง “เซนต์คาเบรียลคอนเนกชั่น” ของ “บิ๊กป้อม” แท้ๆ

นั่นเพราะในพรรคพลังประชารัฐ ต่างรู้ตื้นลึกหนาบาง ว่าการตั้ง “เสี่ยตุ๋ย” เป็นที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้แค่เป็นโซ่เชื่อมระหว่าง “ทีมจันทร์โอชา” กับ “ทีมป่ารอยต่อฯ” หากแต่เป็นปฏิบัติการ “กระชับอำนาจ” แบบสมบูรณ์แบบของคนบน “ตึกไทยคู่ฟ้า”

ต้องไม่ลืมว่า “เสี่ยตุ๋ย” ไม่ได้เป็นแค่รุ่นน้องเซนต์คาเบรียลของ “บิ๊กป้อม” เท่านั้น แต่ยังเป็นเพื่อนร่วมรั้วเซนต์คาเบรียลของอดีตนายทหารใหญ่ที่ชื่อ “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีตผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่ไม่ใช่แค่รุ่นไล่กัน แต่สนิทสนมกลมเกลียวกว่าที่มองเห็น

ทุกคนรู้ว่า “บิ๊กแดง” คือ น้องรักของ “บิ๊กตู่” ในขณะที่ “บิ๊กตู่” ก็คือ ไอดอล พี่ชายสุดที่รัก “บิ๊กแดง” หากพี่ชายเดือดร้อนพร้อมจะปกป้องเป็นคนแรกๆ

ดังนั้น “เสี่ยตุ๋ย” จึงไม่ได้เข้าชายคาพรรคพลังประชารัฐ เพราะ “บิ๊กตู่” สั่ง หรือ “บิ๊กป้อม” ขอให้มาช่วยอย่างที่คิด

เมื่อเงาที่ยืนข้างหลัง “เสี่ยตุ๋ย” ไม่ใช่ “บิ๊กตู่” แต่เป็นผู้ที่ “ธรรมนัส” ให้ความเกรงอกเกรงใจยิ่งกว่า ก็เชื่อว่าไม่ช้าไม่นานก็จำใจต้องเก็บฉากถอยออกจากเก้าอี้เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เพียงแต่ขอ “ทางลง” ที่ “สมูธ” ที่สุด เพื่อให้มีที่ยืนต่อไปได้ หลังมีข่าวหนาหูว่า ถูกใส่ชื่อไว้หัวแถวของ “บัญชีดำ”

และเมื่อจัดการปัญหาภายใน “ค่ายพลังประชารัฐ” แล้วเสร็จ ที่คาดว่าจะยังใช้เป็นพรรคการเมืองหลักในการสู้ศึกเลือกตั้งใหญ่ครั้งหน้า ก็คงไม่มีอะไรผิดพลาดที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะยังเป็นแคนดิเดตเบอร์ 1 ของ “ฝ่ายอำนาจ” ในการช่วงชิงเก้าอี้นายกฯต่ออีกสมัยแน่นอน

ดังที่ “บิ๊กป้อม” พูดย้ำหลายครั้งตลอดช่วงเดือนที่ผ่านมา

สอดรับกับผล “ซูเปอร์โพล” ที่ระบุว่ามีการสำรวจภาคสนาม เรื่อง ประเมินคู่ชิงนายกรัฐมนตรี ปรากฎว่า ผลประเมินความเหมาะสมเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอันดับแรกได้แก่ ส่วนใหญ่หรือ 68.2% ยังคงเป็น “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา”

ด้วยเหตุผลประกอบที่ว่า “จงรักภักดีต่อสถาบันหลักของชาติ อดทน อดกลั้น มุ่งมั่นทุ่มเททำงานให้ประเทศชาติและประชาชนต่อเนื่องมา ปรับปรุงตนเอง กำลังทำงานต่อเนื่องฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศแก้ปัญหาปากท้องให้กลับมาเปิดประเทศได้ ยังไม่พบปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นที่รุนแรงเอื้อต่อผลประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง ไม่เหมือนอดีตนายกรัฐมนตรีที่มีปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นเอื้อผลประโยชน์ต่อครอบครัวและพวกพ้อง เป็นต้น”

เป็นไปตามที่คาดว่า จะมี “กระบวนการ” ปั่นจุดขาย “ประยุทธ์” เป็น “ผู้นำเชิงสัญลักษณ์” ของกลุ่มปกป้อง “สถาบันเบื้องสูง” ของ “ทีมเหลืองอ๋อย” ที่เตรียมผนึกกำลังสร้างกระแสหนุน “ลุงตู่” คัมแบกมาอีกหน

ขณะที่อีกพรรคหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อยก็คือ “พรรคประชาธิปัตย์” ที่ “เสี่ยอู๊ด” จุรินทร์ ลักษณะวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรค รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ ดูจะโหมกระพือให้เกิดกระแสเพื่อเป็นคู่ท้าชิงนายกฯ สมัยหน้า ราวกับรู้ตัวว่า กำลังจะถูก “พี่มาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กลับมาทวงตำแหน่งคืนอย่างไรอย่างนั้น แต่ก็ดูเหมือนว่า จะมิได้สร้างความหวั่นวิตกให้กับพรรคการเมืองอื่นๆ มากนัก แถมไม่แน่นักว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าจำนวน ส.ส.จะลดลงไปกว่าเดิมอีกหรือไม่อย่างไร

เห็นสภาพการเมืองไทยในเวลานี้แล้ว ก็คงต้องใช้คำว่า ไม่มีอะไรใหม่ เพราะแทบจะมองไม่เห็น “ความน่าสนใจ” อะไรมากนัก ด้วยตัวละครก็ยังคงเป็น “คนหน้าเดิมๆ” เว้นเสียแต่กับ “พรรคเพื่อไทย” ที่เตรียม “รื้อใหญ่” พร้อมเปิดตัว “แม่ทัพใหม่” เพื่อทำศึกครั้งสำคัญและสังคมกำลังลุ้นระทึกว่า คนๆ นั้นคือ “ใคร”.




กำลังโหลดความคิดเห็น