xs
xsm
sm
md
lg

เรามาร่วมกอบกู้โลก จากหายนะกันดีกว่า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร


เจ้าชายวิลเลียม ดยุกแห่งเคมบริดจ์
เป็นการประทานสัมภาษณ์ขององค์รัชทายาทอันดับสองแห่งราชบัลลังก์อังกฤษ ซึ่งแพร่ภาพทางบีบีซีเมื่อวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา ที่ทรงพูดถึงปัญหาโลกร้อนและสิ่งแวดล้อมเป็นพิษอย่างแสนสาหัสบนโลกนี้ จนแทบจะแก้ไขไม่ได้ และทำให้มหาเศรษฐีของโลกกำลังมีแฟชั่นใหม่ที่ไปต่อคิวกัน เพื่อขึ้นยานอวกาศไปล่องท่องอวกาศ เตรียมทางสำหรับจะเอาตัวรอด-บินออกไปจากโลกนี้-ทิ้งปัญหาโสมมของโลกนี้ (ที่ว่ากำลังเกินแก้) เพื่อไปหาโลกใหม่ (อาจเป็นดาวอังคาร หรือดาวอื่นๆ)

เพราะปัญหาบนโลกนี้มันกำลังเกินจะแก้ไขแล้ว ที่เราจะต้องปรับตัวเพื่ออยู่กับอุณหภูมิที่ 45-50 องศา แม้ในเขตภูมิอากาศแบบอบอุ่นเช่น ทวีปอเมริกาเหนือและใต้, ทวีปยุโรป และแม้แต่ทวีปเอเชียและออสเตรเลีย

ความรุนแรงสุดขีดของภูมิอากาศ มาพร้อมกับระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้น หลังน้ำแข็งที่ขั้วโลกละลายในอัตราและบริเวณที่กว้างขวางน่ากลัวยิ่ง และเมืองชายทะเลทั้งหลายกำลังจมน้ำ แม้แต่กรุงเทพฯ ก็กำลังเห็นอยู่ตำตา ไม่ต้องไปพูดถึงเกาะสวรรค์อย่างมัลดีฟส์ หรือเกาะบอร์เนียวของอินโดนีเซีย รวมทั้งเกาะแมนฮัตตันที่เมืองนิวยอร์กกำลังจมน้ำ และในที่สุดก็น่าจะถึงคราวของเกาะอังกฤษเช่นกัน

เจ้าชายวิลเลียม ดยุกแห่งเคมบริดจ์ ได้ทรงวางแผนร่วมกับท่านเซอร์เดวิด (David Attenborough-นักธรรมชาติศึกษาคนดังของโลก) เมื่อปีที่แล้วนี้เอง ขณะที่โรคมรณะโควิดกำลังระบาดก่อนการค้นพบวัคซีน และได้มีการประกาศปิดบ้านปิดเมืองเพื่อสกัดการระบาด-เริ่มที่จีน และต่อมาได้ทยอยปิดประเทศกันแทบทุกประเทศ-จนทำให้ถนนหนทางเงียบกริบ เมื่อทุกคนต้องอยู่แต่ในบ้านของตน-ไม่มีการเดินทางระหว่างประเทศ-โรงงานก็ปิดกันหมด

เกิดปรากฏการณ์ที่ธรรมชาติฟื้นคืนกลับมา โดยมีท้องฟ้าสวยใส นกร้องไพเราะ (เพราะไม่มีฝูงเรือบินมาบินแข่ง) และสัตว์น้ำเช่น ปู, ปลาออกมาเริงร่า

และปีที่แล้วก็เป็นปีที่ทูลกระหม่อมปู่ของพระองค์คือ ท่านดยุกแห่งเอดินบะระได้สวรรคต ทำให้เตือนใจถึงมรดกที่ท่านทรงสร้างไว้ นั่นคือ ท่านเป็นผู้ที่รักธรรมชาติอย่างยิ่ง และทรงเข้าใจถึงความสัมพันธ์ของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ท่านดยุกจบการศึกษาจากโรงเรียนนายเรืออังกฤษด้วยคะแนนเป็นที่หนึ่งของชั้น ท่านทรงปราดเปรื่องทางด้านวิทยาศาสตร์ และทรงสอนพระโอรสและพระธิดาให้เข้าใจถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อมที่มีต่อมวลมนุษย์...ได้ทรงริเริ่มงานหลายอย่างที่จัดฝึกฝนเยาวชนให้ตระหนักถึงสิ่งแวดล้อม...และได้ทรงก่อตั้งกองทุนพิทักษ์สัตว์ป่าโลก (World Wildlife Fund)

ดังที่ดยุกแห่งเคมบริดจ์ได้ทรงตรัสถึงในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ว่า ทูลกระหม่อมปู่ทรงชี้และพูดถึงภาวะโลกร้อนก่อนที่โลกจะเพิ่งเริ่มมาห่วงใยกันขณะนี้

ดยุกแห่งเคมบริดจ์ทรงเล่าว่า สมเด็จพระบิดาของท่านคือ เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ทรงรับช่วงเรื่องพิทักษ์ความสมดุลทางธรรมชาตินี้ต่อมาจากทูลกระหม่อมปู่ และทรงเขียนลงนสพ.ที่ท่านห่วงใยไม่เห็นด้วยกับการพัฒนา GMO ในพืชพันธุ์ต่างๆ ซึ่งอาจส่งผลระยะยาวต่อชีวิตมนุษยชาติของเรา

ดยุกแห่งเคมบริดจ์จึงจับมือกับท่านเซอร์เดวิด เพื่อพยายามกอบกู้โลกที่กำลังเผชิญกับหายนะวิบัติจากการกระทำของมวลมนุษย์เอง ที่ทำลายสิ่งแวดล้อมในอัตราเร่งชนิดจะทำให้โลกเราอยู่ต่อไปไม่ไหวแล้ว-แต่เราก็ได้เห็นในปีที่แล้วว่า ถ้าอัตราเร่งทำลายนั้นมีการชะลอลง...โลกก็อาจยังพอมีความหวังที่จะกอบกู้ให้กลับมาอยู่กันต่อไปพอไหว

ท่านพูดถึงว่า ถ้าไม่มาช่วยกันกอบกู้โลกครั้งนี้ ก็กำลังจะสายไป-จากปัญหาไฟป่า (แทบทุกจุดในโลก) ขนาดใหญ่-น้ำท่วม-แม่น้ำและทะเลที่เน่าเฟะจนปะการังตายเปลี่ยนสมดุลอาหารของสัตว์น้ำ-รวมทั้งอาหารทะเลที่เป็นพิษต่อมนุษย์มากขึ้นทุกวัน

ท่านเป็นห่วงลูกหลานของทุกคน (ท่านมีโอรสธิดา 3 องค์) ที่อีก 30 ปีจะไม่มีโอกาสได้รู้จักโลกที่สวยงาม-และมีชีวิตที่ลำบากจากอาหารพิษรอบตัว

ท่านเล่าว่า เจ้าชายจอร์จ (โอรสองค์โต) ขณะนี้ไปโรงเรียนชั้นเด็กเล็ก ซึ่งต้องมีฝึกให้เดินเก็บเศษขยะตามท้องถนน แต่เจ้าชายองค์น้อยได้ทำท่าฉงนถามท่านดยุกผู้บิดาว่า ทำไมเพิ่งเก็บเศษขยะกระดาษบนถนนไปเมื่อวานนี้ แล้ววันนี้ก็ต้องมาเก็บอีก ไม่รู้จักหมดสิ้น?...ทำไมผู้คนถึงทิ้งลงถนนได้ขนาดนี้? (อย่างไร้จิตสำนึก)

จึงนำมาสู่การกระทำ (ดีกว่าคำพูดที่สวยหรู) รวมทั้งท่านแขวะว่า แม้แต่การประชุม COP26 ที่กลาสโกว์ในเดือนหน้านี้ จะมีแต่คำพูดพรั่งพรูออกมาแข่งขันกันมากมาย (แบบที่เด็กหญิงเกรตา ทุนเบิร์ก บอกว่า-บลา-บลา-บลา-นั่นแหละ) นั่นคือ-ดยุกแห่งเคมบริดจ์ได้ร่วมกับท่านเซอร์เดวิด จัดตั้งรางวัลสำหรับประกวดโครงการกอบกู้โลก ที่เรียกว่า Earthshot (น่าจะแปลว่า มุ่งเข็มตรงมาที่โลกของเรา-ให้ล้อกับคำว่า Moonshot หรือมุ่งเข็มตรงไปยังดวงจันทร์ ที่ปธน.เคนเนดี ใช้เมื่อ 60 ปีที่แล้ว-ขณะแข่งขันด้านแสนยานุภาพกับโซเวียต)

รางวัลโครงการดีเด่นนี้จะมี 5 ด้านในการกอบกู้โลก โดยปีนี้เป็นปีแรก ซึ่งกำลังปรากฏเป็นข่าวเด่นขณะนี้ รางวัลละ 1 ล้านปอนด์ (ประมาณเกือบ 50 ล้านบาท) และมีโครงการดีๆ มากเช่น การลดการทิ้งขยะจากอาหารที่อิตาลี เพื่อนำผัก ผลไม้ที่อาจไม่สดสวยมารับประทานกันในราคาที่ถูกลง เป็นต้น และมีกลุ่มคนไทยที่ได้รับรางวัลในปีแรกนี้ด้วย

น่าจะถึงเวลามาฉุกคิดว่า มหาเศรษฐีทั้งหลายที่มองว่าตนเองประสบความสำเร็จแล้ว ยังต้องการความตื่นเต้นเร้าใจ ซึ่งเดิมอาจเป็นการขับขี่รถหรูแพงหูฉี่ด้วยความเร็วมาก หรือขับเรือบินหรือคอปเตอร์ส่วนตัว-น่าจะหันกลับมาช่วยกอบกู้โลกของเรา-ดีกว่าอยากบินออกไปนอกโลก แข่งกันท่องเที่ยวอวกาศด้วยราคาแพงลิบ แล้วทิ้งปัญหาโลกร้อนให้ลูกหลานเราต้องทนทุกข์ทรมานจนโลกแทบอยู่ไม่ได้อีกต่อไป (การบินขึ้นสู่อวกาศ จะใช้พลังงานสร้างคาร์บอนสูงมาก!)

หรือหันกลับมาหาวิธีลดการสร้างคาร์บอนจากโรงงาน และกิจการธุรกิจของพวกท่านลงก็จะดียิ่ง


กำลังโหลดความคิดเห็น