ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ก้าวเข้าพรรคเต็มตัว สำหรับ “เสี่ยตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง หลัง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จัดการเซ็นแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค คู่กับสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม
แม้เป็นตำแหน่งลอยๆไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรค แต่ในทางการเมืองถือเป็นเก้าอี้แนบชิดหัวหน้าพรรคในฐานะกุนซือส่วนตัว
โดยเฉพาะในราย “เสี่ยตุ๋ย” ที่ถือว่ามีนัยยะทางการเมืองเลย เพราะก่อนหน้านี้นั่งช่วยงาน “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม อยู่ที่ตึกไทยคู่ฟ้า เป็นที่ปรึกษานายกฯที่มีบทบาทเยอะ ไม่ได้ตั้งขึ้นมาแค่ปูนบำเหน็จ กินเงินประจำตำแหน่งไปวันๆ
นับตั้งแต่หันหลังให้พรรคประชาธิปัตย์ แล้วถูกบิ๊กตู่ ดึงมาสู่อ้อมกอด ตั้งแต่ปี 62 “เสี่ยตุ๋ย” มักได้รับมอบหมายให้ทำงานสำคัญๆเพียบ ไม่ว่าจะเป็นหัวเรือใหญ่จัดทำแผนฟื้นฟูบริษัทการบินไทย เรื่อยไปถึงการนั่งเป็นประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
การแต่งตั้งขึ้นเป็นที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคของ “บิ๊กป้อม” ครั้งนี้ หลายฝ่ายมองว่าน่าจะถูกส่งมาเป็นสายให้กับ “บิ๊กตู่” ช่วยเป็นหูเป็นตาภายในพรรค
แต่หากไปรื้อโปรไฟล์ของ “เสี่ยตุ๋ย” ไม่น่าจะเป็นสาย “บิ๊กตู่” โดยตรงเพียงคนเดียว เพราะก็มีความสนิทสนมกับ “บิ๊กป้อม” ระดับหนึ่ง ในฐานะเซนต์คาเบรียลคอนเนกชั่น สายสัมพันธ์รั้วสถาบันเดียวกันเข้มข้นอีกคน
นอกจากนี้ เสี่ยตุ๋ย กับ บิ๊กป้อม ยังร่วมคณะรัฐมนตรีเดียวกันมาแล้ว สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยขณะนั้น เสี่ยตุ๋ย เป็นรมว.ยุติธรรม ขณะที่บิ๊กป้อม เป็นรมว.กลาโหม
อีกทั้งภายหลังการเลือกตั้ง ที่พรรคประชาธิปัตย์พลาดท่า แพ้ย่อยยับ “เสี่ยตุ๋ย” ก็เป็นตัวละครสำคัญ ที่เข้าท้าชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่แข่งกับ “อู๊ดด้า” จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์มาแล้ว แต่ปราชัย เพราะสู้สายนายหัวเมืองตรัง ชวน หลีกภัย ไม่ได้
ท่ามกลางกระแสข่าวตอนนั้นว่า มีคนนอกพรรคให้การหนุนหลัง “เสี่ยตุ๋ย” เพื่อต้องการจะล้างขั้วอำนาจเก่า เปลี่ยนโฉมพรรคประชาธิปัตย์ใหม่ ให้หลุดจากวังวนผู้มากบารมี แต่ไม่ประสบความสำเร็จ
ขณะที่ “เสี่ยตุ๋ย” เองก่อนออกจากพรรคประชาธิปัตย์ก็ทิ้งบอมบ์ลูกใหญ่ใส่พรรคเอาไว้เหมือนกัน หลังบอกว่า มีผู้ใหญ่มากบารมีแทรกแซงการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค จนเป็นเหตุให้ตนเองพ่ายแพ้ ก่อนที่จะถูก “นายหัวชวน” กรีดกลับยับยู่ยี่ว่า บุคคลภายนอกพยายามจะแทรกแซงพรรคด้วยการใช้เงิน
คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก ไม่นานหลังความชอกช้ำจากบาดแผลศึกเลือกตั้งหัวหน้าพรรคสีฟ้า “เสี่ยตุ๋ย” ตัดสินใจหันหลังให้กับพรรคเก่าแก่ที่เคยอยู่มาเป็นสิบๆ ปี ด้วยการลาออกจากส.ส.บัญชีรายชื่อ และสมาชิกพรรค เรียกว่า จบไม่สวย
แต่กลายเป็นพวกคนไร้สังกัดไม่กี่ชั่วโมง “บิ๊กตู่” ก็รีบช้อนเข้ามาอยู่ด้วยทันที ด้วยการแต่งตั้งเป็นที่เป็นที่ปรึกษานายกฯ ท่ามกลางการยุยงของน้องรัก เสี่ยตุ๋ย อย่าง “เสี่ยตั้น” ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ขณะนั้น ที่ยกก๊วนจากพรรคพระแม่ธรณีบีบมวยผมมาซบกับพรรคพลังประชารัฐก่อนหน้าแล้ว
ขณะเดียวกัน ก็มีข่าวออกมาตลอดว่า “เสี่ยตุ๋ย” เตรียมตัวจะสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มา กระทั่งผ่านไปเกือบ 2 ปี เพิ่งจะสมัคร พร้อมกับยกระดับเป็นถึง “กุนซือบิ๊กป้อม”
อย่างไรก็ตาม การมาของ “เสี่ยตุ๋ย” ยังมาในช่วงเวลาที่ความสัมพันธ์ของ 2ป. กระท่อนกระแท่น และท่ามกลางข่าว 2 ป. ป.ประยุทธ์ และ ป.ป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ต้องการจะคืบคลานเข้ามาภายในพรรคพลังประชารัฐ ก็ทำให้ถูกมองว่า การแต่งตั้ง เสี่ยตุ๋ย เข้ามาครั้งนี้ เพื่อเชื่อมระหว่าง 2 ป. นอกพรรค กับ 1 ป.ในพรรค
“เสี่ยตุ๋ย” เป็นตัวละครที่ไม่ต้องสร้างความอึดอัดใจให้กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะได้รับความไว้วางใจจาก “บิ๊กตู่” และสายสัมพันธ์เซนต์คาเบรียลคอนเนกชั่นกับ “บิ๊กป้อม” สามารถเชื่อมระหว่างตึกไทยคู่ฟ้ากับพรรคพลังประชารัฐได้เป็นอย่างดี
และการมาของ “เสี่ยตุ๋ย” ครั้งนี้ ไม่ใช่แค่ภารกิจ ตัวเชื่อม แต่อาจหมายถึงการเตรียมพร้อมสำหรับศึกเลือกตั้งครั้งหน้า ในสนามเลือกตั้งกทม. เพราะปัจจุบันส.ส.กทม.ภายในพรรค แทบจะเป็นผีหัวขาด หลัง “ณัฏฐพล” และ “พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์” กระเด็นออกจากวงโคจรไปแล้ว
“เสี่ยตุ๋ย” เป็น ส.ส.กทม.เก่า สมัยอยู่พรรคประชาธิปัตย์ และยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับส.ส.กทม. ตลอดจนส.ส.ภาคอื่นๆ ของพรรคประชาธิปัตย์อีกด้วย อาจจะได้รับมอบหมายให้เป็นหัวเรือใหญ่เมืองกรุงในการเลือกตั้งครั้งหน้า
ดีไม่ดี การเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐเต็มตัวในตอนนี้ อาจได้ขยับสู่กว่าที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค แต่อาจกระโดดข้ามไปเป็นถึงรัฐมนตรีก็ได้ เพราะไม่ใช่คนนอกอีกต่อไป
ที่สำคัญ เป็นคนในพรรคที่ “บิ๊กตู่” รับได้ ไม่รู้สึกว่าสูญเสียโควตากลางไป
2 เก้าอี้รัฐมนตรีที่ว่าง เก้าอี้หนึ่งเดิมเป็นโควตาของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ซึ่งยังไม่รู้ว่า จะเอาใครเข้ามา โดยแคนดิเดตลำดับหนึ่งของพรรคตอนนี้คือ “ไผ่ ลิกค์” ส.ส.กำแพงเพชร และรองเลขาธิการพรรค คนในขุมข่าย ร.อ.ธรรมนัส อยู่แล้ว
แต่เก้าอี้ของ “นฤมล” ตัวนี้ เป็นเก้าอี้ที่พิเศษที่เปิดให้โดยเฉพาะ ดังนั้น เป็นสิทธิ์ของ “บิ๊กตู่” ที่จะดึงกลับ ไม่แน่ว่า “เสี่ยตุ๋ย” อาจถูกรางวัลที่หนึ่ง หยิบชิ้นปลามันไปครองก็ได้
แรงต้านน้อยกว่ารอบก่อนแน่ เพราะ “เสี่ยตุ๋ย” ไม่ใช่คนนอกพรรค แต่เป็นถึงที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ที่อีกคนคือสมศักดิ์ ก็เป็นระดับรัฐมนตรีเหมือนกัน