xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“เพื่อไทย” ไม่เถียงน้ำเลี้ยงม็อบ? “เจ๊แขก” หน้าแหกดรามาน้ำพริก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


แขก คำผกา” ลักขณา ปันวิชัย
ป้อมพระสุเมรุ

ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ปฏิเสธไม่ได้ว่า “น้ำเลี้ยง” กับ “ม็อบการเมือง” เป็นของคู่กัน

ครั้นจะพูดสวยหรูว่า ขับเคลื่อนกันด้วย “อุดมการณ์” ก็เป็น “โลกในอุดมคติ” มีม้ายูนิคอร์นวิ่งในทุ่งลาเวนเดอร์มากเกินไป

เช่นเดียวกับการเคลื่อนไหวของ “ม็อบ 3 นิ้ว” ที่เป็นการรวมตัวกันของหลากหลายม็อบ หลากหลายเครือข่ายที่มีจุดร่วมในการโค่นล้มรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ร่วมกัน

กระทั่งประกาศจุดยืนหลายต่อหลายครั้ง ก็เลย “ทะลุเพดาน” ไปไกลถึงกระทบ “สถาบันพระมหากษัตริย์”

การรวมตัวของ “ม็อบ 3 นิ้ว” หรือกลุ่มราษฎร แรกเริ่มเดิมทีอาจพอเชื่อได้ว่าเป็นไปตาม “ธรรมชาติ” ด้วยความอึดอัดต่อ “ระบบ” ของประเทศ และความไม่พอใจต่อรัฐบาลเป็นทุน

แต่พอม็อบไปม็อบมา ชักเริ่มมีกลิ่น “ฝ่ายการเมือง” เข้าไปคลุกวงในด้วย มีการรับส่งลูกกันระหว่างม็อบกับพรรคการเมืองในสภาฯ ให้เห็นอยู่เนืองๆ

เนื้อหาปราศรัยของ ส.ส.ในสภาฯ กับแกนนำบนเวทีม็อบ แทบถอดกันมาจากสคริปต์เดียวกัน
จนผูกโยงกันไปว่า พรรค “อนาคตใหม่” ก่อนถูกยุบ มาจนถึง “ก้าวไกล” น่าจะเป็นเนื้อเดียวกันกับ “ม็อบ 3 นิ้ว” ส.ส.หลายคนไปไล่ประกันตัวแกนนำ-แกนตามม็อบ จนเต็มวงเงินของตำแหน่ง ส.ส.

และอาจถึงขั้นเป็น “สปอนเซอร์” ให้ด้วย เพราะมีหัวขบวนเป็น “เศรษฐีใหญ่” แต่ก็เป็นเพียง “ข้อกล่าวหา” ที่ไม่มี “ใบเสร็จ” ยืนยัน

ขณะที่อีกพรรคอย่าง “ค่ายเพื่อไทย” ที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นเนื้อเดียวกันกับ “ม็อบเสื้อแดง” อย่างแยกกันไม่ออก ก็ดูจะค่อนข้างเว้นระยะห่างจาก “ม็อบ 3 นิ้ว” พอสมควร

ด้วยประเด็นเรียกร้องเลยเถิดไปไกล อันไม่เป็นผลดีกับความฝันของ “นายใหญ่” ที่อยากกลับประเทศมาเกินกว่า 10 ปี อีกทั้งยังเข็ดขยาดกับชะตากรรม “ยุบพรรค” ขืนแหย่เท้าเข้าไปยุ่งกับม็อบที่ถูกตราหน้าว่าเป็น “แก๊งล้มเจ้า” มีหวังต้องเปลี่ยนชื่อพรรคใหม่อีกคำรบ

กฎหมายพรรคการเมืองมี “ข้อห้าม” ทั้งเรื่องการสนับสนุนการกระทําการอันเป็นการก่อกวน หรือคุกคามความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน

รวมไปถึงการกระทําการล้มล้าง หรือเป็นปฏิปักษ์การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อันเป็นฐานความผิดที่มีระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ กฎหมายสูงสุดของประเทศ

ทะเล่อทะล่าเข้าไป อาจจะไม่ใช่แค่ยุบพรรค โทษทางอาญาแผ่นดินก็ไม่น่ารอด

ความเกี่ยวพันระหว่าง “เพื่อไทย” กับ “ม็อบ 3 นิ้ว” จึงดูค่อนข้างห่างไกล

แต่ก็เคยมีผู้ถาม “เถ้าแก่ดูไบ” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ว่ากันว่าเป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทย ว่ามีการสนับสนุนทุน หรือน้ำเลี้ยงให้กับม็อบราษฎรหรือไม่

ระดับ “ทักษิณ” ถามตรงแค่ไหน ก็พลิ้วได้ เลี่ยงตอบไปว่า “คิดอะไรไม่ออกก็มาโทษผม” พร้อมชื่นชมการแสดงพลังกลุ่มมวลชนส่วนใหญ่ที่เป็นเยาวชนคนรุ่นใหม่ด้วย

ทว่า ในช่วงที่กระแส “ม็อบ 3 นิ้ว” เริ่มซา แกนนำ-แกนตามต่างถูกคดีเป็นหางว่าว หลายคนต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำ และมีม็อบอื่นแตกหน่อขึ้นมาเป็นดอกเห็ด ทั้งม็อบทะลุแก๊ส ที่ปั่นป่วนรายงันอยู่ที่สามเหลี่ยมดินแดง หรือคาร์ม็อบ ของ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ - สมบัติ บุญงามอนงค์ ที่ดูจะเป็น “สายตรง” ของ “ทักษิณ” มากกว่า

จู่ๆ “แอมมี่ เดอะบอททอมบลูส์” ไชยอมร แก้ววิบูลพันธุ์ ศิลปินนักร้องที่ผันตัวเองมาเป็นแนวร่วมระดับหัวแถวของ “ม็อบ 3 นิ้ว” ก็โพล่งชี้เป้า “น้ำเลี้ยงม็อบ” ออกมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย

เป็นการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ “The Bottom Blues” เพื่อแสดงจุดยืนทางการเมืองของตัวเองต่อกระแสความไม่ลงรอยกันระหว่างพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย ในระยะหลัง ตลอดจนชื่นชม “เพนกวิ้น” พริษฐ์ ชิวารักษ์ แกนนำม็อบราษฎร ที่ตอนนี้ถูกคุมขับอยู่ในเรือนจำ โดยระบุว่า

“ผมไม่สนหรอก ก้าวไกลหรือเพื่อไทย เรื่องการเมืองมันซับซ้อน และตลกดีนะ ในขณะเค้าทะเลาะกันมีนักศึกษาคนนึง ผู้ที่เชื่อในอุดมการณ์ติดคุกเพราะกล้าพูดความจริง แทนความในใจของผู้ถูกกดขี่ทั้งหลายที่ไม่เคยแม้แต่จะกล้าส่งเสียงในที่แจ้ง หนุ่มน้อยคนนี้ ชื่อ เพนกวิ้น พริษฐ์ ชิวารักษ์

ผมไม่ได้เชียร์ก้าวไกลนะ แต่ผมเคยถามกวิ้นว่า มึงจะลงเล่นการเมืองใช่มั้ย? กวิ้น มันตอบว่า ไม่เคยคิดเลยพี่ ผมอยากเป็นอาจารย์สอนประวัติศาสตร์ล้านนา นั้นคือความฝันผม ผมถามต่อว่าแล้วนักการเมืองที่มึงชอบอะ ตอนนี้มีใคร มีไหม? มันตอบว่า พี่เจี้ยบ อมรัตน์

สำหรับผมการเรียกร้องครั้งนี้มันมีค่ามากกว่า ผลประโยชน์นานาประการ โควตา ส.ส. ที่ใช้ในการประกันตัว ต้องยกให้ก้าวไกล แต่ก้าวไกลก็ขี้เหนียว กลับกันเป็นเพื่อไทยที่สู้ไปกราบไป ที่คอยสนับสนุนเงินทุนบ้าง

บทความนี้อาจดูดิบไปหน่อย ไม่มีแหล่งอ้างอิง และ เชื่อถือไม่ได้ให้คิดว่าเป็น นิทานเรื่องนึง แต่ผมแค่จะบอกว่า คนจริงอยู่ที่ไหนก็ได้ ไม่เกี่ยวกับนโยบายของสังกัด เพราะ การใช้โควตาประกันตัวเด็ก มันคือเรื่องของความเป็น “มนุษย์” และถึงไม่มีเงินทุนสนับสนุน หรือโควตา ส.ส.ที่ใช้ประกันตัว ผมไม่สนใจ พวกผมสู้ด้วยใจและอยากเห็นอนาคตที่ดีกว่า เพื่อมวลชน มันบริสุทธิ์มากกว่าทุกสิ่ง #ปล่อยเพื่อนกู”

โดย “พี่เจี้ยบ อมรัตน์” ที่ถูกระบุถึงว่าเป็น “ไอดอล” ของ “เพนกวิ้น-พริษฐ์” ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็น “เจี๊ยบ คอนถม” อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล หนึ่งใน ส.ส.ที่ถูกระบุว่าประกันตัวม็อบจนเต็มวงเงินประกันที่ตีจากตำแหน่ง ส.ส.ไปแล้ว

แต่แน่นอนประเด็นไม่ได้อยู่ที่ “พี่เจี้ยบ อมรัตน์” แต่เป็นท่อนที่ว่า “ก้าวไกลก็ขี้เหนียว กลับกันเป็นเพื่อไทยที่สู้ไปกราบไป ที่คอยสนับสนุนเงินทุนบ้าง”

แม้ในเวลาต่อมา “แอมมี่” อาจรู้ตัะวว่า “ปืนลั่น” แล้วได้ลบโพสต์ออกไปแล้ว ทว่าข้อความที่ออกไปก็ถูกเผยแพร่ต่อไปในวงกว้าง

จู่ๆ “แอมมี่ เดอะบอททอมบลูส์” ไชยอมร แก้ววิบูลพันธุ์ ศิลปินนักร้องที่ผันตัวเองมาเป็นแนวร่วมระดับหัวแถวของ “ม็อบ 3 นิ้ว” ก็โพล่งออกมาว่า “เพื่อไทย” ให้เงินสนับสนุนการทำม็อบ
น่าสนใจว่า หนึ่ง-จะมีน้ำหนักเพียงพอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสอบสวนสาวไปถึง “ไอ้โม่ง” เบื้องหลังม็อบหรือไม่
และ สอง-เหตุใดผู้ถูกพาดพิง และกล่าวหาอย่าง “ค่ายเพื่อไทย” ถึงไม่มีการออกมาชี้แจงใดๆ จนคะเนยากว่าถือคติ “นิ่งสยบความเคลื่อนไหว” หรือ “เถียงไม่ออก” กันแน่

หันมาว่าต่ออีกดรามา ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมือง ความแตกต่างทางความคิด จนก่อให้วัฒนธรรม “เลือกข้าง” จนมีการจัดหมวดหมู่ของคนไทยออกตามการแสดงออกทางการเมือง ทั้ง “สลิ่ม-ควายแดง-สามนิ้ว”

ธุรกิจหลายเจ้าก็มีทั้งทะเล่อทะล่าเข้าไปเอง หรือถูกดึงเข้าไปพัวพันชุลมุนกับ “ดรามาการเมือง” บ่อยครั้ง

ล่าสุดกรณี “น้ำพริกนิตยา” ร้านน้ำพริกเก่าแก่ย่านบางลำภู ที่ถูกกล่าวหาว่า ไม่ให้ทีมงาน “Spokedark TV” เข้าไปสัมภาษณ์ และถ่ายทำรายการในร้าน ทั้งที่ติดต่อประสานงานมาแล้วล่วงหน้า

เรื่องไม่ใช่เรื่องกลายเป็นเรื่องใหญ่ เมื่อ “แขก คำผกา” ลักขณา ปันวิชัย เป็นหนึ่งในพิธีกรที่เข้าไปไลฟ์สดที่ร้านน้ำพริกนิตยา เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา ร่วมกับ “โรซี่” จรรยา วงศ์สุรวัฒน์ พี่สาวของ “จอห์น” วิญญู วงศ์สุรวัฒน์ ที่เป็นเจ้าของเพจ SpokeDark TV

อันเป็นที่รู้กันดีว่า ทั้ง “เจ๊แขก” มีจุดยืนทางการเมืองชัดเจนว่า ชื่นชอบพรรคเพื่อไทย และยังเป็นผู้ดำเนินรายการทางช่อง Voice TV ที่รู้กันในวงการว่า “เสี่ยโอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายหัวแก้วของนายทักษิณ เป็นเจ้าของช่อง และพี่น้อง “โรซี่-จอห์น” ก็ชื่นชม “ทักษิณ” และสนับสนุนม็อบ 3 นิ้ว

คงไม่ผิดหากจะบอกว่าเป็น “พิธีกร-รายการเสื้อแดง”

โดยทันทีที่ “เจ้าของร้าน” ก็ปฏิเสธ “อย่างสุภาพ” ว่า ได้ขอตัวอย่างรายการกับทีมงานไปแล้ว แต่ยังไม่ได้รับ จึงไม่เคยดูรูปแบบรายการ และอยากจะขอดูรายการก่อน วันนี้ยังไม่สะดวก

ไม่เพียงปฏิเสธอย่างสุภาพ “เจ้าของร้าน” ยังขอโทษขอโพยไปอีกหลายครั้ง พร้อมแสดงน้ำใจบอกว่าอยากรับประทานอะไร จะจัดให้

เป็น “คำผกา” เองที่ของขึ้น ออกอาการไม่พอใจ โต้ตอบบอกว่า มีตังค์ซื้อกินเอง ไม่เป็นแล้วลูกค้าร้านนี้ ไม่เป็นแล้ว แถมอ้างว่ารายการติดต่อมาล่วงหน้า 1 เดือน พร้อมทั้งทึกทักเองว่า “... แล้วคุณป้าก็อนุญาตแล้ว ตอนหลังรู้ว่าแขกเป็นเสื้อแดงค่ะ คุณป้าก็เลยไม่อนุญาตให้แขกมาถ่าย จบเลยนะคะ ขอบคุณค่ะ”

ไม่เท่านั้นขณะเดินออกมาหน้าร้านยังพูดผ่านไลฟ์สดอีกว่า “ร้านนี้ไม่ต้อนรับคนเสื้อแดงนะคะ ร้านนี้ไม่ต้อนรับคนรักประชาธิปไตยนะคะ คุณผู้ชมคะ น้ำพริกนิตยา อร่อยมาก อร่อยมากจริงๆ จนถึงตอนนี้แขกก็บอกว่าน้ำพริกนิตยาอร่อยมาก น้ำพริกตาแดงของน้ำพริกนิตยาอร่อยที่สุด แต่เขาไม่ต้อนรับคนเสื้อแดงอย่างแขก ที่จะมาถ่ายรายการ สวัสดีค่ะคุณป้า”

ก่อเป็นยกระแสดรามาขัดแย้งระหว่าง “สลิ่ม” เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ กับ “เสื้อแดง” ที่จุดยืนไม่ตรงกัน จนช่วงแรก “ทัวร์ลง” ร้านน้ำพริกนิตยา เสนอให้ “แบน” ร้านนี้ เฉกเช่นขบวนการ “ล่าแม่มด” ที่เคยทำกับธุรกิจร้านรวงอื่นๆ อาทิ ขนมปัง CUBIC, ขนมเปี๊ยะป๋าเทพ โพธิ์งาม หรือกรณี Food Panda ที่ไล่ “ไรเดอร์” รายหนึ่งที่ถูกกล่าวหาว่าจุดไฟเผาพระบรมฉายาลักษณ์ เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 2564 ออก แต่ใช้คำในแถลงการณ์ว่า “ผู้ก่อการร้าย” จนถูกตีตราว่า “เลือกข้าง” ทางการเมือง เป็นต้น

แม้จะยังมี “ทัวร์ลง” จาก “ฝ่ายตรงข้าม” อยู่เนืองๆ หลังจาก “เจ๊แขก” ไม่ยอมจบ แสดงความอาฆาตผ่านการไลฟ์สดอีกว่า “ร้านน้ำพริกนิตยา ไม่ต้องขอโทษเตรียมเจ๊ง มึงไม่รู้หรือ พลังการซื้อของคนเสื้อเเดง แม่งรุนแรงเบอร์ไหน กูแค้นฝังหุ่น มึงต้องเจอกูอีกหลายยก น้ำพริกนิตยา”

ก่อนยังไปปั่นกระแสผ่านทวิต @kamphaka โดยทวีตข้อความว่า “#โค้ชแขก ไปถ่ายรายการร้านนิตยา บางลำภู ปรากฏว่าโดนป้าเจ้าของร้านเชิญออกจากร้าน เพราะเป็นควายแดง #น้ำพริกนิตยาไล่ควายแดง”

แต่ดรามาน้ำพริกนิตยาถือว่าเข้าทำนอง “โอละพ่อ” ไม่น้อย

เมื่อมีบุคคลที่อ้างว่าเป็น “หลานสาว” ของเจ้าของร้านน้ำพริกนิตยา ชี้แจงว่า “คุณป้า” หรือนางนิตยา ลักษณวิสิษฐ์ ไม่ได้มีความสนใจทางการเมือง และอาจแยกไม่ออกว่ารายการของ “คำ ผกา” คือ Lifestyle TV หรือ Political TV กันแน่ โดยคุณป้าเห็นตามสมควรแล้วว่าควรทำตัวเป็นกลาง ทำให้ทุกคนเข้าใจผิด และกลายเป็นดรามาของสังคม

ตลอดจนเมื่อสังคมเริ่มพินิจพิเคราะห์จากคลิปต้นเรื่อง ก็ไม่ปรากฎว่า “ป้าเจ้าของร้าน” มีการระบุว่า “ไม่ต้อนรับคนเสื้อแดง” แต่อย่างใด และก็ชี้แจงเหตุผลด้วยความสุภาพ

เป็น “เจ๊แขก” ที่ทึกทักหวาดระแวงในจุดยืนทางการเมืองของตัวเองเกินเหตุ

เมื่อสังคมเริ่มกระจ่างข้อเท็จจริง ก็เกิดกระแสตีกลับ สนับสนุนน้ำพริกนิตยา แบบล้นหลามมากกว่า ยอดไลค์ในเพจแฟนบุ๊กเพิ่มขึ้นหลายหมื่น มากกว่า 10 เท่าตัวในชั่วเวลาไม่ถึงวัน

เกิดกระแสแห่ซื้อน้ำพริกนิตยา จนออเดอร์ล้นหลาม ต้องโพสต์ต้องขออภัยลูกค้าที่ตอบข้อความไม่ทัน รวมถึงสินค้าหมดไม่พอขาย

ถือเป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาของ “ดรามาการเมือง” ในกระแสความขัดแย้ง-เห็นต่าง ที่เชี่ยวกราก

และน่าจะเป็นบทเรียกสำคัญของพิธีกรเบอร์ใหญ่อย่าง “เจ๊แขก คำผกา” ที่เล่นใหญ่จน “หน้าแหก” หวังปั่นดรามา “สีเสื้อ” แบบไม่ลืมหูลืมตา จนโดนกระแสตีกลับขุดคุ้ยถึงความ “กักขฬะ” ในอดีต

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การมีจุดยืนทางการเมื
ง หรือเป็นลูกจ้างใคร ไม่มีใครว่า แต่ต้องแยกแยะการทำหน้าที่ “สื่อ” ให้ชัด

มิเช่นนั้นจากที่ทำท่าแยกเขี้ยวจะเป็น “ผู้ล่า” ก็กลายเป็น “เหยื่อ” เสียเอง

แถมเป็น “เหยื่อ” อารมณ์ตัวเองซะด้วย.





กำลังโหลดความคิดเห็น