ชะตากรรมของ Evergrande Group บริษัทธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเคยใหญ่เป็นอันดับ 2 ของจีนกำลังทำให้ผู้ประกอบการประเภทเดียวกันและธนาคารเจ้าหนี้ทั้งหลายหายใจไม่ทั่วท้อง เมื่อบริษัทได้ออกคำเตือนว่าไม่สามารถจะแบกรับภาระหนี้ก้อนมหาศาลได้
กลุ่ม Evergrande Group มีหนี้สินรวมแสนล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการกู้หนักในช่วงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในจีนเฟื่องฟูก่อนเริ่มสภาวะฟองสบู่ ซ้ำเติมด้วยการระบาดของโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อระบบเศรษฐกิจของจีนด้วยเช่นกัน
มีคนเดินขบวนประท้วงหน้าสำนักงานของบริษัทต่อเนื่องหลายวันเพราะอยากรู้สถานสถานการณ์ที่แท้จริงว่าเป็นอย่างไร จะรอดหรือไม่รอด เพราะมีทั้งเจ้าหนี้หลายราย และลูกค้า 1.5 ล้านคนที่ได้วางเงินดาวน์เพื่อซื้อโครงการของบริษัทที่ยังไม่เริ่มก่อสร้าง
ถ้าบริษัทมีอันเป็นไป ไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ เงินที่วางไว้อาจสูญเปล่า ถ้าหงายท้องไม่มีทางฟื้นได้ ความเสียหายเพราะหนี้สินก้อนใหญ่จะส่งผลกระทบต่อวงการธนาคารและสถาบันการเงินทั่วโลก ซึ่งมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับ Evergrande
ที่ผ่านมา บริษัทหมุนเงินด้วยการเอาเงินดาวน์จากลูกค้ามาทำโครงการก่อสร้าง และกู้เพิ่มจากสถาบันการเงิน และออกหุ้นกู้ซึ่งจะครบกำหนดต้องไถ่ถอนคืนมากถึง 7.4 พันล้านดอลลาร์ในปี 2022 และอาจต้องมีแฮร์คัต 75 เปอร์เซ็นต์สำหรับผู้ถือครองหุ้นกู้
หมายความว่าผู้ถือหุ้นกู้จะได้เงินคืนเพียง 25 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งก็ถือว่าดีกว่าสูญเปล่า ที่ผ่านมา นับตั้งแต่เกิดวิกฤต ราคาหุ้นของ Evergrande ได้ตกไปแล้ว 85 เปอร์เซ็นต์
ที่ผ่านมากลุ่ม Evergrande ซึ่งมีสำนักงานในฮ่องกงและเซินเจิ้น ได้ทำงานสำเร็จมากกว่า 900 โครงการ ซึ่งมีทั้งอาคารพาณิชย์ ที่อยู่อาศัย โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ มีการว่าจ้างพนักงานมากกว่า 2 แสนคน นับว่าเป็นบริษัทที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก
เป็นยักษ์ใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ เติบโตรวดเร็วพร้อมกับเศรษฐกิจของจีน
หลังจากประสบความสำเร็จ Evergrande ได้ขยายกิจการไปสู่ภาคอื่นๆ ของเศรษฐกิจ เช่น ธุรกิจอาหาร บันเทิงและสันทนาการ เป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลกวางโจวอีกด้วย นั่นเป็นเพราะความสำเร็จในการเติบโตในการทำธุรกิจแบบกล้าได้กล้าเสีย
การทำธุรกิจของกลุ่มเน้นการซื้อทรัพย์สินต่างๆ อาศัยสภาวะเฟื่องฟูของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่เริ่มมีปัญหาหลังจากรัฐบาลจีนได้เริ่มควบคุมด้วยมาตรการเข้มการสร้างหนี้ การกู้ยืมอย่างมากของกลุ่มบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ในเดือนสิงหาคม 2020
เมื่อการระดมทุนด้วยการขายโครงการต่างๆ ล่วงหน้าเพื่อหมุนเงินสะดุดลงเพราะมาตรการ ทำให้ Evergrande ต้องพยายามรักษาสภาพคล่องด้วยการขายสินทรัพย์ออกไปในราคาต่ำกว่าตลาด พร้อมส่วนลดมากมายเพื่อไม่ให้หนี้ทับถมมากเกินไป
กลุ่ม Evergrande ก่อตั้งเมื่อปี 1997 โดย Hui Ka Yan หรือ Jiayin ในภาษาจีนกลางซึ่งได้กลายเป็นมหาเศรษฐีระดับพันล้าน อันเป็นผลมาจากการเปิดประเทศจีนเพื่อรับการลงทุนจากต่างประเทศ นำไปสู่การขยายตัวของเมืองและงานก่อสร้าง
ในปีที่ผ่านมา Hui ถูกประเมินโดยนิตยสาร Forbes ว่าเป็นบุคคลมั่งคั่งอันดับ 3 ในประเทศจีน หลังจากนั้นความร่ำรวยก็ลดลงอย่างมากพร้อมกับภาระทางการเงิน การตกต่ำของบริษัทและราคาหุ้นอันเป็นผลจากความล้มเหลวในการดำรงสภาพคล่อง
วันจันทร์ที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ได้หยุดการซื้อขายพันธบัตรของ Evergrande ในล็อตของเดือนพฤษภาคม 2023 หลังจากราคาตกไปกว่า 30 เปอร์เซ็นต์
ในการรายงานต่อตลาดหุ้นฮ่องกง บริษัทได้แจ้งว่าได้ว่าจ้างกลุ่มที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อประเมินสภาพคล่องและหาทางออกอย่างอื่นให้เร็วที่สุด แต่ก็ยังเตือนว่าไม่มีการรับประกันว่าความพยายามที่จะกอบกู้สถานการณ์ที่เป็นอยู่ จะประสบความสำเร็จ
ในคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา กลุ่ม Evergrande ยังพยายามพูดให้ประชาชนได้รับรู้สภาพและความพยายามที่จะประคองตัวเองให้อยู่รอด และอ้างว่าข่าวลือว่าบริษัทจะอยู่ในขั้นล้มละลายนั้นไม่เป็นความจริง ทั้งยังออกแถลงการณ์ต่อสาธารณะด้วย
“จริงอยู่ บริษัทได้ประสบวิกฤตและความยากลำบากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ยังมีความมุ่งมั่น ความแน่วแน่ในการที่จะทำทุกวิถีทางที่จะฟื้นฟูกิจการของบริษัทให้ดีอย่างที่เคยเป็นมา และยังจะปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ของลูกค้าทุกประการ”
วันอังคารที่ผ่านมา บริษัทยอมรับว่าหาลูกค้าที่จะซื้อทรัพย์สินไม่ได้ และดูสภาพแล้วไม่มีอะไรแน่นอนว่าความพยายามขายทรัพย์สินดังกล่าวจะบรรลุผล
สถานการณ์ยิ่งดูเลวร้ายลง เมื่อ Evergrande ยอมรับวันอังคารที่ผ่านมาว่า ความพยายามที่จะขายอาคารสำนักงานของบริษัทในฮ่องกง ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาดใหญ่ในพื้นที่ธุรกิจสำคัญบนเกาะฮ่องกง ยังไม่สำเร็จผลภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้
บริษัทยังไม่สามารถคุมสถานการณ์และความกังวลของนักลงทุนในหลักทรัพย์และทรัพย์สิน เพราะการชุมนุมประท้วงอย่างต่อเนื่องหน้าสำนักงานของบริษัทในเซินเจิ้น มีผู้ชุมนุมหลายร้อยคน พยายามที่จะขอพบผู้บริหารเพื่อขอความกระจ่างกรณีวิกฤต
นักวิเคราะห์มองว่ากลุ่ม Evergrande จะรอดจากวิกฤตนี้ได้ก็ด้วยความช่วยเหลือจากรัฐบาลจีนเท่านั้น เพราะเป็นภาระหนัก แต่ที่ผ่านมายังไม่มีสัญญาณว่าจะมีความช่วยเหลือจากรัฐบาล และยังไม่แน่นอนว่า Evergrande จะไม่มีใครเข้ามาอุ้ม
ถ้า Evergrande ล้มละลาย จะเป็นการทดสอบความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจของจีนว่าจะรองรับผลกระทบได้หรือไม่ หลังจากไม่มีวิกฤตระดับเช่นนี้หลายปีแล้ว