xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

เรดการ์ด (4) อวสานเรดการ์ด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ในความเป็นไป
วรศักดิ์ มหัทธโนบล


พฤติกรรมของเรดการ์ดในการขจัด  “สิ่งเก่า”  ต่อสถานที่ วัตถุโบราณ โบราณสถาน และบุคคลทั้งที่เป็นผู้ปฏิบัติงาน สมาชิก พคจ. หรือแม้แต่พลเรือนอย่างผิดกฎหมายนั้น เป็นไปอย่างเข้มข้นระหว่าง ค.ศ.1966 ถึง 1969

 เมื่อเรดการ์ดเห็นว่าตนได้ขจัด “สิ่งเก่า” หรือศักดินานิยมและทุนนิยมไปพอควรแล้ว เรดการ์ดก็เริ่มความขัดแย้งรอบใหม่ คราวนี้มิใช่การขจัดฝ่ายตรงข้ามดังเคย แต่เป็นการขจัดกันเองเมื่อเรดการ์ดหันมาอภิปรายกันว่า ความคิดของใคร “ซ้าย” มากกว่ากัน 

 หรือใครมีความคิดและการกระทำที่เบี่ยงเบนไปจากแนวทางของ “ท่านประธานเหมา” 

การอภิปรายประเด็นนี้ก็เพื่อแสดงจุดยืนของตนต่อลัทธิสังคมนิยม หรือลัทธิคอมมิวนิสต์อย่างมั่นคง ซึ่งเป็นประเด็นที่ไม่เพียงมีรายละเอียดทางทฤษฎีมากมายเท่านั้น หากยังเป็นเรื่องที่มีความอ่อนไหวอย่างยิ่ง ไม่ต่างกับคนที่นับถือศาสนาเดียวกันแต่ต่างนิกายกันมาถกเถียงกัน ว่าใครเข้าใจหรือเข้าถึงแก่นของศาสนามากกว่ากัน

เมื่อมีทั้งรายละเอียดและความอ่อนไหวสูง มันก็ยิ่งง่ายต่อการนำไปสู่ความขัดแย้ง

และแล้วเรดการ์ดก็เกิดความขัดแย้งแตกแยกกันเอง ผลคือ เรดการ์ดถูกแบ่งเป็นก๊กเป็นเหล่าแล้วยกพวกตะลุมบอนกัน การตะลุมบอนกันนี้เป็นไปอย่างดุเดือดในหลายเมือง และเป็นไปอย่างชนิดที่เรียกได้ว่า ถึงเลือดถึงเนื้อและถึงแก่ชีวิต จนบางเมืองขยายตัวกลายเป็นจลาจล

การตะลุมบอนกันเองของเรดการ์ดถูกปล่อยให้เป็นเช่นนั้นโดยที่ไม่มีใครทำอะไรได้ และไม่มีใครรู้ว่าตัวเลขความสูญเสียมีมากน้อยเพียงใดจนถึง ค.ศ.1968 เหมาจึงได้รับรายงานเรื่องนี้ในที่สุด

เหมารู้ดีว่า การจลาจลของพวกเรดการ์ดไม่ใช่สิ่งที่ดี แต่ครั้นจะให้เรดการ์ดยุติบทบาทโดยที่ไม่มีอะไรรองรับก็มิใช่เรื่องที่จะทำได้ง่ายๆ เช่นกัน แต่หลังจากนั้นไม่นานเหมาก็คิดได้ว่าควรใช้เรื่อง  “การหล่อหลอมตนเอง”  มาเป็นประเด็นในการชี้นำเรดการ์ด

ปรากฏว่า การชี้นำของเหมาได้รับการขานรับจากเรดการ์ดด้วยดี และวิธีการหล่อหลอมตนเองก็คือ ให้เรดการ์ด “ขึ้นสู่ป่าเขา ลงสู่ชนบท” ด้วยการไปใช้แรงงานกับชาวนาในชนบท เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เท่ากับว่า เหล่าเรดการ์ดจะอยู่ห่างไกลจากเมือง และทำให้เมืองปลอดจากการจลาจลจนกลับสู่ความสงบอีกครั้งหนึ่ง

ทั้งนี้มีประเด็นที่ควรกล่าวด้วยว่า นอกจากเรดการ์ดที่ไปใช้ชีวิตและแรงงานในชนบทแล้ว ก่อนหน้านี้ก็ยังมีเจ้าหน้าที่รัฐระดับต่างๆ ที่ถูกเรดการ์ดลงโทษด้วยการส่งไปใช้แรงงานเพื่อหล่อหลอมตนเองเช่นกัน แต่คนกลุ่มนี้มีไม่มากเท่าเรดการ์ดที่ส่วนใหญ่เป็นเยาวชนในวัยศึกษา

 ผลคือ มีเยาวชนที่เป็นเรดการ์ดได้ “ขึ้นสู่ป่าเขา ลงสู่ชนบท” ประมาณ 16,230,000 คน 

และเนื่องจากมีการรณรงค์ทางการเมืองแทบทุกวันก็ดี การไปใช้แรงงานในชนบทของเรดการ์ดหรือเจ้าหน้าที่รัฐก็ดี ล้วนส่งผลให้เมืองใหญ่หลายเมืองเงียบสงบ ราชการงานเมืองต่างหยุดชะงัก

ยิ่งโรงพยาบาลด้วยแล้วก็ยิ่งชวนหดหู่ เพราะบุคลากรทางการแพทย์ถูกเกณฑ์ให้ไปรณรงค์ทางการเมืองกับเขาด้วย คนไข้คนป่วยไม่ว่าหนักเบาก็ไม่มีใครรักษา ทำให้มีคนป่วยตายโดยไม่จำเป็นจำนวนไม่น้อย

ช่วงที่เมืองร้างไร้ผู้คนนี้เพื่อนชาวจีนคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่า ตอนที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นนั้นเธอยังเด็ก บุพการีของเธอซึ่งเป็นผู้สูงวัยและเป็นเจ้าหน้าที่รัฐระดับล่างจึงไม่ได้ไปชนบท และได้รับมอบหมายให้เฝ้าสำนักงานและต้องพาเธอไปดูแลที่สำนักงานด้วย
เธอเล่าว่า เธอสามารถวิ่งเล่นไปทั่วห้องทำงาน และวิ่งขึ้นวิ่งลงในอาคารโดยไม่มีใครมาไล่

 แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เวลานั้นบารมีวิสัยของเหมาเจ๋อตงถูกชูจนสูงเด่น คือสูงกว่ามาร์กซ เลนิน หรือสตาลิน ที่เป็นเจ้าแห่งลัทธิคอมมิวนิสต์เสียอีก การเชิดชูเหมาจนสูงเด่นเช่นนี้ทำให้เหมามีฐานะไม่ต่างกับเทพเจ้า ที่ไม่ว่าใครก็ตาม หากจะปฏิบัติต่อเหมาในทางใดทางหนึ่งย่อมต้องระวังเป็นพิเศษ หาไม่แล้วอาจมีภัยถึงตัวได้ง่ายๆ  

เพื่อนชาวซื่อชวน (เสฉวน) คนหนึ่งเล่าให้ฟังว่า ที่บ้านเกิดของเขาได้เกิดคดีที่เกี่ยวพันกับเรื่องที่ว่าขึ้นมาคดีหนึ่ง เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า เพื่อนบ้านคนหนึ่งได้ซื้อภาพโปสเตอร์เหมามาติดที่ผนังบ้านโดยใช้กาวทาทั้งแผ่น เพื่อนบ้านอีกคนหนึ่งก็ซื้อมาเช่นกัน แต่เพื่อนบ้านคนนี้นำภาพเหมาใส่กรอบอย่างดีแล้วนำมาแขวนไว้กับผนังบ้าน

ปัญหามาเกิดก็ตรงที่ว่า เพื่อนบ้านคนหลังนี้ได้ตอกตะปูขนาดยาวเพื่อที่จะแขวนกรอบภาพของเหมาแล้วก็ให้ปรากฏว่า ตะปูเจ้ากรรมถูกตอกทะลุผนังบ้านของเพื่อนบ้านคนแรก

 แล้วทะลุที่ไหนไม่ทะลุ ดันไปทะลุตรงภาพเหมาที่เพื่อนบ้านคนแรกทากาวปิดไว้ และที่ทะลุนั้นก็ให้ทะลุไปตรงบริเวณหน้าผากของภาพเหมาเข้าพอดี ผลคือ เพื่อนบ้านเจ้าของตะปูเจ้ากรรมถูกเรดการ์ดตัดสินลงโทษจำคุกสามปีในฐานที่ดูหมิ่นเหมา 

ทั้งๆ ที่เขาเจตนายกย่องเชิดชูเหมาแท้ๆ

อย่างไรก็ตาม เวลาผ่านไปหลายปีหลังจากที่เรดการ์ดไปใช้ชีวิตในชนบทแล้ว เยาวชนที่เป็นเรดการ์ดก็เริ่มรู้แล้วว่า สาเหตุของการปฏิวัติวัฒนธรรมจนเรดการ์ดผงาดขึ้นมาก็เพราะความขัดแย้งในหมู่ผู้นำ พคจ.ด้วยกันเอง

เมื่อรู้เช่นนั้นเรดการ์ดจึงต่างทยอยเดินทางกลับคืนสู่เมืองอีกครั้งหนึ่ง ตอนนั้นเวลาลุล่วงมาถึงราวกลางทศวรรษ 1970 แล้ว สถานศึกษาเริ่มเปิดการเรียนการสอนอีกครั้งหนึ่ง แต่กระนั้น ก็ใช่ว่าชาวจีนจะมีชีวิตที่สงบไม่

เพื่อนชาวจีนอีกคนหนึ่งเล่าว่า พฤติกรรมของเรดการ์ดที่ตั้งตนอยู่เหนือกฎหมายได้ทำให้ชาวจีนทั่วไปตกอยู่ในความหวาดกลัว เวลานั้นใครจะเดินไปไหนมาไหน ชั้นแต่เจอคนที่รู้จักกันก็ยังไม่กล้าทักทาย ด้วยต่างก็เกรงว่าการทักทายพูดคุยกันอาจถูกเรดการ์ดจับผิดเอาได้

แทบทุกคนพอเห็นคนที่ตนรู้จักเดินสวนมา ต่างฝ่ายต่างเดินก้มหน้าเหมือนไม่รู้จักกันหรือทำเป็นมองไม่เห็น โดยสรุปคือ พฤติกรรมของเรดการ์ดได้สร้างบรรยากาศของความไม่ไว้วางใจกันให้แก่สังคมจีน

 การปฏิวัติวัฒนธรรมที่ขับเคลื่อนโดยเรดการ์ดได้ยุติลงหลังมรณกรรมของเหมาใน ค.ศ.1976 หลังจากนั้นไม่ถึงเดือนก็เกิดการรัฐประหารขึ้นในวันที่ 6 ตุลาคม ค.ศ.1976 (ซึ่งตรงกับเหตุการณ์ 6 ตุลาคม พ.ศ.2519 ของไทย) รัฐประหารครั้งนี้ได้ทำลายกลุ่มการเมืองที่ก่อการปฏิวัติวัฒนธรรม และเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้แก่เรดการ์ดจนสิ้นซาก 

บุคคลที่เป็นแกนนำต่างถูกจับกุมคุมขัง และถูกศาลตัดสินลงโทษหนักเบาแตกต่างกันไปในแต่ละคน หนักสุดคือประหารชีวิต เบาสุดคือจำคุก ส่วนเรดการ์ดที่เป็นเยาวชนนั้น พคจ.มองว่าเป็นผู้ถูกชักจูงให้กระทำผิดด้วยยังขาดวุฒิภาวะ

ส่วนคนที่ถูกลงโทษมักเป็นคนที่กระทำผิดอย่างร้ายแรงเกินอภัย เมื่อเป็นเช่นนี้เรดการ์ดจึงถูกยุบไปในที่สุด

ไม่เป็นที่สงสัยเลยว่า พฤติกรรมของเรดการ์ดนั้นเป็นพฤติกรรมที่ซ้ายจัด และขาดวุฒิภาวะอย่างยิ่ง เรดการ์ดได้ก่อโศกนาฏกรรมให้แก่สังคมจีนอย่างแสนสาหัส คุณค่าทางจริยธรรมที่ดีงามและสืบทอดมานับพันปีถูกเรดการ์ดทำลายอย่างย่อยยับ

เรดการ์ดบางคนที่สำนึกได้ให้การว่า เมื่อเธอหันมาทบทวนพฤติกรรมที่เธอได้ทำไปแล้วไม่มีคืนไหนที่เธอนอนแล้วไม่ฝันร้าย

พฤติกรรมของเรดการ์ดที่ผมเล่ามานี้ ส่วนหนึ่งมาจากการบอกเล่าของเพื่อนชาวจีน อีกส่วนหนึ่งมาจากงานเขียนหลังการปฏิวัติวัฒนธรรมสิ้นสุดลง งานเขียนเหล่านี้ถูกเรียกในเวลาต่อมาว่า  “วรรณกรรมบาดแผล” บางเล่มสะท้อนภาพอันเลวร้ายของเรดการ์ดจนกลายเป็นหนังสือต้องห้าม

ผมเคยถามอาจารย์ท่านหนึ่งที่ถูกลูกศิษย์ที่เป็นเรดการ์ดเล่นงานว่า หลังเหตุการณ์ผ่านไปลูกศิษย์ของท่านทำอย่างไรกับท่าน ท่านว่า ลูกศิษย์ได้มาขอขมา ผมถามว่า แล้วท่านทำอย่างไร ท่านก็ว่า ท่านรู้ดีว่าตอนที่ศิษย์เหล่านี้กระทำต่อท่านนั้นศิษย์ยังเด็ก ง่ายต่อการชักจูง

 จึงนอกจากให้อภัยแล้วท่านก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้ดีกว่านี้อีกแล้ว 




กำลังโหลดความคิดเห็น