xs
xsm
sm
md
lg

คำสัญญาของ ตอลิบาน 2.0

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร


ชาวอัฟกันรอขึ้นเครื่องบินออกนอกประเทศ แต่สายการบินแทบทั้งหมดหยุดให้บริการ
เป็นความรวดเร็วเกินคาด สำหรับกองกำลังติดอาวุธ หรือกองทัพตอลิบานที่สามารถเข้ายึดเมืองหลวงของอัฟกานิสถานได้...ขนาด รมต.ต่างประเทศสหรัฐฯ แอนโทนี บลิงเคน ถึงกับออกมายอมรับในเรื่องนี้

นั่นคือ ใช้เวลาแค่ไม่ถึง 3 วันหลังจากตอลิบานเข้ายึดเมืองกันดาฮาร์ที่อยู่ทางใต้ของคาบูล และเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของอัฟกานิสถาน กองกำลังตอลิบานก็เข้าประชิดคาบูลได้อย่างรวดเร็ว และนักรบตอลิบานก็ถือปืนเข้ามาอยู่ใจกลางเมืองคาบูลได้ในเย็นวันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคม (เวลาที่คาบูล) ประมาณ 18.00 น.

พร้อมๆ กับ ปธน.อัชราฟ กานี ก็รีบขึ้นเฮลิคอปเตอร์พร้อม รมต.ร่วม ครม.ของเขาบางคน บ่ายหน้าหนีไปยังทาจิกิสถาน ก่อนหน้าบินต่อไปที่อุซเบกิสถาน

ฉากที่หลายคนได้เห็นภาพแสลงใจ แม้แต่ รมต.ต่างประเทศบลิงเคน ที่ใช้คำว่า “heart Breaking” หรือหัวใจสลายก็คือ ที่สนามบินนานาชาติการ์ไซ ที่เครื่องบินยักษ์ของสหรัฐฯ ได้นำเอาผู้โดยสารเป็นชาวอัฟกันที่เคยทำงานด้วยความภักดีต่อกองกำลังสหรัฐฯ ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ได้เบียดเสียดยัดเยียดกันถึงเกือบ 700 คน มีทั้งลูกเด็กเล็กแดงของครอบครัวล่ามชาวอัฟกัน หรือชาวอัฟกันที่เคยเป็นเจ้าหน้าที่ให้แก่กองทัพสหรัฐฯ เพื่อรีบเดินทางออกจากคาบูลในวันที่นักรบตอลิบานบุกเข้าคาบูลนั่นเอง

เป็นเพราะประวัติศาสตร์การขึ้นครองอำนาจของตอลิบาน เมื่อตราทัพเข้ายึดคาบูลในเดือนพฤศจิกายน 1994 เป็นภาพที่เลือดนองแผ่นดิน โดยใช้ปืนบังคับขู่เข็ญและทำร้ายผู้คนที่ไม่ยอมทำตามกฎเคร่งของตอลิบาน ที่ให้ผู้หญิงต้องคลุมทุกๆ ส่วนของร่างกายอย่างมิดชิด แม้จนลูกตาก็ต้องปิดด้วยผ้าตาข่าย...และเด็กผู้หญิงก็ห้ามเรียนหนังสือ, พวกผู้หญิงนั้นจะเดินออกนอกบ้านคนเดียวโดยไม่มีผู้ชายคอยอารักขาก็ไม่ได้; รวมทั้งผู้ชายก็ต้องไว้ผมยาว, ต้องไว้หนวดเครา-ห้ามโกน และห้ามร้องรำทำเพลง; มีการทำลายเครื่องดนตรีทุกชนิด โดยเฉพาะกีตาร์, ตอลิบานได้ทำลายวิทยุและโทรทัศน์ทั้งหมด และแม้แต่การเล่นกีฬาก็ไม่ได้, มีการลงโทษที่เด็กผู้ชายจะ(แอบ) เล่นฟุตบอล; และเด็กผู้ชายก็จะให้เรียนหนังสือก็แต่พระคัมภีร์เท่านั้น

ในท่ามกลางภาพความตระหนกสุดขีดของชาวอัฟกัน ในวันศุกร์, เสาร์ และวันอาทิตย์นั่นเอง ที่รีบกุลีกุจอไปขอวีซ่าเพื่อเดินทางข้ามพรมแดน (จะโดยเครื่องบินหรือทางรถยนต์หรือเดินเท้า) ไปยังประเทศที่เชื่อมต่อกับอัฟกานิสถานเช่น ปากีสถาน, ทาจิกิสถาน, อุซเบกิสถาน เป็นต้น รวมทั้งที่สถานทูตอินเดีย มีคนรอขอวีซ่ายาวเป็นกิโลทีเดียว

รวมทั้งพวกที่ได้วีซ่าแล้ว ก็มาออรอขึ้นเครื่องที่สนามบิน แต่ปรากฏว่า สายการบินได้ระงับเที่ยวบินหมดแทบทุกบริษัท มีแต่เครื่องบินกองทัพสหรัฐฯ ที่ให้บริการอย่างจำกัดและเข้มงวด

ในเย็นวันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคมนั่นเอง มีโฆษกของกลุ่มตอลิบานคนหนึ่งได้ไปให้สัมภาษณ์ทางบีบีซี โดยพูดขอร้องให้เพื่อนร่วมชาติชาวอัฟกันไม่จำเป็นต้องรีบหนีออกนอกประเทศ เพราะจะไม่มีการทำร้ายคนในคาบูล เนื่องจากตอลิบานต้องการการถ่ายโอนอำนาจอย่างสงบ โดยหวังให้เพื่อนร่วมชาติอยู่ร่วมทำงานกับตอลิบาน เพื่อกอบกู้พัฒนาประเทศไปด้วยกัน

ชาวอัฟกันในคาบูลแทบไม่เชื่อหูตัวเอง โดยเฉพาะพวกผู้หญิงที่ได้มีโอกาสลิ้มรสชาติของเสรีภาพตลอด 20 ปีที่ผ่านมา โดยสามารถเรียนหนังสือจนจบมหาวิทยาลัย และสามารถมีงานอาชีพต่างๆ ทำงานเลี้ยงตัวเองและหลายคนเป็นหัวหน้าครอบครัวด้วยซ้ำ ยิ่งพวกนักข่าวและผู้ดำเนินรายการทางวิทยุ โทรทัศน์ที่เป็นผู้หญิง ต่างเกรงมากว่า พวกตนจะถูกกองทัพตอลิบานลงโทษถึงขั้นชีวิต ดังเช่น เหตุการณ์เมื่อกว่า 20 ปีที่แล้ว

ในวันอังคารที่ 18 สิงหาคม ฝ่ายนำของตอลิบานที่พำนักอยู่ที่โดฮา ก็ได้บินมายังคาบูล และเปิดการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ

โดยให้ความมั่นใจว่า ชาวอัฟกันจะสามารถประกอบกิจกรรมต่างๆ ตามปกติ โดยเฉพาะเหล่าข้าราชการ ก็จะได้รับการนิรโทษกรรมจากกรณีที่ได้รับใช้รัฐบาลก่อนๆ และเหล่าผู้หญิงก็จะได้รับเสรีภาพในการศึกษา ภายใต้กฎทางศาสนาอิสลาม; ย้ำด้วยว่า จะไม่มีการแก้แค้น

ขณะนี้ ฝ่ายนำของตอลิบานกำลังต้องการความร่วมมือของประชาชนนั่นเอง เพื่อจะได้เดินหน้าสร้างสันติสุข และการพัฒนาบ้านเมืองต่อไป หลังจากได้ชนะสงครามแล้ว ก็ต้องชนะสันติภาพให้ได้ ขณะเดียวกัน ก็ต้องการความยอมรับจากต่างประเทศด้วย

ยิ่งขณะนี้มีเสียงเชียร์ที่รอคำประกาศรับรองรัฐบาลตอลิบานอย่างเป็นทางการจากจีน และรัสเซีย (ที่เคยรบราฆ่าฟันกันตายมาก่อนด้วยซ้ำ)

โดยตอลิบานส่งสัญญาณจะไม่เป็นที่บ่มเพาะหลบซ่อนของขบวนการก่อการร้ายระหว่างประเทศ เช่นในอดีต

มีบางตอนของคำสัญญาจากฝ่ายตอลิบานว่า จะไม่ทำลายรูปปั้นหรือเครื่องหมายของศาสนาอื่นๆ ด้วย คงจะได้รับบทเรียนจากการระเบิดภูเขาแกะสลักพระพุทธรูปสูงใหญ่อายุเก่าแก่เป็นพันปีที่เมืองบามิยัน ในการสร้างความเกรงกลัวเมื่อเข้ายึดอำนาจการปกครองประเทศครั้งที่แล้ว

มาดใหม่ของตอลิบานครั้งนี้ คงต้องรอการพิสูจน์ว่าจะสามารถทำตามที่ได้ลั่นวาจาไว้หรือไม่ เพราะขณะนี้ตอลิบานมีฝ่ายนำที่มีคนรุ่นใหม่เข้าไปร่วมอยู่ด้วย และคงได้สรุปบทเรียนถึงการปิดประเทศ และปกครองด้วยความเหี้ยมโหดจนทำให้สมองไหลออกหรือล้มตายไปหมด เหมือนครั้งเขมรแดงปกครองเขมรนั่นเอง

แต่ครั้งนี้มีเพื่อนบ้านที่แสนมั่งคั่งอย่างจีน ที่พร้อมให้การสนับสนุนในการพัฒนา-ในเส้นทางสายไหมอยู่ด้วย ก็น่าจะทำให้ตอลิบานลดความเข้มงวดลงมาได้


กำลังโหลดความคิดเห็น