xs
xsm
sm
md
lg

Win-Win หรือ Winner-Loser

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร



เพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังจากสุนทรพจน์อันเร้าใจของปธน.โจ ไบเดน เนื่องในวันฉลองเอกราชของสหรัฐฯ ปีที่ 245 ก็มีการประชุมสุดยอด (บนหน้าจอ) ระหว่างปธน.สี จิ้นผิง และสองผู้นำยิ่งใหญ่ของสหภาพยุโรป คือ ผู้นำฟรังโก-เยอรมนี : นายกฯ อังเกลา แมร์เคิล และปธน.เอ็มมานูเอล มาครง

น่าจะเป็นการคำนวณมาอย่างดีของปธน.สี ที่เลือกจัดการประชุมสุดยอดครั้งนี้ ขณะที่สหรัฐฯ กำลังจุดพลุเฉลิมฉลองวันชาติที่ 4 กรกฎาคม ขณะที่ยุโรปได้เริ่มเข้าสู่เช้าวันจันทร์ที่ 5 แล้ว แต่ถ้าดูจากทางสหรัฐฯ ก็นับว่า ปธน.สี จัดประชุมสุดยอดในวันที่ 4 กรกฎาคม ของสหรัฐฯ ทีเดียว!

และเป็นการจัดประชุมสุดยอดของปธน.สี หลังจากปธน.ไบเดน เพิ่งเสร็จการประชุมสุดยอด G7 มาเพียงไม่กี่วัน และซึ่งปธน.ไบเดน ได้ประกาศกร้าวถึงการกลับมาของสหรัฐฯ เพื่อนั่งเป็นหัวโต๊ะ-นำเหล่าพันธมิตรยุโรป-ประกาศศักดาว่าวิถีเสรีประชาธิปไตยเท่านั้น คือวิถีที่จะนำพาชาวโลกไปสู่การกินดีอยู่ดี ก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ, ทางเทคโนโลยี และนำสันติสุขมาสู่โลกของเรา

ต่างกับระบอบเผด็จการอำนาจนิยม ที่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น, ในการนับถือศาสนา, ในการบังคับขู่เข็ญการใช้แรงงาน และละเมิดสิทธิมนุษยชน (คงหมายถึงที่ซินเจียง) ซึ่งเป็นการเหน็บประเทศจีนที่กำลังเติบใหญ่ไล่หลัง และกำลังจะแซงหน้าสหรัฐฯ ในฐานะผู้เล่นและมีอิทธิพลสำคัญของโลกอีกประเทศหนึ่ง

จริงๆ แล้ว ช่วงการประชุมสุดยอด G7, ประชุมสุดยอดนาโต, ประชุมสุดยอดสหรัฐฯ-อียู รวมทั้งประชุมสุดยอดไบเดนและปูติน ทั่วโลกได้เห็นการฟาดฟันกันในการเลือกสรรหาคำพูดเพื่อนำเสนอแนวทางการบริหารประเทศชาติ และการแข่งขันกันเพื่อช่วงชิงการนำกับเหล่าประเทศน้อยใหญ่ในโลกนี้

ปธน.สีลงทุนแต่งชุดเหมา (แทนแต่งสูทสากล) ออกมาประกาศกร้าวในวันครบรอบ 100 ปีการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีนว่า จีนจะไม่ยอมให้ใคร (หมายถึงสหรัฐฯ และตะวันตก) มารังแกเหยียบย่ำจีนเหมือนในอดีต ถ้าใครจะทำเช่นนั้นก็เหมือนเอาหัวมาโขกฟาดกับ (ผนังทองแดง) กำแพงเหล็กยักษ์ที่ชาวจีน 1,400 ล้านคนได้ร่วมใจกันสร้างขึ้นอย่างแข็งแกร่ง และใครมารังแกจีนในวันนี้ ก็มีแต่จะเลือดหัวไหลสาดนั่นเอง ต่างกับในอดีตที่จีนถูกข่มเหงเหยียบย่ำเอารัดเอาเปรียบทุกอย่าง จนเสียอธิปไตยบนแผ่นดินของตนเอง เพราะวันนั้นจีนอ่อนแอทุกอย่าง

แต่วันนี้จีนแข็งแกร่งในทุกด้าน ทั้งกินอิ่มนอนอุ่น หลุดพ้นจากความยากจน (สาหัสในอดีต) และยืนอยู่บนขาอันแข็งแกร่งของตนเอง...รวมทั้งความกินดีอยู่ดี มั่งคั่งทางเศรษฐกิจ และก้าวหน้าทางเทคโนโลยี จนไปถึงอวกาศ

รวมทั้งสามารถจัดการกับการระบาดของไวรัสมรณะนี้ได้อย่างเบ็ดเสร็จ (ก่อนใคร) และยังได้จุนเจือวัคซีนแจกจ่ายไปให้แก่ประเทศต่างๆ ทั่วโลก

ปธน.สี ย้ำว่า จีนไม่ต้องการเป็นมหาอำนาจหลายเลขหนึ่งของโลก เพียงแต่ตามล่าความฝันแบบจีน (Chinese Dream) ที่ประชาชนจีนจะต้องมีความสุขสมบูรณ์ทั่วหน้ากันร่วมกับชาติต่างๆ จึงไม่ควรที่ประเทศต่างๆ จะพยายามสกัดกั้นจีนโดยสร้างข่าวเท็จเพื่อให้ชาวโลกเข้าใจผิดและเกลียดชัง

แต่จีนมีศักดิ์และสิทธิที่จะเจริญก้าวหน้าต่อไป ไม่ว่าใครจะพยายามขัดแข้งขัดขาขัดขวาง

โดยจีนพร้อมร่วมมือกับประเทศต่างๆ เพื่อช่วยกันแก้ปัญหาใหญ่ๆ ของทั้งโลก เช่น ปัญหาไวรัสมรณะ ปัญหาการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังโควิด-19 และการร่วมมือกันเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีตลอดจนการร่วมมือในโครงการต่างๆ กับทั้งโลก เพื่อนำความเจริญรุ่งเรืองสันติมาสู่โลกใบนี้…จีนไม่เคยรังแกบุกรุกยึดครองดินแดนของชาติอื่น และปฏิบัติตามกฎของยูเอ็นอย่างเคร่งครัด

ในการประชุมสุดยอดระหว่างปธน.สี, แมร์เคิล และมาครง สีก็ได้เน้นถึงการร่วมมือระหว่างจีนและยุโรป เพื่อทำให้เติบโตรุ่งเรืองไปด้วยกัน ซึ่งจะเพิ่มพูนความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และต้องอยู่บนพื้นฐานของความเคารพอย่างเท่าเทียมกัน ความไว้วางใจกัน ไม่ใช่เต็มไปด้วยความหวาดระแวงไม่ไว้ใจกัน หรือคอยขัดแข้งขัดขากัน

ปธน.สี พูดถึงความร่วมมือที่จะทำให้เกิดชัยชนะทั้งสองฝ่าย (Win-Win) ซึ่งจะต่างกับการแข่งขันแบบเอาเป็นเอาตาย ซึ่งผู้ชนะจะเข้ายึดครองทุกสิ่ง และผู้แพ้ก็จะสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างจนแม้แต่ชีวิตก็รักษาไว้ไม่ได้ (เป็น Zero sum game คือมีแต่ Winner-Loser หรือ Winner Takes All) ซึ่งจีน-เมื่อในอดีต-สู้กับตะวันตก; แต่ถูกรังแกและแพ้อย่างราบคาบ ต้องเสียดินแดน และมีแต่ความอัปยศอดสู

ปธน.สี ยังพูดถึงการร่วมมือในด้านต่างๆ ที่โลกรออยู่ ทั้งโลกร้อน, ความหลากหลายในชีวภาพ, ด้านไวรัสระบาด ฯลฯ และเนื่องจากอาจมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันในบางเรื่อง ก็จะเน้นในสิ่งที่จะร่วมทำงานด้วยกัน แต่จะไม่เน้นในเรื่องที่เห็นต่างกัน

การประชุมสุดยอดจีน-เยอรมนี-ฝรั่งเศสนี้ เกิดขึ้นตัดหน้าก่อนการประชุมสุดยอด G20 ที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ ซึ่งจะเป็นการพบกันของผู้นำเขตเศรษฐกิจใหญ่ยิ่ง 20 ประเทศ ที่เป็นเสมือนตัวแทนของทวีปต่างๆ

และเป็นสิ่งที่ปธน.สีได้แสดงให้ทั่วโลกได้เห็นว่า 2 ประเทศใหญ่สุดของยุโรป-ที่สหรัฐฯ มั่นหมายให้เลือกข้างอยู่กับฝั่งสหรัฐฯ เพื่อหันหลังให้กับจีนนั้น ปรากฏว่า ทั้งสองประเทศกลับมีมิตรไมตรีอย่างยิ่งกับจีน โดยพร้อมร่วมมือกับจีนในหลายๆ ด้าน เพราะวันนี้จีนมีความแข็งแกร่งทั้งด้านการลงทุน และเทคโนโลยี ตลอดจนเป็นตลาดยักษ์สำหรับแทบทุกประเทศในโลก ซึ่งยุโรปจะไม่สามารถเติบโตโดยหันหลังให้กับจีนได้

ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส


กำลังโหลดความคิดเห็น