"ฝั่งขวาเจ้าพระยา"
"โชกุน"
“ถ้าอีฟไม่ไปกินเจ้าผลไม้ต้องห้ามลูกนั้น ก็จะไม่มีบาป ไม่มีผิด ไม่มีถูก และแน่นอนว่า จะไม่มีข่าว” นี่คือที่มาของชื่อ “แอปเปิล” ที่จิมมี่ ไหล ผู้ก่อตั้งเคยอธิบายไว้
แอปเปิล เดลี่เป็นหนังสือพิมพ์ภาษาจีนรายวันแบบ “แทบลอยด์” ของฮ่องกง แบบแทบลอยด์ในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงรูปเล่มของหนังสือพิมพ์ ซึ่งมีขนาดเป็นครึ่งหนึ่งของ “บรอดชีต” คือ หนังสือพิมพ์ไซส์ปกติ แต่หมายถึงเนื้อหา สไตล์การนำเสนอ ที่เป็นข่าวอาชญากรรม บันเทิง เรื่องซุบซิบคนดังเป็นหลัก ใช้รูปใหญ่ๆ พาดหัวหวือหวา เร้าใจ ที่บ้านเราเรียกว่า หนังสือพิมพ์ “หัวสี”
แต่แอปเปิล เดลี่ เป็นแทบลอยด์ ที่มีจุดยืนต่อต้านพรรคคอมมิวนิสต์จีน และรัฐบาลจีนด้วย เป็นกระบอกเสียงของขบวนการเคลื่อนไหว เพื่อสิทธิเสรีภาพ ความเป็นอิสระของฮ่องกง โดยจิมมี่ ไหล มักวิพากษ์วิจารณ์ผู้นำจีนรุ่นต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการประท้วงต่อต้านจีนของชาวฮ่องกง เมื่อปี 2019 จิมมี่ ไหล เป็นผู้นำและผู้สนับสนุนที่อยู่เบื้องหลัง และแอปเปิล เดลี่ เป็นกระบอกเสียงที่แข็งขันของขบวนการต่อต้าน ใช้พื้นที่หน้า 1 ชักชวนคนให้ออกมาร่วมประท้วง จิมมี่ ไหลเอง เคยเข้าพบรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ นายไมค์ ปอมเปโอ ขอให้สหรัฐฯ แซงชั่นจีนที่ปราบปรามผู้ประท้วง
ด้วยเหตุนี้ แอปเปิล เดลี่ และจิมมี่ ไหล จึงเป็นหอกข้างแคร่ และเป็นสื่อต้องห้ามสำหรับรัฐบาลจีนมาตลอดระยะเวลา 26 ปี นับตั้งแต่จิมมี่ ไหล ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ขึ้นมาเมื่อปี 1995 สองปีก่อนหน้าที่ฮ่องกงจะกลับคืนเป็นส่วนหนึ่งของจีน ภายใต้หลักการ 1 ประเทศ 2 ระบบ ในปี 1997
จิมมี่ ไหล เกิดที่เมืองกวางโจว ในครอบครัวที่มีอันจะกิน แต่เมื่อพรรคคอมมิวนิสต์ จีนชนะสงครามกลางเมืองขึ้นสู่อำนาจในปี 1949 ครอบครัวของเขาโดนยึดทรัพย์ จิมมี่ ไหล ในวัยเพียง 12 ปี ต้องลงเรือประมงหลบหนีมาอยู่ที่ฮ่องกง และสร้างเนื้อสร้างตัว จนร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีจากธุรกิจสิ่งทอ เขาเป็นเจ้าของกิจการเสื้อผ้าแบรนด์ “Giordano” ที่โด่งดังในเอเชีย เมื่อสิบปีก่อน
วันที่ 20 มิถุนายน ปี 1995 หนังสือพิมพ์แอปเปิล เดลี่ วางจำหน่ายเป็นครั้งแรก และประกาศผ่านบทบรรณาธิการในฉบับปฐมฤกษ์นั้นว่า
“ตราบใดที่ผู้อ่านเลือกเรา สนับสนุนแนวทางวารสารศาสตร์ของเรา และเห็นด้วยกับจุดยืนของเรา เราจะยืนหยัดอย่างมั่นคงได้ ไม่ว่าแรงกดดันจะรุนแรงสักเพียงใด”
เดือนมิถุนายนปีที่แล้ว หลังจากการชุมนุมประท้วงจีนในฮ่องกงอ่อนแรง และสลายตัวไปในที่สุด ท่ามกลางสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิดระลอกแรกในฮ่องกง รัฐบาลจีนฉวยโอกาสออกกฎหมายความมั่นคง เอาผิดการกระทำที่ทางการเห็นว่า เป็นภัยต่อเสถียรภาพ และความมั่นคง โดยอำนาจของกฎหมายแผ่คลุมมาถึงฮ่องกงด้วย ผู้นำการชุมนุมจำนวนมากถูกจับภายใต้กฎหมายนี้ รวมทั้งจิมมี่ ไหล
เขาถูกตำรวจฮ่องกงจับพร้อมกับผู้นำการเคลื่อนไหวอีก 8 คน ในวันที่ 10 สิงหาคม ปีที่แล้ว แต่ได้รับการประกันตัว ต่อมาในวันที่ 3 ธันวาคม จิมมี่ ไหลถูกคุมตัวในข้อหาฉ้อโกงเกี่ยวกับการเช่าอาคารที่ทำการแอปเปิล เดลี่ วันที่ 11 ธันวาคม เขาถูกกล่าวหาว่า สมคบกับต่างชาติกระทำการที่เป็นภัยต่อประเทศ แต่ได้รับการประกันตัวกลับมาฉลองวันคริสต์มาสกับครอบครัว ก่อนที่จะถูกถอนประกันในวันสิ้นปีด้วยข้อกล่าวหาว่า เกรงจะหลบหนี
ศาลฮ่องกงตัดสินจำคุกเขา 14 เดือน ในความผิดฐานร่วมการชุมนุมที่ผิดกฎหหมาย ในเดือนสิงหาคม ปี 2019 ยังมีอีกหลายข้อหาที่กำลังอยู่ในศาล ซึ่งรวมกันแล้ว อาจทำให้เขาติดคุกตลอดชีวิต รวมทั้งอายัดหุ้นในบริษัท เนกซ์ ดิจิทัล เจ้าของแอปเปิล เดลี่ ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง
วันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา ก่อนวันครบรอบ 26 ปีของแอปเปิล เดลี่ เพียง 3 วัน ตำรวจฮ่องกงบุกค้นสำนักงานใหญ่ และกองบรรณาธิการ อายัดทรัพย์สินมูลค่า 18 ล้านเหรียญฮ่องกง โดยอ้างว่า แอปเปิล เดลี่ เสนอข่าวที่เข้าข่ายละเมิดกฎหมายความมั่นคง นอกจากนั้น ยังจับตัวบรรณาธิการและผู้บริหารอีก 4 คนไปด้วย
จีนไม่ได้สั่งปิดแอปเปิล เดลี่ แต่บีบให้แอปเปิล เดลี่ ต้องปิดตัวเอง การถูกอายัดทรัพย์สิน ทำให้แอปเปิล เดลี่ ถูกตัดเส้นเลือดใหญ่อย่างกะทันหัน ไม่มีเงินที่จะทำหนังสือพิมพ์ต่อไป กรรมการบริษัท เนกซ์ ดิจิทัล ซึ่งเป็นเจ้าของแอปเปิล เดลี่ เรียกประชุมบอร์ดด่วน และมีมติให้หยุดการดำเนินกิจการแอปเปิล เดลี่
คืนวันที่ 23 มิถุนายน ท่ามกลางสายฝนโปรยปราย คนฮ่องกงหลายร้อยคน ไปออกันอยู่หน้าสำนักงานใหญ่แอปเปิล เดลี่ เพื่ออำลา และให้กำลังใจกองบรรณาธิการที่กำลังปิดต้นฉบับ แอปเปิล เดลี่ ฉบับสุดท้าย ประจำวันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน 2021 ซึ่งยอดพิมพ์ขึ้นเท่าตัวเป็น 1 ล้านฉบับ และหมดไปจากแผงทั่วฮ่องกงในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
บทบรรณาธิการของ “หมิง เป่า” หนังสือพิมพ์คู่แข่ง ระบุว่า ความผิดพลาดของแอปเปิล เดลี่ คือเข้าไปร่วมเคลื่อนไหวทางการเมือง ทำให้แอปเปิล เดลี่ เป็นสื่อที่ไม่เหมือนสื่อทั่วไป
“เมื่อองค์กรสื่อกลายเป็นเครื่องมือต่อสู้ทางการเมือง และเบี่ยงเบนออกจากแนวปฏิบัติที่ยึดถือกันมา ก็หนีไม่พ้นปัญหาแทรกซ้อนที่จะเกิดขึ้น” เป็นข้อความตอนหนึ่งในบทบรรณาธิการนี้