xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ยกที่ 3 มหากาพย์ “วินด์ เอนเนอร์ยี่” อัยการสั่งฟ้อง คุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา” กับ “ตอนจบ” ที่ยังไม่อาจคาดเดา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


คุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ถึงกับต้อง “หูผึ่ง” ในทันทีทันใด เมื่อปรากฏข่าวว่า  “อัยการ”  สั่งฟ้อง “คุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา” 
ก็จะไม่ให้  “หูผึ่ง”  ได้อย่างไร เพราะเรื่องนี้มีความเกี่ยวพันกับ  “บุคคลสำคัญ”  ทั้งในแวดวงนักธุรกิจ และวงการตำรวจหลายต่อหลายคนด้วยกัน
แค่ตัว “คุณหญิงกอแก้ว” เองก็ไม่ธรรมดาแล้ว ด้วยคุณหญิงเป็นภรรยาของ  พล.ต.อ.พจน์ บุณยะจินดา” อดีตอธิบดีกรมตำรวจ เป็น  “แม่”  ของ “ดัง-พันกร บุณยจินดา”  ซึ่งเป็นนักร้องชื่อดัง แต่ที่คุณหญิงไปเกี่ยวข้องด้วยตรงๆ ก็คือเธอมีสถานะเป็น  “แม่ยาย”  ของ  “นายณพ ณรงค์เดช” 
เป็น “ณพ ณรงค์เดช” ที่เป็นลูกชายของ  “นายเกษม ณรงค์เดชและคุณหญิงพรทิพย์ ณรงค์เดช” 

และคดีความดังกล่าวก็เป็นผลสืบเนื่องมาจากคดีพิพาทหุ้น  “บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่โฮลดิ้ง จำกัด(WEH)” ผู้ประกอบการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานกังหันลมรายใหญ่ที่สุดของประเทศและภูมิภาคอาเซียน ที่มีเรื่องราวฟ้องร้องกันมาตั้งแต่ปี 2561โดยนายเกษมผู้ก่อตั้ง บริษัท เคพีเอ็น แจ้งความ สน.ท่องหล่อ ให้ดำเนินคดีกับ คุณหญิงกอแก้วและพวก ในความผิดฐานปลอมแปลงเอกสารสิทธิและใช้เอกสารปลอม หลังตรวจสอบพบว่า มีการปลอมลายเซ็นในสัญญาแต่งตั้งตัวแทน ที่อ้างว่าได้ร่วมกันทำขึ้นระหว่าง นายเกษม กับคุณหญิงกอแก้ว และเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นบริษัทวินด์เอนเนอร์ยี่โฮลดิ้ง
รวมทั้งเกี่ยวพันกับ  “นพพร ศุภพิพัฒน์” หรือ “เสี่ยนิค” อดีตประธานกรรมการบริหาร หนึ่งในมหาเศรษฐีที่อายุน้อยที่สุด ติดอันดับ 31 ใน 50 ของมหาเศรษฐีประจำปี 2557 ที่จัดขึ้นโดยนิตยสาร ฟอร์บส์ ไทยแลนด์ (FORBES THAILAND) ซึ่งต่อมาตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลทหารกรุงเทพ เลขที่ 138 /2557 ลงวันที่ 1 ธ.ค. 2557 ด้วยความผิดตาม ม.112

สำหรับคดีความอันเป็นที่มาของ  “มหากาพย์ศึกสายเลือด”  นั้น ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง แต่ที่ถือเป็นไฮไลท์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2561 ที่ผ่านมา โดยนายเกษมพร้อมด้วย นายกฤษณ์ ณรงค์เดช (พี่ชายคนโต) และนายกรณ์ ณรงค์เดช (น้องชายคนสุดท้อง)  ตั้งโต๊ะแถลงข่าวร่วมกันพร้อมกับทีมทนายความ โดยระบุว่าได้มีการปลอมแปลงลายเซ็นของตนเองในการมอบอำนาจและโอนหุ้นที่ถือครองอยู่ใน วินด์ เอนเนอร์ยี่ ให้กับคุณหญิงกอแก้ว โดยเป็นการร่วมมือกันระหว่าง นายณพและ นายสุรัตน์ จิรจรัสพร ซึ่งมีการกล่าวอ้างว่า ตนเป็นผู้ป่วยที่อยู่ในสถานะไม่สมบูรณ์พร้อม และไม่สามารถควบคุมดูแลกิจการต่อไปได้ พร้อมนำเอกสารหลักฐานพิสูจน์การปลอมแปลงลายเซ็นมาแสดง หลังก่อนหน้านี้เคยฟ้องร้องในเรื่องดังกล่าวมาแล้วแต่ศาลพิพากษายกฟ้อง เพราะโจทก์พิสูจน์ข้อเท็จจริงไม่ได้ ซึ่ง ณ ขณะนั้นมีข่าวว่าคุณหญิงกอแก้ว จะฟ้องกลับด้วย
กระทั่งเมื่อ เมื่อวันที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมา อัยการสูงสุดมีคำสั่งเด็ดขาดฟ้อง คุณหญิงกอแก้วและพวก ต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ในข้อหาปลอมเอกสาร และใช้เอกสารปลอม หลังการยื่นอุทธรณ์คดีอีกครั้ง

แน่นอน เชื่อว่าคงยังไม่ลืมชื่อ บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่โฮลดิ้ง จำกัด อันเป็นต้นเหตุของการฟ้องร้องครั้งนี้ โดยหลังเสี่ยนิค-นพพรหนีคดี วินด์ เอนเนอร์ยี่ฯ ก็ประสบกับปัญหาในการดำเนินธุรกิจมาอย่างต่อเนื่อง และในช่วงนั้นนั่นเอง กลุ่ม เคพีเอ็น โดย “นายณพ” ได้เข้าซื้อหุ้น บริษัทรีนิวเอเบิล เอนเนอร์ยี่ หรือ อาร์อีซี( REC) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน WEH จากนายนพพร ด้วยมูลค่าประมาณ 600 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยได้ออกตั๋วแลกเงินเพื่อนำเงินมาจ่ายค่าซื้อหุ้นให้กับนายนพพร จากนั้นได้แบ่งชำระเป็นงวด ๆ ซึ่งงวดแรกมีการชำระแล้ว 100 ล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วงของการซื้อเมื่อปีปลายปี 2557 สำหรับเงินที่เหลือ 500 ล้านเหรียญสหรัฐไม่สามารถชำระเงินได้ตามเงื่อนไข ประกอบกับนายนพพรโดนคดีหนีไปต่างประเทศ ยากต่อการตามเงินค่าซื้อ และคิดว่าการที่นายนพพรหลบคดีลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ ไม่สามารถตามเงินได้ หนี้ที่เหลือ 500 ล้านเหรียญสหรัฐ จึงไม่มีการชำระกัน
“นายณพ” ได้กลายเป็น “ผู้ป็นผู้ถือหุ้นใหญ่” และเป็นกลุ่มผู้บริหารชุดใหม่ที่เข้ามาบริหารธุรกิจของ วินด์ ฯ ตั้งแต่ตุลาคม ปี 2558 กระนั้นก็ดี การบริหารงานก็มิได้ราบรื่น แถมยังกลายเป็น “ข้อพิพาท” ที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง เพราะแม้จะหนีไปอยู่ต่างประเทศ แต่ก็เรียกว่ามีเส้นสายในระดับที่ไม่ธรรมดา ในที่สุดข้อพิพาทซึ่งตกลงกันไม่ได้ก็ขยายวงออกมาเมื่อมีการนำเรื่องเข้าร้องเรียนต่อคณะอนุญาโตตุลาการหอการค้านานาชาติ และนำมาซึ่งคำสั่งห้ามจำหน่ายจ่ายโอนหุ้น WEH พร้อมบริษัทที่เกี่ยวข้องตามที่ปรากฏเป็นข่าวก่อนหน้านี้
จากนั้น ข้อพิพาทก็มาปะทุหนักขึ้นเมื่อนายณพกำลังทำไฟลิ่ง หรือเตรียมนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ เมื่อกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมได้ร่วมกันยื่นฟ้องเพื่อดำเนินคดีอาญากับนายณพ ณรงค์เดช และ บริษัท เคพีเอ็น เอนเนอยี โฮลดิ้ง จำกัด (KPNEH) พร้อมพวกรวม 13 ราย
นอกจากณพแล้ว จำเลยที่ถูกหางเลขคดีไปด้วยยังประกอบด้วยบุคคลในตระกูลณรงค์เดช ทั้ง ดร. เกษม ณรงค์เดช นายกฤษณ์ ณรงค์เดช และนางพอฤทัย (บุณยะจินดา) ณรงค์เดช (ลูกสาว พล.ต.อ.พจน์ บุณยะจินดา อดีตอธิบดีกรมตำรวจ พี่สาวของ ดัง-พันกร บุณยะจินดา) ภรรยาของณพอีกด้วย
การฟ้องร้องเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2561 โดย บริษัทเน็กซ์โกลบอล อินเวสเมนท์ บริษัท ไดนามิค ลิ้งค์ เวนเจอร์ และ บริษัทซิมโฟนี่ พาร์ทเนอร์ ในฐานะผู้ถือหุ้นเดิมของ บริษัทรีนิวเอเบิล เอนเนอร์ยี่ หรือ อาร์อีซี ปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท เคพีเอ็น เอนเนอร์ยี่ ประเทศไทย ได้ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้องในความผิดฐานร่วมกันโกงเจ้าหนี้ มูลค่ามากกว่า 20,000 ล้านบาท ที่ศาลแขวงพระนครใต้
ต่อมาเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2561 นายณพได้แถลงการณ์ถึงคดีความดังกล่าว ความว่า ข่าวดังกล่าวมุ่งทำให้ตนเองและบริษัทได้รับความเสียหายและเป็นการยั่วยุให้มีผู้เสียหายบางคนเตรียมการดำเนินคดีต่อผู้เป็นโจทย์และบุคคลที่เกี่ยวข้อง มูลเหตุที่เกิดการฟ้องเท็จและสร้างเรื่องให้เป็นข่าวในหนังสือพิมพ์นั้น สืบเนื่องมาจากผู้ขายหุ้นประสบปัญหาจนต้องลี้ภัยในต่างประเทศ จึงได้ไปเร่ขายหุ้นให้แก่ผู้อื่นหลายราย แต่ไม่อาจขายได้ เพราะในขณะนั้นสภาพกิจการไม่อาจดำเนินการต่อไปได้ กลุ่มบริษัทของตนจึงรับความเสี่ยงเข้าซื้อหุ้นไป ซึ่งต่อมากิจการได้ถูกฟื้นฟูให้ดีขึ้น
และในที่สุดคดีความดังกล่าวที่เกี่ยวข้องกับวินด์ เอนเนอร์ยี่ฯ ก็นำไปสู่ “มหากาพย์ศึกสายเลือดณรงค์เดช” เมื่อ ครอบครัวณรงค์เดช-กลุ่มบริษัทเคพีเอ็น ได้ออกแถลงการณ์ ประกาศไม่ขอรับผิดชอบกับการกระทำใดๆของทายาทคนกลาง หลังเจอปัญหาถูกฟ้องร้องคดีซื้อขายหุ้นบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด (WEH) โดยลากคนในตระกูลติดร่างแหไปด้วย จนเป็นที่มาของแถลงการณ์ที่ระบุการดำเนินการใดๆของ นายณพที่ผ่านมา และต่อจากนี้ครอบครัวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น และจะดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้องให้ถึงที่สุด หากมีการนำชื่อสมาชิกครอบครัวณรงค์เดชไปใช้โดยไม่ได้รับการยินยอม

ก่อนที่ในเวลาต่อมา นายเกษม ผู้เป็นพ่อ จะยื่นฟ้องคดีอาญาต่อนายณพ และคุณหญิงก่อแก้ว แม่ภรรยาของนายณพ คดีใช้เอกสารปลอมในการโอนหุ้นวินด์ฯ หลังตรวจสอบพบข้อมูลว่า ในช่วงเดือนเม.ย.2559 หลังจากที่ ฟุลเลอร์ตัน เบย์ อินเวสเม้นท์ ลิมิเต็ด และ บริษัท เคพีเอ็นเอนเนอยี่โฮลดิ้ง จำกัด เข้ามาถือครองหุ้นวินด์ ต่อจาก เอสพีแอล เอ็นจีไอ และดีแอลวี หุ้นทั้งหมด ได้ถูกโอนต่อมาในชื่อของนายเกษม จากนั้นหุ้นทั้งหมดได้ถูกโอนต่อไปที่บริษัท Golden Music Limited ในฮ่องกง โดยปรากฏชื่อนายเกษม เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ในช่วงเดือน ส.ค.2560

ทว่า ในช่วงเดือน มิ.ย.2560 ชื่อของนายเกษม ก็ถูกถอดออกจากการเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ปรากฏชื่อ คุณหญิงก่อแก้วเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่แทน โดยอ้างเอกสารสัญญาแต่งตั้งตัวแทนระหว่างคุณหญิงก่อแก้วกับ นายเกษม ที่ทำขึ้นเมื่อวันที่ 25 เม.ย.2559 มีนายณพ ลงนามเป็นพยาน

ส่วนสุดท้ายาแล้ว คดีความจะจบลงอย่างไร ต้องติดตามอย่างไม่กระพริบตา


กำลังโหลดความคิดเห็น