xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

เบื้องลึก “บิ๊กแป๊ะ” ปะทะ “บิ๊กวิน” กับประโยคเด็ด “เป็นผม ผมไม่ทำ” ศึกเชิงเก้าอี้ “ผู้ว่าฯ กทม” ร้อนฉ่าองศาเดือด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - คงไม่ถึงขั้น “ผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ” กระมัง สำหรับการปะทะกันล่าสุดของ “2 นายพลตำรวจใหญ่” คือ “b อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ b ผู้ว่าฯ กทม.คนปัจจุบัน ในสนามเลือกตั้ง “ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.)” ที่กำลังเป็นประเด็นร้อนอยู่ในขณะนี้

ทว่า ก็มีความเป็นไปได้เช่นกันที่สถานการณ์จะเดินไปสู่จุดนั้น เพราะถ้า “คุยกันรู้เรื่อง” คงไม่ดุเดือดเลือดพล่านขนาดนี้ ด้วยงานนี้มีเดิมพันสูง และทั้งสองฝ่ายไม่อาจพลาดได้

เป็นที่รับรู้กันว่า “บิ๊กแป๊ะ” นั้น ตัดสินใจปักหมุดลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.แทบจะทันทีที่เกษียณอายุราชการ ดังที่ “บิ๊กวิน” เคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า “เขาก็โทร.มาหารือผม ถามผมว่าลูกพี่เอาไง ผมบอกว่ายังไม่ได้ตัดสินใจ” ส่วนตัว “บิ๊กวิน” นั้นเล่า เหตุที่ยังไม่ตัดสินใจหรือ “ยึกยัก” ตามสไตล์เป็นเพราะต้องการหยั่งคะแนนนิยมว่าจะลง “อิสระ” หรือลงในนาม “พลังประชารัฐ” ภายใต้ร่มเงาของรัฐบาล 3 ลุง อย่างไหนจะดีกว่ากัน แต่ก็เป็นที่รับรู้กันว่า “เอาแน่” เพราะเดินสายหายเสียงในกลุ่มต่างๆ มาอย่างสม่ำเสมอ

เพราะฉะนั้นเมื่อเส้นทางการเมืองของ 2 ตำรวจใหญ่มาบรรจบกัน “ความมัน” ก็บังเกิด ด้วย “ไก่ย่อมเห็นตีนงู” และ “งูก็ย่อมเห็นตีนไก่” ส่วนใครจะเป็นไก่เป็นงู...ไม่ทราบได้ แต่ที่แน่ๆ คือเมื่อทั้งสองคนลงจะเกิดการตัดคะแนนกันเองเพราะฐานเสียงอยู่ใน “ฝ่ายรัฐบาล” เหมือนกัน

สำหรับศึกยกใหม่ระหว่าง “พี่วิน” กับ “น้องแป๊ะ” นั้นปรากฏเป็นรูปเป็นร่างต่อสาธารณชนเมื่อ “บิ๊กแป๊ะ” ได้โพสต์รูปผ่านเพจ “จักรทิพย์คนทำงาน โดยเป็นภาพป้ายโฆษณาตามท้องถนน แสดงผลงานต่างๆ ของ “บิ๊กวิน” พร้อมระบุข้อความประกอบว่า “เป็นผม ผมไม่ทำ” เรียกว่า เปิดหน้าท้าชนกันแบบไม่ยั้งเลยทีเดียว

แหม...เห็นแล้วก็ต้องบอกว่า เข้าอกเข้าใจ “บิ๊กแป๊ะ” อยู่ไม่น้อย เพราะป้ายโฆษณาที่ว่านั้น ไม่อาจมองเป็นอย่างอื่นได้นอกจากตั้งใจจะ “หาเสียง” และอาจถูกตีความได้เต็มๆ เช่นกันว่า ใช้ “ทรัพยากรของ กทม.” ในการหาเสียง ดังที่ “บิ๊กแป๊ะ” เขียนบรรยายสั้นๆ แต่ได้ใจความว่า “เป็นผม ผมไม่ทำ”

ขณะที่ฝ่าย “บิ๊กวิน” เองก็ดูเหมือนจะไม่ยอมเช่นกัน เพราะทันทีที่ปรากฏเป็นข่าวก็มีปฏิบัติการตอบโต้ “บิ๊กแป๊ะ”โดยได้แชร์ภาพไวนิลของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ เมื่อครั้งยังสมัยตำรงตำแหน่งเป็น ผบ.ตร. กับกิจกรรมแจกอาหารให้ฟรีจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมระบุข้อความเช่นกันว่า “เป็นผม ผมไม่ทำ” ซึ่งถ้าใครได้ไปติดตามการแสดงความคิดเห็นใน “เพจจักรทิพย์คนทำงาน” ด้วยแล้ว ก็ยิ่งรับรู้ได้ถึงความดุเดือด เพราะบรรดา “บิ๊กวินแฟนคลับ” ดาหน้าเข้าไปถล่มกันอย่างหนักพร้อมกล่าวหาว่าเป็นการ “ดิสเครดิตทางการเมือง”

จะว่าไปการหาเสียงของ “บิ๊กวิน” ปรากฏถี่ขึ้นเป็นลำดับในช่วงหลังๆ เพราะประจวบเหมาะกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เปิดช่องให้สามารถหาเสียงได้ และก็มีการท้วงติงจาก “ฝ่ายการเมือง” มาอย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้ “เสี่ยทริป-ชัชชาติ สิทธิพันธ์” ว่าที่ผู้สมัครชิง ผู้ว่าฯ กทม.อีกคน ได้โพสต์ภาพการหาเสียงจากการฉีดวัคซีน ของ “บิ๊กวิน” และวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม เช่นเดียวกับ “ส.ส.กรนิศ งามสุคนธ์” จากพรรคพลังประชารัฐ ก็ออกมาโวยเรื่องการกั๊กแจกบัตรคิวในการฉีดวัคซีนที่คลองเตยว่า มีการหวังผลทางการเมือง

แต่เอาเข้าจริงก็ต้องยอมรับว่า “ผลงาน” หรือ “ฝีไม้ลายมือ” ของ “พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง” พ่อเมืองกรุงเทพฯ ในโมงยามที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังไม่เข้าตากรรมการเท่าใดนัก กระทั่งถูกตั้งคำถามอยู่บ่อยครั้ง เพราะเวลานี้ “กรุงเทพฯ” เมืองหลวงของไทยคือพื้นที่ที่อันตรายต่อการใช้ชีวิต เพราะสุ่มเสี่ยงที่จะติดเชื้อ โดยมีอัตราการติดเชื้อและเสียชีวิตมากที่สุดของประเทศ ที่สำคัญคือยังขาด “มาตรการเชิงรุก” ในการสกัดกั้นโรคร้ายมิให้ขยายวงออกไป ทั้งๆ ที่ก็น่าจะมีบทเรียนหรือประสบการณ์ในการแพร่ระบาดครั้งก่อนๆ ว่า พื้นที่ไหนเป็นพื้นที่เสี่ยง พื้นที่เป็นพื้นที่ที่ต้องระวัง แต่ก็มิได้มีคำสั่งที่จะควบคุม หรือมีก็เป็นไปอย่างหลวมๆ จนกลายเป็น “จุดที่เปราะบางที่สุดของระบบสาธารณสุขไทย”

ดูอย่าง “ชุมชนคลองเตย” นั่นปะไรที่รู้อยู่เต็มออกว่า “เสี่ยงสุดๆ” แต่กว่าที่จะรู้ตัว ก็แทบจะสายเกินแก้ ส่งผลให้บุคลากรทางการแพทย์ต้องทำงานกันสายตัวแทบขาด

ที่หนักไปกว่านั้นก็คือ ในพื้นที่เขตคลองเตยยังมีการนำชื่อ “ผู้ว่าฯกทม. และที่ปรึกษา ผู้ว่าฯกทม.” ไปติดให้เห็นกันทั่ว ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า เป็นการหวังผลทางการเมือง


ข้อเท็จจริงที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ก็คือ เมืองหลวงของไทยมีระบบสาธารณสุขที่ดูแลตัวเองภายใต้ความรับผิดชอบของ “กรุงเทพมหานคร(กทม.)” ที่เวลานี้มี “พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง” เป็นผู้ว่าราชการ มีบุคลากร มีโรงพยาบาลและมีอำนาจการบริหารเป็นของตัวเอง โดยที่ “กระทรวงสาธารณสุข” ไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายได้ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีปัญหามาโดยตลอด เพียงแต่ที่ผ่านมา “ฝียังไม่แตก” ให้เห็น แต่คราวนี้ไม่ใช่

เพราะฉะนั้นจงอย่าแปลกใจที่ “ลุงตู่” จำต้องรวบอำนาจเพื่อให้การบริหารสั่งการเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ใช่ไปกันคนละทางสองทางเหมือนที่ผ่านมา และเกิดความผิดพลาดให้เห็นจนมีการ “งัดข้อ” กันหลายต่อหลายครั้ง

งานนี้ ก็ไม่รู้ว่า “ลุงๆ” จะเรียก “บิ๊กแป๊ะ” กับ “บิ๊กวิน” มาเคลียร์กันหรือไม่ เพราะดูเหมือนจะไม่ใช่ “เรื่องเล็กๆ” ที่จะจบลงง่ายๆ หากอาจลุกลามบานปลายจนยากจะประสานรอยร้าวได้ ด้วยเห็นสัญญาณแล้วว่า ปะทะกันรุนแรง ไม่เช่นนั้นคงไม่เปิดศึกผ่านสื่อให้สาธารณชนเห็นเยี่ยงนี้

ส่วนใครจะเรียกเคลียร์ “ลุงตู่” หรือ “ลุงป้อม” ก็คงต้องติดตามหรือบางทีทั้งสองคนอาจนิ่งเฉยเลยผ่านก็ได้ เพราะเวลานี้แค่การรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็ทำเอารัฐบาลเซซวนไปอย่ไม่น้อยเช่นกัน แต่ที่แน่ๆ คือ “คนวงใน” อย่าง “ไพศาล พืชมงคล” ถึงกับออกโรงโพสต์เตือนทั้งสองฝ่ายเอาไว้ว่า “นี่ก็อยู่ฝ่ายเดียวกันไฉนต้องปะทะกันด้วยเล่า!!!!....น่าจะจับเข่าคุยกันนะครับ...มากินกาแฟคุยกันไหมล่ะครับ ดูตราแผ่นดินสิครับก็จะรู้ว่าต้องทำอะไร”




กำลังโหลดความคิดเห็น