ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - น่าสนใจว่าถัดจากกระแส #ย้ายประเทศกันเถอะ ในอนาคตอันใกล้ตัวเลขคนไทยที่อาศัยอยู่ในต่างแดนจะทุบสถิติเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งนานาประเทศทั่วโลกเปิดรับชาวต่างชาติที่สนใจย้ายถิ่นฐาน เสนอคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า สิทธิด้านสวัสดิการ ระบบสาธารณูปโภคครบครัน ฯลฯ
ดูจากสถิติของกระทรวงการต่างประเทศรายงาน ปี 2563 มีชาวไทยอาศัยอยู่ต่างแดนอย่างถูกกฎหมายจำนวน 1,276,546 คน ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีทิศทางยังเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ กว่า 150,000 คน อ้างอิงจากสถิติโดยประมาณของกระทรวงฯ วันที่ 9 มี.ค. 2564
สำนักข่าว The Associated Press รายงานผลการจัดอันดับประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก (World Happiness Report 2021) ซึ่งเป็นปีที่สะท้อนผลกระทบจากโควิด-19 ต่อความสุขของประชากรโลก โดยปัจจัยที่ถูกนำมาพิจารณาวัด “ความสุขของประชากร”
โดยบริษัทวิเคราะห์วิจัยข้อมูลแกลลัพรวบรวมข้อมูลจากประชาชนใน 149 ประเทศจัดอันดับความสุขในประเทศของตัวเอง รวมถึงพิจารณาจากปัจจัยสำคัญอย่างการได้รับความสนับสนุนทางสังคม เสรีภาพส่วนบุคคล ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือจีดีพี และระดับปัญหาการคอร์รัปชันภายในประเทศ
ทุกๆ ปีจะมีการจัดอันดับประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก สำหรับปี 2564 พบว่า
อันดับ 1 ฟินแลนด์ แชมป์ประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลกติดต่อกัน 4 ปี ซ้อน โดยมีคะแนนความสุขอยู่ที่ 7.842 คะแนน ส่วนลำดับถัดไปประกอบด้วย อันดับ 2 เดนมาร์ก 7.620 คะแนน อันดับ 3 สวิตเซอร์แลนด์ 7.571 คะแนน อันดับ 4 ไอซ์แลนด์ 7.554 คะแนน อันดับ 5 เนเธอร์แลนด์ 7.464 คะแนน อันดับ 6 นอร์เวย์ 7.392 คะแนน อันดับ 7 สวีเดน 7.363 คะแนน อันดับ 8 ลักเซมเบิร์ก 7.324 คะแนน อันดับ 9 นิวซีแลนด์ 7.277 คะแนน อันดับ 10 ออสเตรีย 7.268 คะแนน
จะเห็นว่าประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลกส่วนใหญ่อยู่ในทวีปยุโรป
ขณะที่ประเทศอื่นๆ อาทิ สหราชอาณาจักร อยู่ในอันดับที่ 17 สหรัฐอเมริกา อันดับที่ 19 ไต้หวัน อันดับที่ 24 สิงคโปร์ อันดับที่ 32 ส่วนประเทศที่มีความสุขน้อยที่สุดในโลก คือประเทศอัฟกานิสถาน อยู่ในอันดับที่ 149
สำหรับประเทศไทย มีความสุขอยู่ในอันดับที่ 54 ของโลก ด้วยคะแนน 5.985 คะแนน ถึงไม่ TOP 10 แต่เรียกว่ามีความสุขพอสังเขป หากเทียบเคียงกับประเทศในแถบเอเชียพบว่า ญี่ปุ่น อยู่ในอันดับที่ 56, เกาหลีใต้ อันดับที่ 62, ฮ่องกง อันดับที่ 77, เวียดนาม อันดับที่ 79, มาเลเซีย อันดับที่ 81, อินโดนีเซีย อันดับที่ 82, จีน อันดับที่ 84, ลาว อันดับที่ 100, กัมพูชา อันดับที่ 114, เมียนมา อันดับที่ 126
แม้ไทยได้รับการจัดอันดับที่ 54 ดีกว่าหลายประเทศในเอเชีย ต้องไม่ลืมว่ามีอัตราการฆ่าตัวตายสูงสุดในอาเซียน โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่าการฆ่าตัวตายของไทยรายปีอยู่ที่ 14.4 ต่อ 100,000 คน ขณะที่เฉลี่ยแล้วในระดับโลกอยู่ที่ 10.5 ต่อ 100,000 คน นับตั้งแต่ครึ่งปีแรกของปี 2563 ในช่วงที่โควิด-19 แพร่ระบาด ยอดการฆ่าตัวตายรวมของคนไทยอยู่ที่ 2,551 คน เพิ่มขึ้นถึง 22% เทียบจากช่วงเดียวกันปี 2562
ตามที่กล่าวข้างต้น กระทรวงการต่างประเทศรายงานสถิติคนไทยอาศัยอยู่ต่างแดนอย่างถูกกฎหมายปี 2563 จำนวน 1,276,546 คน ไม่นับรวมที่อยู่อย่างผิดกฎหมายไม่รู้อีกเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็น “โรบินฮู้ด” พวกโดดวีซ่าเป็นแรงงานเถื่อนในสหรัฐอเมริกา หรืออย่าง “ผีน้อย” แรงงานผิดกฎหมายในเกาหลีใต้
ลำดับประเทศที่คนไทยอยู่อาศัยมากที่สุด คือ อันดับแรก คือ สหรัฐอเมริกา 488,000 คน รองลงมา คือ ออสเตรเลีย 100,856 คน ตามด้วย ญี่ปุน 86,666 คน, ไต้หวัน 82,608 คน, สวีเดน 74,101 คน, เยอรมัน 59,130 คน, สหราชอาณาจักร 45,884 คน, เกาหลีใต้ 32,861 คน, นอร์เวย์ 31,387 คน และอิสราเอล 26,641 คน
สำหรับการย้ายประเทศของคนไทยส่วนใหญ่เบนเข็มไปประเทศทางฝั่งยุโรปและอเมริกา ตามข้อมูลสถิติข้างต้น ได้แก่ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ แคนาดา ออสเตรเลีย สวีเดน เยอรมนี และไต้หวัน หลายประเทศมีนโยบายเปิดกว้างรับชาวต่างชาติ โดยเฉพาะผู้ที่สามารถ มีโอกาสได้ทำงาน รวมทั้ง ขอสัญชาติเพื่ออยู่อาศัยถาวร
ส่วนการจะย้ายถิ่นฐานไปต่างประเทศหลักการอยู่ 2 วิธี คือ การขอลี้ภัย (Seeking Asylum) และการขอสิทธิ์ในการย้ายมาอยู่แบบถาวร (Permanent Residency) ตามข้อมูลการย้ายประเทศถาวรนั้นแบ่งออกเป็นวิธีใหญ่ๆ ดังนี้ ตั้งแต่ แต่งงานกับชาวต่างชาติ ในบางประเทศหากแต่งงานกันแล้ว สามารถทำวีซ่าติดตามสามีภรรยา เพื่อไปใช้ชีวิตร่วมกันในต่างแดน หลังจากที่อยู่ในประเทศในระยะเวลาตามที่กำหนด ซึ่งส่วนมากกำหนดไว้ 5 ปี เป็นอย่างต่ำ จะสามารถย้ายขอสัญชาติได้ และได้รับสิทธิประโยชน์เท่าพลเมืองของประเทศนั้นๆ
หรือเรียนต่อและหางานทำ หลังจากเริ่มเรียนต่อในต่างประเทศ เมื่อเรียนจบแล้วสามารถต่อวีซ่าเพื่อหางานทำได้ทันที โอกาสเดียวกันนี้สามารถอวีซ่าผู้พำนักอาศัยถาวร หรือการขอสัญชาติได้ด้วย หรือวิธีอื่นๆ เช่น กรีนการ์ดลอตเตอรี่ของสหรัฐฯ สำหรับผู้สนใจสามารถส่งใบสมัครเพื่อรอลุ้นผลจับสลาก จากนั้นจะได้วีซ่าพำนักถาวรในสหรัฐอเมริกา โดยที่ต้องมีประวัติอาชญากรรมที่ใสสะอาด เป็นต้น
แน่นอนว่า หลายประเทศเปิดรับชาวต่างชาติย้ายถิ่นที่อยู่ มีสวัสดิการรองรับ สาธารณูปโภคครบครัน ยกตัวอย่าง ประเทศออสเตเลีย ไม่นานมานี้เปิดโอกาสสำหรับผู้ที่กำลังหาช่องทางทำงานและอยู่อาศัยในออสเตรเลีย โดยรัฐบาลออสซี่เร่งขยาย global talent visa program เสมือน pathway visa ที่เสนอให้กับผู้ที่ทักษะสูงหรือความสามารถเฉพาะบุคคลเพื่อเข้ามาทำงานและอยู่อาศัยในออสเตรเลียแบบถาวรได้ เปิดโอกาสให้กับชาวต่างชาติที่มีทักษะสูงในสายอาชีพที่เป็นที่ต้องการ สามารถขอวีซ่า PR ออสเตรเลียได้
อย่างไรก็ดี ผลพวงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ออสเตรเลียต้องสูญเสียรายได้จากการปิดพรมแดนระหว่างประเทศ อัตราการย้ายประเทศเกือบเป็นศูนย์ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดนับตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 เหตุนี้เองรัฐบาลจึงหามาตรการที่ช่วยดึงดูดผู้ต้องการย้ายถิ่นฐานเพื่อช่วยผลักดันเศรษฐกิจของออสเตรเลียอีกทางหนึ่ง รวมไปถึงบริษัทจัดหางานและกลุ่มผู้นำทางธุรกิจที่ต้องการย้ายมาตั้งกิจการในออสเตรเลียด้วย
จะเห็นว่าหลายประเทศทั่วโลกอ้าแขนต้อนรับชาวต่างชาติ สอดคล้องกับสถิตคนไทยอาศัยในต่างแดนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ฉะนั้น “ภาวะสมองไหล” กับปรากฎการณ์ “ย้ายประเทศ” ของกลุ่มคนรุ่นใหม่ๆ ที่พูดคุยกันดังขึ้นเรื่อยๆ เป็นประเด็นที่น่าจับตาไม่น้อยทีเดียว