ผู้จัดการรายวัน360-รฟท.เซ็นก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน อีก 3 สัญญา วงเงินรวม 2.7 หมื่นล้าน “ศักดิ์สยาม” เผย 2 สัญญา จะเร่งเคลียร์พื้นที่ส่งมอบภายใน 2 เดือน อีกสัญญาต้องรอเวนคืนก่อน ส่วนความคืบหน้าล่าสุด เซ็นไปแล้ว 10 สัญญา เหลืออีก 4 สัญญา ลุ้นปิดดีลภายในปีนี้ ระบุช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง ติดปัญหาไฮสปีด 3 สนามบิน ช่วงดอนเมือง-นวนคร ส่อยกเลิกประมูล หลังรับเหมากดราคา จนไม่มาทำสัญญา แย้มงานโยธาเสร็จปลายปี 69 เปิดบริการต้นปี 70
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีลงนามสัญญาการก่อสร้างโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาคช่วงกรุงเทพมหานคร-หนองคาย (ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพมหานคร-นครราชสีมา) ระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กับบริษัทผู้รับเหมา จำนวน 3 สัญญา ว่า การก่อสร้างงานโยธาทั้ง 3 สัญญา มีระยะทางรวม 54.6 กม. มีวงเงินก่อสร้างรวม 27,527,350,469.37 บาท มีระยะเวลาก่อสร้าง 1,080 วัน ได้แก่ สัญญาที่ 4-3 งานโยธาสำหรับช่วงนวนคร-บ้านโพ สัญญาที่ 4-4 งานโยธาสำหรับศูนย์ซ่อมบำรุงเชียงรากน้อย และสัญญาที่ 4-6 งานโยธาสำหรับช่วงพระแก้ว-สระบุรี โดยตามแผนงานการก่อสร้างงานโยธาทั้ง 3 สัญญา จะทยอยแล้วเสร็จในปี 2569-2570 และจะเปิดให้บริการช่วงกรุงเทพ-นครราชสีมา ในปลายปี 2569 หรืออย่างช้าภายในปี 2570
ทั้งนี้ โครงการรถไฟความเร็วสูง หรือรถไฟไทย-จีน เส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา-หนองคาย ระยะทาง 606.4 กม. โดยระยะแรก เส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 250.77 กม. วงเงินลงทุน 179,412.21 ล้านบาท งานโยธาแบ่งเป็น 14 สัญญา ภาพรวมการก่อสร้างยังเป็นไปตามแผนงาน โดยได้ลงนามสัญญาก่อสร้างแล้ว 10 สัญญา เหลืออีก 4 สัญญาที่เหลือ อยู่ในขั้นตอนดำเนินการ ซึ่งจะเร่งรัดให้ประมูลและเซ็นสัญญาให้เสร็จภายในปีนี้
โดยสัญญาที่มีข้อพิพาททางกฎหมาย ได้กำชับให้ รฟท. ดำเนินการตามระเบียบ ซึ่ง รฟท. คาดว่าออกหนังสือให้เริ่มงาน (NTP) เพื่อส่งมอบพื้นที่ก่อสร้าง สัญญา 4-3 ช่วงนวนคร-บ้านโพ และสัญญา 4-6 ช่วงพระแก้ว-สระบุรี ได้ภายใน 2 เดือน ส่วนสัญญา 4-4 ศูนย์ซ่อมบำรุงเชียงรากน้อย จะต้องรอพรฎ.เวนคืน ซึ่งจะต้องเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติก่อน
สำหรับสัญญา 4-2 ช่วงดอนเมือง-นวนคร ระยะทาง 21.8 กม. ซึ่งกลุ่มกิจการร่วมค้า SPTK ประกอบด้วย บจ.ซิโนไฮโดร , บจ.สหการวิศวกร และ บจ.ทิพากร เป็นผู้ชนะประมูลในวงเงิน 8,626.8 ล้านบาท แต่เอกชนไม่ยืนราคา ทำให้ยังไม่สามารถลงนามสัญญาได้นั้น รฟท.กำลังพิจารณาเพื่อให้เป็นไปตามระเบียบกฎหมายและมติ ครม. ส่วนช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง (สัญญา 4-1) ซึ่งเป็นช่วงทับซ้อนกับรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ซึ่งแผนส่งมอบพื้นที่ให้ทางรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน ยังเป็นไปตามเป้าหมาย ไม่น่ามีปัญหา และทราบว่าทางกลุ่มซีพี ที่เป็นคู่สัญญาก็จะดำเนินการตามแผนงาน
ส่วนความคืบหน้าเส้นทางนครราชสีมา-หนองคาย ระยะทาง 356.10 กม. อยู่ระหว่างการออกแบบ ซึ่งนโยบายพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้หลีกเลี่ยงการตัดเส้นทางผ่านชุมชน หรือให้มีผลกระทบต่อชุมชนน้อยที่สุด และทำให้เกิดการกระจายการพัฒนาและเชื่อมเข้าสู่สถานีโดยใช้ระบบฟีดเดอร์ ซึ่งจะออกแบบแล้วเสร็จในเดือนก.ค.2564
นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวว่า งานโยธา 14 สัญญา ขณะนี้ก่อสร้างเสร็จแล้ว 1 สัญญา คือ ช่วงกลางดง-ปางอโศก 3.5 กม. วงเงิน 362.52 ล้านบาท อยู่ระหว่างก่อสร้าง 6 สัญญา ได้แก่ สัญญา 2-1 ช่วงสีคิ้ว-กุดจิก ระยะทาง 11 กม. มี บจ.ซีวิลเอ็นจีเนียริง เป็นผู้ก่อสร้าง วงเงิน 3,114.98 ล้านบาท คืบหน้า 60% , สัญญาที่ 3-2 อุโมงค์มวกเหล็กและลำตะคอง ระยะทาง 12.23 กม. ของ บมจ.เนาวรัตน์ พัฒนาการ วงเงิน 4,279 ล้านบาท จะออก NTP ให้เข้าพื้นที่ก่อสร้าง ในเดือนเม.ย.2564 , สัญญา 3-3 ช่วงบันไดม้า-ลำตะคอง ระยะทาง 21.6 กม. วงเงิน 9,838 ล้านบาท มี บจ.กรุงธนเอ็นยิเนียร์ ก่อสร้าง , สัญญา 3-4 ช่วงลำตะคอง-สีคิ้ว และช่วงกุดจิก-โคกกรวด ระยะทาง 37.45 กม. วงเงิน 9,848 ล้านบาท มี บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ ก่อสร้าง ,สัญญา 3-5 ช่วงโคกกรวด-นครราชสีมา ระยะทาง 12.38 กม. วงเงิน 7,750 ล้านบาท ก่อสร้างโดยกิจการร่วมค้า SPTK (นภาก่อสร้าง ร่วมกับรับเหมาประเทศมาเลเซีย) ,สัญญา 4-7 ช่วงสระบุรี-แก่งคอย ระยะทาง 12.99 กม. วงเงิน 8,560 ล้านบาท มี บจ.ซีวิลเอ็นจีเนียริงก่อสร้าง ได้เริ่มทยอยออก NTP ให้เข้าพื้นที่ก่อสร้างตั้งแต่ ม.ค.2563
สำหรับ 3 สัญญาที่ลงนาม ได้แก่ สัญญา 4-3 งานโยธา ช่วงนวนคร-บ้านโพ ประกอบด้วย งานโครงสร้างทางรถไฟเป็นทางยกระดับ 23 กม. งานก่อสร้างทางวิ่งเข้าศูนย์ซ่อมบำรุง งานอาคารและสิ่งปลูกสร้างรองรับงานระบบรถไฟฟ้า งานระบบระบายน้ำ งานรื้อย้ายรางและระบบสาธารณูปโภคต่างๆ มีบริษัท เอ.เอสแอสโซศซิเอท เอนยิเนียริ่ง (1964) จำกัด บริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) บริษัท ไชน่า สเตท คอนสตรัคชั่น เอนยิเนียริ่ง คอร์ปอเรชั่น ลิมิเต็ด ก่อสร้าง วงเงิน 11,525,350,500 บาท
สัญญา 4-4 งานโยธาสำหรับศูนย์ซ่อมบำรุงเชียงรากน้อย ประกอบด้วย ทางรถไฟระดับพื้นในศูนย์ซ่อมบำรุง งานอาคารภายในศูนย์ซ่อมบำรุงรวมถนนต่อเชื่อม ได้แก่ อาคารระบบซ่อมบำรุงขบวนรถไฟ 19 อาคาร อาคารควบคุมระบบการจัดการเดินรถและฝึกอบรม 4 อาคาร อาคารสำหรับระบบซ่อมบำรุงทาง 8 อาคาร งานก่อสร้างถนนงานระบบระบายน้ำและงานรื้อย้ายระบบสาธารณูปโภคต่างๆ มี บมจ. อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ ก่อสร้าง วงเงิน 6,573,000,000 บาท
สัญญา 4-6 งานโยธาสำหรับช่วงพระแก้ว-สระบุรี ประกอบด้วย งานโครงสร้างทางรถไฟ ระยะทางรวม 31.60 กม. แบ่งเป็น คันทางระดับดิน 7.02 กม. และทางยกระดับ 24.58 กม. งานอาคารและสิ่งปลูกสร้างรองรับงานระบบรถไฟฟ้า 7 แห่ง รวมทั้งงานรื้อย้ายสถานีเดิม งานปรับปรุงย้ายถนนเดิม งานก่อสร้าง สะพานข้ามทางรถไฟ งานระบบระบายน้ำ และงานรื้อย้ายระบบสาธารณูปโภคต่างๆ มี บมจ. ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น ก่อสร้าง วงเงิน9,428,999,969.37 บาท
รายงานข่าวแจ้งว่า สัญญา 4-2 ช่วงดอนเมือง-นวนคร ซึ่งกลุ่มกิจการร่วมค้า SPTK ประกอบด้วย บจ.ซิโนไฮโดร, บจ.สหการวิศวกร และ บจ.ทิพากร เป็นผู้ชนะประมูลวงเงิน 8,626.8 ล้านบาท ขณะที่ราคากลาง 10,917 ล้านบาท หรือต่ำกว่าราคากลางมากถึง 26.55% ซึ่งการที่เอกชนไม่ยืนราคา ทำให้ รฟท. ต้องพิจารณาใน 2 แนวทาง คือ 1.ยกเลิกประมูล 2.เจรจากับผู้เสนอราคารายที่ 2 โดยผู้ว่าฯ รฟท. จะเสนอที่ประชุมบอร์ด รฟท. พิจารณาในเดือนเม.ย.นี้
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีลงนามสัญญาการก่อสร้างโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาคช่วงกรุงเทพมหานคร-หนองคาย (ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพมหานคร-นครราชสีมา) ระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กับบริษัทผู้รับเหมา จำนวน 3 สัญญา ว่า การก่อสร้างงานโยธาทั้ง 3 สัญญา มีระยะทางรวม 54.6 กม. มีวงเงินก่อสร้างรวม 27,527,350,469.37 บาท มีระยะเวลาก่อสร้าง 1,080 วัน ได้แก่ สัญญาที่ 4-3 งานโยธาสำหรับช่วงนวนคร-บ้านโพ สัญญาที่ 4-4 งานโยธาสำหรับศูนย์ซ่อมบำรุงเชียงรากน้อย และสัญญาที่ 4-6 งานโยธาสำหรับช่วงพระแก้ว-สระบุรี โดยตามแผนงานการก่อสร้างงานโยธาทั้ง 3 สัญญา จะทยอยแล้วเสร็จในปี 2569-2570 และจะเปิดให้บริการช่วงกรุงเทพ-นครราชสีมา ในปลายปี 2569 หรืออย่างช้าภายในปี 2570
ทั้งนี้ โครงการรถไฟความเร็วสูง หรือรถไฟไทย-จีน เส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา-หนองคาย ระยะทาง 606.4 กม. โดยระยะแรก เส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 250.77 กม. วงเงินลงทุน 179,412.21 ล้านบาท งานโยธาแบ่งเป็น 14 สัญญา ภาพรวมการก่อสร้างยังเป็นไปตามแผนงาน โดยได้ลงนามสัญญาก่อสร้างแล้ว 10 สัญญา เหลืออีก 4 สัญญาที่เหลือ อยู่ในขั้นตอนดำเนินการ ซึ่งจะเร่งรัดให้ประมูลและเซ็นสัญญาให้เสร็จภายในปีนี้
โดยสัญญาที่มีข้อพิพาททางกฎหมาย ได้กำชับให้ รฟท. ดำเนินการตามระเบียบ ซึ่ง รฟท. คาดว่าออกหนังสือให้เริ่มงาน (NTP) เพื่อส่งมอบพื้นที่ก่อสร้าง สัญญา 4-3 ช่วงนวนคร-บ้านโพ และสัญญา 4-6 ช่วงพระแก้ว-สระบุรี ได้ภายใน 2 เดือน ส่วนสัญญา 4-4 ศูนย์ซ่อมบำรุงเชียงรากน้อย จะต้องรอพรฎ.เวนคืน ซึ่งจะต้องเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติก่อน
สำหรับสัญญา 4-2 ช่วงดอนเมือง-นวนคร ระยะทาง 21.8 กม. ซึ่งกลุ่มกิจการร่วมค้า SPTK ประกอบด้วย บจ.ซิโนไฮโดร , บจ.สหการวิศวกร และ บจ.ทิพากร เป็นผู้ชนะประมูลในวงเงิน 8,626.8 ล้านบาท แต่เอกชนไม่ยืนราคา ทำให้ยังไม่สามารถลงนามสัญญาได้นั้น รฟท.กำลังพิจารณาเพื่อให้เป็นไปตามระเบียบกฎหมายและมติ ครม. ส่วนช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง (สัญญา 4-1) ซึ่งเป็นช่วงทับซ้อนกับรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ซึ่งแผนส่งมอบพื้นที่ให้ทางรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน ยังเป็นไปตามเป้าหมาย ไม่น่ามีปัญหา และทราบว่าทางกลุ่มซีพี ที่เป็นคู่สัญญาก็จะดำเนินการตามแผนงาน
ส่วนความคืบหน้าเส้นทางนครราชสีมา-หนองคาย ระยะทาง 356.10 กม. อยู่ระหว่างการออกแบบ ซึ่งนโยบายพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้หลีกเลี่ยงการตัดเส้นทางผ่านชุมชน หรือให้มีผลกระทบต่อชุมชนน้อยที่สุด และทำให้เกิดการกระจายการพัฒนาและเชื่อมเข้าสู่สถานีโดยใช้ระบบฟีดเดอร์ ซึ่งจะออกแบบแล้วเสร็จในเดือนก.ค.2564
นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวว่า งานโยธา 14 สัญญา ขณะนี้ก่อสร้างเสร็จแล้ว 1 สัญญา คือ ช่วงกลางดง-ปางอโศก 3.5 กม. วงเงิน 362.52 ล้านบาท อยู่ระหว่างก่อสร้าง 6 สัญญา ได้แก่ สัญญา 2-1 ช่วงสีคิ้ว-กุดจิก ระยะทาง 11 กม. มี บจ.ซีวิลเอ็นจีเนียริง เป็นผู้ก่อสร้าง วงเงิน 3,114.98 ล้านบาท คืบหน้า 60% , สัญญาที่ 3-2 อุโมงค์มวกเหล็กและลำตะคอง ระยะทาง 12.23 กม. ของ บมจ.เนาวรัตน์ พัฒนาการ วงเงิน 4,279 ล้านบาท จะออก NTP ให้เข้าพื้นที่ก่อสร้าง ในเดือนเม.ย.2564 , สัญญา 3-3 ช่วงบันไดม้า-ลำตะคอง ระยะทาง 21.6 กม. วงเงิน 9,838 ล้านบาท มี บจ.กรุงธนเอ็นยิเนียร์ ก่อสร้าง , สัญญา 3-4 ช่วงลำตะคอง-สีคิ้ว และช่วงกุดจิก-โคกกรวด ระยะทาง 37.45 กม. วงเงิน 9,848 ล้านบาท มี บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ ก่อสร้าง ,สัญญา 3-5 ช่วงโคกกรวด-นครราชสีมา ระยะทาง 12.38 กม. วงเงิน 7,750 ล้านบาท ก่อสร้างโดยกิจการร่วมค้า SPTK (นภาก่อสร้าง ร่วมกับรับเหมาประเทศมาเลเซีย) ,สัญญา 4-7 ช่วงสระบุรี-แก่งคอย ระยะทาง 12.99 กม. วงเงิน 8,560 ล้านบาท มี บจ.ซีวิลเอ็นจีเนียริงก่อสร้าง ได้เริ่มทยอยออก NTP ให้เข้าพื้นที่ก่อสร้างตั้งแต่ ม.ค.2563
สำหรับ 3 สัญญาที่ลงนาม ได้แก่ สัญญา 4-3 งานโยธา ช่วงนวนคร-บ้านโพ ประกอบด้วย งานโครงสร้างทางรถไฟเป็นทางยกระดับ 23 กม. งานก่อสร้างทางวิ่งเข้าศูนย์ซ่อมบำรุง งานอาคารและสิ่งปลูกสร้างรองรับงานระบบรถไฟฟ้า งานระบบระบายน้ำ งานรื้อย้ายรางและระบบสาธารณูปโภคต่างๆ มีบริษัท เอ.เอสแอสโซศซิเอท เอนยิเนียริ่ง (1964) จำกัด บริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) บริษัท ไชน่า สเตท คอนสตรัคชั่น เอนยิเนียริ่ง คอร์ปอเรชั่น ลิมิเต็ด ก่อสร้าง วงเงิน 11,525,350,500 บาท
สัญญา 4-4 งานโยธาสำหรับศูนย์ซ่อมบำรุงเชียงรากน้อย ประกอบด้วย ทางรถไฟระดับพื้นในศูนย์ซ่อมบำรุง งานอาคารภายในศูนย์ซ่อมบำรุงรวมถนนต่อเชื่อม ได้แก่ อาคารระบบซ่อมบำรุงขบวนรถไฟ 19 อาคาร อาคารควบคุมระบบการจัดการเดินรถและฝึกอบรม 4 อาคาร อาคารสำหรับระบบซ่อมบำรุงทาง 8 อาคาร งานก่อสร้างถนนงานระบบระบายน้ำและงานรื้อย้ายระบบสาธารณูปโภคต่างๆ มี บมจ. อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ ก่อสร้าง วงเงิน 6,573,000,000 บาท
สัญญา 4-6 งานโยธาสำหรับช่วงพระแก้ว-สระบุรี ประกอบด้วย งานโครงสร้างทางรถไฟ ระยะทางรวม 31.60 กม. แบ่งเป็น คันทางระดับดิน 7.02 กม. และทางยกระดับ 24.58 กม. งานอาคารและสิ่งปลูกสร้างรองรับงานระบบรถไฟฟ้า 7 แห่ง รวมทั้งงานรื้อย้ายสถานีเดิม งานปรับปรุงย้ายถนนเดิม งานก่อสร้าง สะพานข้ามทางรถไฟ งานระบบระบายน้ำ และงานรื้อย้ายระบบสาธารณูปโภคต่างๆ มี บมจ. ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น ก่อสร้าง วงเงิน9,428,999,969.37 บาท
รายงานข่าวแจ้งว่า สัญญา 4-2 ช่วงดอนเมือง-นวนคร ซึ่งกลุ่มกิจการร่วมค้า SPTK ประกอบด้วย บจ.ซิโนไฮโดร, บจ.สหการวิศวกร และ บจ.ทิพากร เป็นผู้ชนะประมูลวงเงิน 8,626.8 ล้านบาท ขณะที่ราคากลาง 10,917 ล้านบาท หรือต่ำกว่าราคากลางมากถึง 26.55% ซึ่งการที่เอกชนไม่ยืนราคา ทำให้ รฟท. ต้องพิจารณาใน 2 แนวทาง คือ 1.ยกเลิกประมูล 2.เจรจากับผู้เสนอราคารายที่ 2 โดยผู้ว่าฯ รฟท. จะเสนอที่ประชุมบอร์ด รฟท. พิจารณาในเดือนเม.ย.นี้