ตำรวจขอคืนพื้นที่ "หมู่บ้านทะลุฟ้า"สกัดแผนเตรียมปิดล้อมทำเนียบฯตั้งแต่เช้าตรู่ รวบผู้ชุมนุม 70 ราย แจ้งข้อหาฝ่า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน-พ.ร.บ.โรคติดต่อ เจอทั้งกัญชา น้ำกระท่อม เซ็กซ์ทอย ถุงยางอนามัย ขณะที่กลุ่มม็อบ นัดชุมนุมบ่าย 3 ทวงคืน
เมื่อเวลา 06.00 น.วานนี้ (28มี.ค.) พล.ต.ต.ปราศรัย จิตตสนธิ ผบก.น.1 พล.ต.ต.มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ ผบก.อคฝ. นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการอารักขา และควบคุมฝูงชน (บก.อคฝ.) จำนวน 4 กองร้อย เข้าเคลียร์บริเวณข้างทำเนียบรัฐบาล ที่ถนนพระรามที่ 5 ติดกับสะพานชมัยมรุเชฐ ซึ่งเป็นพื้นที่ปักหลักการชุมนุมของ กลุ่มภาคีเซฟบางกลอย และกลุ่มเดินทะลุฟ้า ที่ได้ปักหลักชุมนุม มาตั้งแต่วันที่ 13 มี.ค. 64 เพื่อเคลื่อนไหวใน 4 ข้อเรียกร้อง คือ ปล่อยแกนนำราษฎรและแนวร่วมที่ถูกจับกุม, ร่างรัฐธรรมนูญใหม่, ยกเลิก มาตรา 112, และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องลาออก
โดยเจ้าหน้าที่ได้ประกาศแจ้งให้กลุ่มผู้ชุมนุมเก็บของออกจากพื้นที่ ภายใน 3 นาที แต่เนื่องจากเป็นช่วงเช้าตรู่ ที่ทุกคนกำลังนอนพักผ่อน ประกอบกับมีสัมภาระจำนวนมาก ทำให้การ์ดผู้ชุมนุมพยายามต่อรองเวลา โดยยืนยันว่าจะออก แต่ขอเวลามากกว่านี้ แต่ตำรวจไม่ยินยอม นำกำลัง อคฝ.เข้ากระชับพื้นที่ ทั้งทางฝั่งสะพานชมัยมรุเชฐ และสะพานอรทัย พร้อมจับกุมผู้ที่อยู่ในพื้นที่ได้ทั้งหมด 70 คน นำตัวไปสอบสวน ดำเนินคดี ที่ บก.ตชด.ภาค 1 จากนั้นประสานหน่วยเก็บกู้ และตรวจสอบวัตถุระเบิด (อีโอดี) กับกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (พฐก.) มาตรวจสอบพื้นที่ แล้วให้ทางกทม. มารื้อถอนสิ่งปลูกสร้างต่อไป
ต่อมา พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. และโฆษก บช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รอง ผบช.น. และ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติการครั้งนี้ว่า เนื่้องจากการชุมนุมดังกล่าว ผิดกฎหมาย มีการบุก รุกล้ำสถานที่สาธารณะ และสถานที่ราชการบางส่วน มีการลักทรัพย์สินไฟฟ้า น้ำประปา ทุบทำลายสิ่งของราชการ และของประชาชน รวมถึงต่อท่อสิ่งปฏิกูล ลงคลองและที่สาธารณะ จนก่อความสกปรก และยังขวางประตูทางเข้าออกฝั่งถนนพระราม 5 ทำให้ผู้คนที่สัญจรไปมาได้รับความเดือดร้อน ซึ่งตำรวจจับกุมผู้ชุมนุมได้ 70 ราย มีพระภิกษุ และพาไปสึกที่วัดเบญจมบพิตร ก่อนส่ง บก.ตชด.ภ.1 ในข้อหาชุมนุมมั่วสุมผิดกฎหมาย ตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ประกอบพ.ร.บ.ควบคุมโรค ชุมนุมมั่วสุมเสี่ยงต่อการควบคุมโรค
สำหรับความผิดอื่น ตำรวจยังพบกัญชาแท่งจำนวนหนึ่ง น้ำกระท่อม อุปกรณ์เซ็กซ์ทอย และถุงยางอนามัย โดยพนักงานสอบสวน จะรวบรวมหลักฐานพิสูจน์ตัวผู้กระทำผิด ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
แหล่งข่าวฝ่ายความมั่นคง เปิดเผยเหตุที่ต้องสลายหมู่บ้านทะลุฟ้า เนื่องจากมองว่าพื้นที่ดังกล่าว เป็นพื้นที่แคบ หวั่นจะเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่สำคัญอยู่ใกล้กับทำเนียบรัฐบาลมากเกินไป จึงจำเป็นต้องเข้าดำเนินการควบคุม เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย
นอกจากนี้ มีการวิเคราะห์ว่า การที่กลุ่มผู้ชุมนุมมายึดพื้นที่บริเวณนี้ เนื่องจากมีแนวคิดที่จะดำเนินการขยายพื้นที่ชุมนุม เพื่อปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล แต่ยังทำไมได้ เนื่องจากฝั่งที่ผู้ชุมนุม จะปิดได้ยาก คือ ฝั่งถ.ราชดำเนิน ตรงข้ามกระทรวงศึกษาธิการ ที่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ยอม และเป็นเส้นทางหลักในการสัญจร
ม็อบรวมพลทวงคืนหมู่บ้านทะลุฟ้า
ต่อมาเพจเฟซบุ๊กกลุ่ม People Go Networkโพสต์ข้อความนัดหมายรวมตัว ระบุว่า "ด่วน! วันนี้ เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป ที่หมู่บ้านทะลุฟ้า ทำเนียบรัฐบาล รวมพลังเพื่อนพ้องน้องพี่ มาร่วมกันทวงคืนหมู่บ้านทะลุฟ้า เพื่อร่วมกันประณามการสลายและจับกุมที่ไม่เป็นธรรม เรียกร้องให้ปล่อยชาวหมู่บ้านทะลุฟ้าทุกคนโดยไม่มีเงื่อนไขทันที ร่วมยืนหยัดสิทธิ เสรีภาพ ในการชุมนุมโดยสันติของประชาชน"
ขณะที่ "กลุ่มเฟมินิสต์ปลดแอก" ออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณีพบ เซ็กซ์ทอย ในที่ชุมนุมว่า เป็นอุปกรณ์สำหรับรณรงค์เรื่องเสรีภาพส่วนบุคคลและเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานในการเข้าถึงความสุขทางเพศของประชาชน เฟมินิสต์ปลดแอก สนับสนุนการยกเลิก มาตรา 287 ให้เซ็กซ์ทอย ถูกกฎหมายเพื่อให้ประชาชน ทุกคนสามารถเข้าถึงความสุขทางเพศได้อย่างปลอดภัย
ส่วนถุงยางอนามัยที่พบนั้น เป็นอุปกรณ์สำหรับกิจกรรมรณรงค์การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย เฟมินิสต์ปลดแอก สนับสนุนการร่วมเพศโดยมีความยินยอมพร้อมใจ (consent) ป้องกันโรคติดต่อ และการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ โดยเราได้แจกจ่ายถุงยางอนามัยให้ประชาชนที่มาเข้าร่วมอย่างทั่วถึง
ต่อมาเวลา 15.30 น. ได้มีกลุ่มผู้ชุมนุมประมาณ 50 คน มารวมตัวกันที่บริเวณ หน้าศาลกรมหลวงชุมพร เลียบคลองเปรมประชากร เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ มีการตั้งเวทีชั่วคราว จากฟาง ติดป้ายผ้าหมู่บ้านทะลุฟ้า และข้อเรียกร้องต่างๆอีกครั้ง โดยไม่สามารถรุกเข้าไปด้านในได้ เนื่องเจ้าหน้าที่นำแผงเหล็กมากั้น และมีตำรวจเฝ้าระวังอยู่
ทั้งนี้ แกนนำที่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักศึกษา ได้เรียกร้องให้ปล่อยผู้ถูกคุมขัง จากเหตุการณ์สลายหมู่บ้านเมื่อช่วงเช้าทั้ง 68 คน ภายในวันเดียวกันนี้ และยืนยันข้อเรียกร้องเดิมคือ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องลาออก ยกเลิกม.112 และ มีรธน.ฉบับใหม่ นอกจากนี้ แกนนำได้เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ นำอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ อาทิ เก้าอี้สนาม อุปกรณ์ทำครัว ที่ยึดไปมาคืนทันที ไม่เช่นนั้นจะแจ้งความดำเนินคดี
นอกจากนี้ แกนนำได้ประกาศว่าถ้าตำรวจเข้าสลายการชุมนุม รอบ 2 ขอให้นั่งชู 3 นิ้ว โดยไม่มีการตอบโต้ หรือยั่วยุให้เกิดความรุนแรง ถ้าใครไม่ยอมรับกติกานี้ ก็ขอให้ออกจากพื้นที่ชุมนุม เพราะการทำกิจกรรมของหมู่บ้านทะลุฟ้า จะไม่มีการใช้ความรุนแรง
ต่อมาเวลา 18.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ประกาศให้ผู้ชุมนุมยุติการชุมนุมทวงคืนหมู่บ้านทะลุฟ้า เนื่องจากขัดพ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยให้เวลา15 นาที ให้สลายการชุมนุม และเดินทางกลับบ้าน หากไม่ยุติการชุมนุมเจ้าหน้าที่จะบังคับใช้กฎหมาย แต่ผู้ชุมนุมก็ไม่ยอมสลายตัว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าเคลียร์พื้นที่และจับกุมผู้กระทำผิดอีกครั้ง ซึ่งมีจำนวนประมาณกว่า 30 คน
เมื่อเวลา 06.00 น.วานนี้ (28มี.ค.) พล.ต.ต.ปราศรัย จิตตสนธิ ผบก.น.1 พล.ต.ต.มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ ผบก.อคฝ. นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการอารักขา และควบคุมฝูงชน (บก.อคฝ.) จำนวน 4 กองร้อย เข้าเคลียร์บริเวณข้างทำเนียบรัฐบาล ที่ถนนพระรามที่ 5 ติดกับสะพานชมัยมรุเชฐ ซึ่งเป็นพื้นที่ปักหลักการชุมนุมของ กลุ่มภาคีเซฟบางกลอย และกลุ่มเดินทะลุฟ้า ที่ได้ปักหลักชุมนุม มาตั้งแต่วันที่ 13 มี.ค. 64 เพื่อเคลื่อนไหวใน 4 ข้อเรียกร้อง คือ ปล่อยแกนนำราษฎรและแนวร่วมที่ถูกจับกุม, ร่างรัฐธรรมนูญใหม่, ยกเลิก มาตรา 112, และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องลาออก
โดยเจ้าหน้าที่ได้ประกาศแจ้งให้กลุ่มผู้ชุมนุมเก็บของออกจากพื้นที่ ภายใน 3 นาที แต่เนื่องจากเป็นช่วงเช้าตรู่ ที่ทุกคนกำลังนอนพักผ่อน ประกอบกับมีสัมภาระจำนวนมาก ทำให้การ์ดผู้ชุมนุมพยายามต่อรองเวลา โดยยืนยันว่าจะออก แต่ขอเวลามากกว่านี้ แต่ตำรวจไม่ยินยอม นำกำลัง อคฝ.เข้ากระชับพื้นที่ ทั้งทางฝั่งสะพานชมัยมรุเชฐ และสะพานอรทัย พร้อมจับกุมผู้ที่อยู่ในพื้นที่ได้ทั้งหมด 70 คน นำตัวไปสอบสวน ดำเนินคดี ที่ บก.ตชด.ภาค 1 จากนั้นประสานหน่วยเก็บกู้ และตรวจสอบวัตถุระเบิด (อีโอดี) กับกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (พฐก.) มาตรวจสอบพื้นที่ แล้วให้ทางกทม. มารื้อถอนสิ่งปลูกสร้างต่อไป
ต่อมา พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. และโฆษก บช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รอง ผบช.น. และ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติการครั้งนี้ว่า เนื่้องจากการชุมนุมดังกล่าว ผิดกฎหมาย มีการบุก รุกล้ำสถานที่สาธารณะ และสถานที่ราชการบางส่วน มีการลักทรัพย์สินไฟฟ้า น้ำประปา ทุบทำลายสิ่งของราชการ และของประชาชน รวมถึงต่อท่อสิ่งปฏิกูล ลงคลองและที่สาธารณะ จนก่อความสกปรก และยังขวางประตูทางเข้าออกฝั่งถนนพระราม 5 ทำให้ผู้คนที่สัญจรไปมาได้รับความเดือดร้อน ซึ่งตำรวจจับกุมผู้ชุมนุมได้ 70 ราย มีพระภิกษุ และพาไปสึกที่วัดเบญจมบพิตร ก่อนส่ง บก.ตชด.ภ.1 ในข้อหาชุมนุมมั่วสุมผิดกฎหมาย ตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ประกอบพ.ร.บ.ควบคุมโรค ชุมนุมมั่วสุมเสี่ยงต่อการควบคุมโรค
สำหรับความผิดอื่น ตำรวจยังพบกัญชาแท่งจำนวนหนึ่ง น้ำกระท่อม อุปกรณ์เซ็กซ์ทอย และถุงยางอนามัย โดยพนักงานสอบสวน จะรวบรวมหลักฐานพิสูจน์ตัวผู้กระทำผิด ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
แหล่งข่าวฝ่ายความมั่นคง เปิดเผยเหตุที่ต้องสลายหมู่บ้านทะลุฟ้า เนื่องจากมองว่าพื้นที่ดังกล่าว เป็นพื้นที่แคบ หวั่นจะเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่สำคัญอยู่ใกล้กับทำเนียบรัฐบาลมากเกินไป จึงจำเป็นต้องเข้าดำเนินการควบคุม เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย
นอกจากนี้ มีการวิเคราะห์ว่า การที่กลุ่มผู้ชุมนุมมายึดพื้นที่บริเวณนี้ เนื่องจากมีแนวคิดที่จะดำเนินการขยายพื้นที่ชุมนุม เพื่อปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล แต่ยังทำไมได้ เนื่องจากฝั่งที่ผู้ชุมนุม จะปิดได้ยาก คือ ฝั่งถ.ราชดำเนิน ตรงข้ามกระทรวงศึกษาธิการ ที่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ยอม และเป็นเส้นทางหลักในการสัญจร
ม็อบรวมพลทวงคืนหมู่บ้านทะลุฟ้า
ต่อมาเพจเฟซบุ๊กกลุ่ม People Go Networkโพสต์ข้อความนัดหมายรวมตัว ระบุว่า "ด่วน! วันนี้ เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป ที่หมู่บ้านทะลุฟ้า ทำเนียบรัฐบาล รวมพลังเพื่อนพ้องน้องพี่ มาร่วมกันทวงคืนหมู่บ้านทะลุฟ้า เพื่อร่วมกันประณามการสลายและจับกุมที่ไม่เป็นธรรม เรียกร้องให้ปล่อยชาวหมู่บ้านทะลุฟ้าทุกคนโดยไม่มีเงื่อนไขทันที ร่วมยืนหยัดสิทธิ เสรีภาพ ในการชุมนุมโดยสันติของประชาชน"
ขณะที่ "กลุ่มเฟมินิสต์ปลดแอก" ออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณีพบ เซ็กซ์ทอย ในที่ชุมนุมว่า เป็นอุปกรณ์สำหรับรณรงค์เรื่องเสรีภาพส่วนบุคคลและเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานในการเข้าถึงความสุขทางเพศของประชาชน เฟมินิสต์ปลดแอก สนับสนุนการยกเลิก มาตรา 287 ให้เซ็กซ์ทอย ถูกกฎหมายเพื่อให้ประชาชน ทุกคนสามารถเข้าถึงความสุขทางเพศได้อย่างปลอดภัย
ส่วนถุงยางอนามัยที่พบนั้น เป็นอุปกรณ์สำหรับกิจกรรมรณรงค์การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย เฟมินิสต์ปลดแอก สนับสนุนการร่วมเพศโดยมีความยินยอมพร้อมใจ (consent) ป้องกันโรคติดต่อ และการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ โดยเราได้แจกจ่ายถุงยางอนามัยให้ประชาชนที่มาเข้าร่วมอย่างทั่วถึง
ต่อมาเวลา 15.30 น. ได้มีกลุ่มผู้ชุมนุมประมาณ 50 คน มารวมตัวกันที่บริเวณ หน้าศาลกรมหลวงชุมพร เลียบคลองเปรมประชากร เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ มีการตั้งเวทีชั่วคราว จากฟาง ติดป้ายผ้าหมู่บ้านทะลุฟ้า และข้อเรียกร้องต่างๆอีกครั้ง โดยไม่สามารถรุกเข้าไปด้านในได้ เนื่องเจ้าหน้าที่นำแผงเหล็กมากั้น และมีตำรวจเฝ้าระวังอยู่
ทั้งนี้ แกนนำที่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักศึกษา ได้เรียกร้องให้ปล่อยผู้ถูกคุมขัง จากเหตุการณ์สลายหมู่บ้านเมื่อช่วงเช้าทั้ง 68 คน ภายในวันเดียวกันนี้ และยืนยันข้อเรียกร้องเดิมคือ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องลาออก ยกเลิกม.112 และ มีรธน.ฉบับใหม่ นอกจากนี้ แกนนำได้เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ นำอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ อาทิ เก้าอี้สนาม อุปกรณ์ทำครัว ที่ยึดไปมาคืนทันที ไม่เช่นนั้นจะแจ้งความดำเนินคดี
นอกจากนี้ แกนนำได้ประกาศว่าถ้าตำรวจเข้าสลายการชุมนุม รอบ 2 ขอให้นั่งชู 3 นิ้ว โดยไม่มีการตอบโต้ หรือยั่วยุให้เกิดความรุนแรง ถ้าใครไม่ยอมรับกติกานี้ ก็ขอให้ออกจากพื้นที่ชุมนุม เพราะการทำกิจกรรมของหมู่บ้านทะลุฟ้า จะไม่มีการใช้ความรุนแรง
ต่อมาเวลา 18.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ประกาศให้ผู้ชุมนุมยุติการชุมนุมทวงคืนหมู่บ้านทะลุฟ้า เนื่องจากขัดพ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยให้เวลา15 นาที ให้สลายการชุมนุม และเดินทางกลับบ้าน หากไม่ยุติการชุมนุมเจ้าหน้าที่จะบังคับใช้กฎหมาย แต่ผู้ชุมนุมก็ไม่ยอมสลายตัว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าเคลียร์พื้นที่และจับกุมผู้กระทำผิดอีกครั้ง ซึ่งมีจำนวนประมาณกว่า 30 คน
