ข่าวปนคน คนปนข่าว
** ดรามา Save บางกลอย เมื่อโซเชียลฯ คนอนุรักษ์ รักป่า-สัตว์ป่า เห็นต่าง “แอ๊ดบาว-ชัยวัฒน์” รักไม่ต้องรุนแรงได้มั้ย?
ว่าด้วย ดรามา #Saveบางกลอย ที่ลุกลามมาถึงนักร้องเพลงเพื่อชีวิตรุ่นใหญ่ ยืนยง โอภากุล “แอ๊ด คาราบาว” พลันที่น้าแอ๊ดอดรนทนไม่ไหวลุกขึ้นมาประกาศบนเฟซบุ๊ก “ขอเสือกด้วยคน” เพื่อปกป้องหัวหน้าอี่ “ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร” อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ชี้มูลความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 ของประมวลกฎหมายอาญา โดยการเผาทำทำลายทรัพย์สินของชาวบ้าน “บางกลอย” ในป่าแก่งประจาน
ว่ากันว่า หลัง “น้าแอ๊ด” โพสต์ให้กำลังใจ “ชัยวัฒน์” เพียงไม่กี่ชั่วโมง เกิดปฏิกิริยาโต้ตอบจากโซเชียลฯ ผู้เห็นต่างออกมาแสดงความคิดเห็นในเชิงตำหนินักร้องเพื่อชีวิตคนดังอย่างมากมาย มีทั้งขุดคดี “ทัศน์กมล โอบอ้อม” หรือ “ครูป๊อด” อดีตนักการเมืองพรรคเพื่อไทย จ.เพชรบุรี ปากเสียงของกะเหรี่ยงบางกลอย ถูก 2 มือปืนขับรถตามประกบยิงจนเสียชีวิต หรือการอุ้มหาย นายพอละจี รักจงเจริญ หรือ “บิลลี่” ซึ่งมี ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ตกเป็นผู้ต้องหาทั้ง 2 คดี แต่สู้จนหลุดรอดมาทั้งสองคดีเช่นกัน
เรียกว่า “น้าแอ๊ด” กวักมือเรียก “ทัวร์ลง” กันสนั่นหวั่นไหวที่สนับสนุนชัยวัฒน์ ก็ไม่ทราบว่าสิ่งที่น้าแอ๊ดบอกว่า “เรื่องแบบนี้ผมไม่ยอมแน่ เพราะผมรักป่า รักสัตว์ป่า และรักความเป็นธรรม...ใครจะเสือกกับผม มาเลยครับ มาร่วมกัน” ... กระแสออกมาแบบนี้ “น้าแอ๊ด” จะยังเดินหน้าเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับ “หัวหน้าอี่” ต่อไปอีกหรือไม่?
“แอ๊ด คาราบาว” กับ “ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร” อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน มีความสนิทสนมสัมพันธ์ฉันพี่น้องกันได้อย่างไร?
เรื่องนี้มีคำตอบอยู่ว่า ด้วยอุปนิสัยส่วนตัวของชัยวัฒน์ นอกจากภาพที่เป็น “ขาบู๊” ไม่กลัวใคร เป็นทั้งจำเลยและโจทก์หลายคดีตามที่เจ้าตัวเคยบอกว่า “ไม่เคยกลัวใคร” อีกด้านหนึ่งนั้นเป็นคนยิ้มง่าย นอบน้อมถ่อมตน คุยสนุก หากใครก็ตามที่มีอาวุโสกว่า เขามักจะยกให้เป็นพี่ มีความเป็นศิลปินซ่อนอยู่ในภาพมือปราบ จึงเป็นที่รักใคร่ของน้าแอ๊ด
ดีกรี “หัวหน้าอี่” เคยเป็นข้าราชการพลเรือนดีเด่นจากการปฏิบัติงาน สร้างชื่อว่าเป็น “วีรบุรุษแก่งกระจาน” ก็ตอนลุยเก็บกู้ 17 ศพ จากอุบัติเหตุ ฮ.ตก 3 ลำ ในปฏิบัติการตะนาวศรี เมื่อปี 2554
ทั้งหมดนี้ไม่แปลกเลย หากทั้งคู่ได้พบเจอกันจะต้องถูกคอกัน และสิ่งที่ยืนยันความซี้แหง๋ คือ ภาพข่าวการต่อต้านขบวนการนายพรานล่าช้างเผือกในแก่งกระจาน เมื่อปี 2556 มีภาพ “แอ๊ด คาราบาว” ยืนคู่กันกับ “ชัยวัฒน์” โดยเนื้อหาข่าวนั้น น้าแอ๊ดแสดงความห่วงใยลูกช้างเผือกตัวหนึ่งที่ชัยวัฒน์บังเอิญพบในป่าแก่งกระจาน ขณะขึ้น ฮ.เพื่อตรวจพื้นที่ป่า
นั่นคือสิ่งยืนยันว่า “น้าแอ๊ด” กับ “หัวหน้าอี่” รู้จักกันมาพอสมควรแล้ว ส่วนการออกมาปกป้องจนกลายเป็นประเด็นร้อน ไม่ใช่ว่าจะมีแต่คนก่นด่า มีหลายคนเช่นกันที่ก็เห็นว่าน้าแอ๊ดทำถูก และเห็นใจชัยวัฒน์
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ “ชัยวัฒน์” ถูกพายุซัด หากมองย้อนกลับถึงวิบากกรรมของชัยวัฒน์ แล้วจะเห็นได้ว่าในแต่ละครั้ง มักมีแฟนคลับ หรือกลุ่มคนที่สนับสนุนแนวทางของเขาออกมาเคลื่อนไหวอยู่เป็นประจำเช่นกัน
ยกตัวอย่างการเคลื่อนไหวจากสมาคมศิษย์เก่าคณะวนศาสตร์ และ “กลุ่มเซฟบางกลอย” ออกมาสนับสนุนเขา เห็นด้วยกับแนวทางอนุรักษ์ที่ชัยวัฒน์จัดอย่างเต็มรูปแบบ หรือแม้แต่การเผากระท่อมปู่คออี้ เผายุ้งข้าว และกระท่อมหลังอื่นๆ ในหมู่บ้านกะเหรี่ยงบางกลอย พูดง่ายๆ คือ เห็นด้วยกับ “วิธีบู๊” ของขัยวัฒน์
เรื่องนี้หากจะมองมุมของการอนุรักษ์ผืนป่า และชีวิตสัตว์ป่า ก็ต้องยอมรับว่าสิ่งที่สังคมมองต่างเพราะเชื่อว่ามีวิธีการได้หลายวิธี
“น้าแอ๊ด” ก็ต้องเข้าใจคณะทัวร์ที่มาลงด้วยว่า สังคมก็ต้องการเห็นผืนป่าที่สมบูรณ์ เป็นแหล่งพักพิงอาศัยของสัตว์ป่าเช่นเดียวกัน เพียงแต่การกระทำรุนแรงต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน บางครั้งก็เป็นเรื่องละเอียดอ่อน หรือปัญหาบางกลอย อาจจะเกินกว่าขอบเขตอำนาจการตัดสินใจของหัวหน้าอุทยานฯ อย่างชัยวัฒน์ หรือไม่
ตัวอย่างของวีรบุรุษ “สืบ นาคะเสถียร” ที่เลือกวิธีปกป้องผืนป่าด้วยชีวิต ก็เป็นบทเรียนที่สังคมไม่เคยลืม แนวทางแตกต่างจากที่ชัยวัฒน์มีภาพจำว่าขาบู๊ลุยแหลก
ต้องบอกว่า อีกด้านสังคมก็เข้าใจแหละว่าความเป็นนักสู้ไม่ยอมใครของชัยวัฒน์ ซึ่ง “เจ้าสัวเปรมชัย กรรณสูต” เจ้าพ่ออิตัลไทย ล่าเสือดำ ก็เคยถูกชัยวัฒน์นำทีมลุยมาแล้ว คนในแวดวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หลายคนก็อาจจะต้องมีคนแบบนี้เอาไว้
ดังที่ “จตุพร บุรุษพัฒน์” ปลัดกระทรวงฯ ที่บอกว่า....“การปลดชัยวัฒน์ นับเป็นการสูญเสียบุคลากรที่มีศักยภาพ มีความมุ่งมั่น ทุ่มเทการทำงาน”
ต่อจากนี้น่าสนใจว่า “ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร” จะดิ้นเฮือกสุดท้ายอย่างไร...ดูเหมือนว่าเวทีนี้จะไม่มีพี่เลี้ยงอีกต่อไปแล้ว! ยกเว้น “น้าแอ๊ด” ที่ยืนเคียงข้าง
แต่ที่แน่ๆ กรณีของ “ชัยวัฒน์ และน้าแอ๊ด” งานนี้ก็เป็นอีกครั้งที่สำหรับการอนุรักษ์ป่า-สัตว์ป่า จะมีคำถามระหว่างรักป่าต้องรุนแรง กับรักไม่ต้องรุนแรงเสมอไปได้หรือไม่ ที่จะให้สังคมได้ถกเถียงกันยาวๆ
** ทะลุฟ้าจริงๆ ม็อบอะไรกันนี่ เจอทั้งกัญชาอัดแท่ง น้ำกระท่อม ถุงยางอนามัย ไปจนถึงเซ็กซ์ทอย
ค่อยๆ บีบ ค่อยๆ นวด สุดท้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เข้ากระชับพื้นที่ สลายการชุมนุมทวงคืน “หมู่บ้านทะลุฟ้า” หน้าทำเนียบรัฐบาลไปเรียบร้อย ด้วยข้อหาขัดต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ท่ามกลางความชุลมุนอยู่บ้าง
แต่ที่สังคมให้ความสนใจกลายเป็นกระแสร้อน ก่อนหน้านั้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) “พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย” รอง ผบช.น.(จต.) ในฐานะโฆษก บช.น.ได้เปิดเผยกรณีตำรวจเข้าจับกุมม็อบบางกลอย และม็อบเดินทะลุฟ้า จำนวน 70 ราย ที่ปักหลักชุมชุมตั้งแต่ วันที่ 13 มี.ค. ฝั่งตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล โดยพบของกลางมีทั้งกัญชาอัดแท่ง น้ำกระท่อม ถุงยางอนามัย และเซ็กซ์ทอย
มันก็ดูแปลกๆ น่าสงสัยว่านี่คือ ม็อบอะไรกัน Save ทะลุฟ้า กันขนาดนี้เลย
แน่นอนว่า สำหรับ “เซ็กซ์ทอย” ถ้ามีไว้เพื่อครอบครอง ไม่ผิดกฎหมาย แต่ถ้าซื้อขายจำหน่ายจ่ายแจกจะมีความผิดทันที
ตำรวจยังว่า ถุงยางและเซ็กซ์ทอยที่พบ ตามภาษาราชการคาดว่ากลุ่มผู้ชุมนุมนำไปใช้ทำกิจกรรมตามวัตถุประสงค์ทั่วไป แต่หากพูดแบบชาวบ้านๆ ก็ว่ามีไว้สำหรับการร่วมเพศอย่างไม่ต้องสงสัย
ต่อมาชาวโซเชียลฯ กลุ่มหนุนม็อบ อย่าง “เพจเฟมินิสต์ปลดแอก” ได้ออกแถลงการณ์แก้ต่างว่า ถุงยางใช้ทำกิจกรรมรณรงค์เรื่องมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย และเซ็กซ์ทอยใช้ทำกิจกรรมรณรงค์เรื่องเสรีภาพส่วนบุคคล ในการเข้าถึงความสุขทางเพศของประชาชน โดยมีวลีที่คิดมาอย่างดี “พกถุงยางดีกว่าให้ลูกเกิดมาเป็นขี้ข้าเผด็จการ”
ขณะที่ตำรวจก็สวนกลับว่า ไม่เคยเห็นกลุ่มผู้ชุมนุมใช้ภาพ ข้อความ สัญลักษณ์ หรือการรณรงค์เรื่อง Save เซ็กซ์ และเซ็กซ์ทอยแต่อย่างใด
งานนี้ไม่รู้ว่าจะฟังกันขึ้นหรือไม่ นักสิทธิมนุษยชน 3 นิ้ว จะว่าอย่างไร? เพราะหลักๆ ที่ม็อบซึ่งพัฒนาจากกิจกรรม “เดินทะลุฟ้า” มาปักหลักประกาศกิจกรรม “หมู่บ้านทะลุฟ้า” กว่า 15 วันนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อเรียกร้อง 4 ข้อ คือ ขอให้ปล่อยแกนนำราษฎรและแนวร่วมที่ถูกจับกุม เดินหน้าร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ยกเลิกมาตรา 112 และนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออก
นี่เกี่ยวยังไงกับกัญชา น้ำกระท่อม ถุงยาง และเซ็กซ์ทอย นึกไม่ออกเลย ม็อบนี้จึงเป็นม็อบแรกที่ทะลุฟ้ากันจริงๆ