ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - โผไม่พลิก “หนูเหน่ง”ตรีนุช เทียนทอง ส.ส.สระแก้ว พรรคพลังประชารัฐ ผงาดนั่ง รมว.ศึกษาธิการ “เสี่ยโอ๋”ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ผงาดนั่ง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นไปตามที่มีการรายงานก่อนหน้านี้
แต่ที่น่าสนใจคือ ทั้ง“หนูเหน่ง–เสี่ยโอ๋”ไม่เคยเป็นเสนาบดีมาก่อน แต่การได้เป็นรัฐมนตรีครั้งแรกก็ขึ้นชื่อระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ขณะที่ "ก๊วน 3 ช." ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง และ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน ที่เป็นกรรมการบริหารพรรค และกำลังขึ้นหม้อมากๆ กลับต้องจับเจ่ากอดเข่านั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่อ
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ หลายสำนักฟันธง ก๊วน3ช. ต้องมีคนพาสชั้นขึ้นจากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสักคน ในฐานะที่ทำงานใกล้ชิด “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แต่สุดท้ายไม่เป็นอย่างที่คิด
เช่นเดียวกับ "ก๊วนสามมิตร" ที่ยังอยู่ที่เดิมเรียบวุธ ไม่ว่าจะเป็น สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม และอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
"ครม.ประยุทธ์ 2/4" ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐไม่มีการขยับอะไรเลย นอกจากการเติมคนใหม่คือ ตรีนุช และ ชัยวุฒิ ที่เข้ามาแทนตำแหน่งที่ว่างของ ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ และ พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์
คิวนี้ “บิ๊กป้อม”ที่หลายคนจับจ้องว่า เอียงๆไปทั้งก๊วน 3 ช. ตลอดมา หักปากกาเซียนไม่เปลี่ยนตัวอะไรใครทั้งนั้น เน้นความสงบภายในพรรคเป็นหลัก เพราะรู้อยู่แล้วว่าหากปูนบำเหน็จ เทให้ก๊วนได้ก๊วนหนึ่งมากไป อีกฝ่ายต้องฟาดงวงฟาดงาแน่ พรรคร้อนกระเพื่อมแน่
การปรับครม.ครั้งนี้ ยังสะท้อนให้เห็นถึงความเขี้ยวของ“บิ๊กป้อม”ที่ใครต่อใครอาจมองว่าหลงเหลี่ยม หลงกลนักการเมือง แพ้พวกเชลียร์แข้งเชลียร์ขา แต่ที่ไหนได้เป็นพวกเขี้ยวลากดินเรียกพี่ บริหารคนได้อยู่หมัด ไม่ได้เลือกที่รักมักที่ชัง แต่เอาภาพรวมของพรรคให้ไปต่อได้
แล้วการตัดสินใจแบบนี้ มันทำให้เห็นเลยว่า วันนี้ต่อให้ส.ส.ในพรรคจะตั้งมุ้ง ตั้งก๊วน ต่อรองผลประโยชน์ต่างๆ นานาแค่ไหน แต่สุดท้ายไม่มีใครเหนือ“บิ๊กป้อม”ถ้าทุบโต๊ะแล้ว
ดูในคิวตั้ง ตรีนุช กับ ชัยวุฒิ ขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวง หักอกก๊วน 3 ช. ที่อยากอัปเลเวลได้ รู้ทั้งรู้ว่าก๊วน 3 ช. ย่อมไม่พอใจ แต่ก็ทำอะไรไมได้ ในเมื่อวันนี้อำนาจยังอยู่ในมือ 3 ป.
ขณะเดียวกัน การตัดสินใจตบรางวัลให้กับ ตรีนุช กับ ชัยวุฒิ ก็สมเหตุสมผล เพราะตรีนุช เป็น ส.ส.มาตั้งแต่ปี 2544 ที่สำคัญเหมา ส.ส.สระแก้ว ยกจังหวัดมาให้กับพรรคพลังประชารัฐ มีคะแนนสะสมเกือบ 2 แสน ขณะที่ชัยวุฒิ ทำงานให้พรรคและวิปรัฐบาลมาตั้งแต่ต้น แถมมีคนในครอบครัว เป็น ส.ส.รวม 3 คน คือ ตัวเอง กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ ส.ส.กทม. ภรรยาสุดที่รัก และ โชติวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.สิงห์บุรี พรรคพลังประชารัฐ ดังนั้นความอาวุโสและ ผลงานในสนามเลือกตั้ง ไม่มีข้องใจ
แล้วมันยังทำให้เห็นหลักการปกครองคนของ“บิ๊กป้อม”ด้วย ซึ่งดูไปดูมาเริ่มจะคล้ายกับทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะหากใครตัดสินใจย้ายขั้ว ย้ายสำมะโนครัวมาอยู่ด้วยจะปูนบำเหน็จให้เป็นถึงรัฐมนตรี เพื่อเป็นการซื้อใจ
อย่างกรณี ตรีนุช ย้ายมาพร้อมกับพี่ชาย ฐานิสร์ เทียนทอง ส.ส.สระแก้ว และทีมงานอีกคนจากพรรคเพื่อไทย มาอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ ถูกปรามาส ย้ายขั้วเปลี่ยนข้างมาตลอด แต่เมื่อทำผลงานได้ “บิ๊กป้อม”ก็ไม่ลืม ไม่ทิ้ง ตบรางวัลให้ ขณะที่ชัยวุฒินั้น “บิ๊กป้อม”เองก็เคยสัญญาใจเอาไว้เมื่อการปรับ "ครม.ประยุทธ์ 2/2" ว่า คิวหน้าชื่อเอ็งชื่อแรกแน่นอน ไม่มีลืม
“บิ๊กป้อม”เน้นทฤษฎีฝนตกทั่วฟ้า ใครทำงานให้พรรค ใครทำผลงานได้ดี มีรางวัล แบบนี้ยิ่งเป็นการกระตุ้นให้พวกที่ต่อแถวรอคิวอยากจะเป็นเสนาบดีกับเขา เร่งปั่นผลงานออกมาโชว์เพื่อให้เข้าตาเจ้าของพรรค รวมไปถึงบรรดาส.ส.ต่างพรรค ที่จะได้เห็นว่า หากย้ายมาอยู่กับลุง จะได้รับการเลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดี ไม่มีอดอยากปากแห้ง ดูแลทั่วถึงแน่นอน
เอาว่า แนวทางนี้ ทักษิณ ชินวัตร ประสบความสำเร็จมาแล้วในการเลี้ยงคนให้อยู่กับตัวเอง ไม่อยากไปไหน!
ขณะที่ในส่วนของพรรคภูมิใจไทย กับพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีการสลับเก้าอี้กัน โดย“กำนันป้อ”วีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล โยกจาก รมช.พาณิชย์ ไปเป็นรมช.คมนาคม อยู่กับ "ศักดิ์สยาม ชิดชอบ" รมว.คมนาคม เจ้าของพรรค ส่วน "สินิตย์ เลิศไกร" ส.ส.สุราษฎร์ธานี โควตาพรรคประชาธิปัตย์ ถูกจับไปเป็น รมช.พาณิชย์ อยู่กับหัวหน้าพรรคตัวเองอย่าง" จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์" รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์
สูตรนี้ทำให้เป็นอาณาจักรใครอาณาจักรมัน ตัดปัญหารมช.นอกพรรคไม่มีงานทำ
แต่เดิมพรรคประชาธิปัตย์ไม่อยากจะแลก เพราะเห็นว่าแยกกันทำงานดีอยู่แล้ว หากแต่พรรคภูมิใจไทยไม่โอเค เพราะรู้สึกเหมือนมีคนจับผิดตลอดเวลา โดยเฉพาะที่กระทรวงคมนาคม จึงไปขอ“บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เพื่อแลก
“บิ๊กตู่”เองก็ไม่มีปัญหา เพราะแค่ขอแลก ไม่ได้ขอเพิ่ม ทั้งที่ปัจจุบันพรรคภูมิใจไทย มีส.ส.เกินพรรคประชาธิปัตย์ที่จะสามารถต่อรองขอตำแหน่งได้ ดังนั้นจึงไฟเขียวให้ไม่มีปัญหา
แต่ช็อตนี้แสดงอะไรให้เห็นเหมือนกันว่า วันนี้พรรคภูมิใจไทยของ“เสี่ยหนู”อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ไม่ธรรมดาในรัฐบาล ตรงกันข้ามกับพรรคประชาธิปัตย์ ที่ขยันสร้างปัญหา ชักจะตกกระป๋องเสียแล้ว