xs
xsm
sm
md
lg

สุดทนม็อบเถื่อน-คนยุยง แนะใช้ทุกกฎหมายจัดหนัก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ตร.แถลง ม็อบ ‘REDEM’ ปะทะจนท. ยันยึดหลักสากล เตือนทุกระยะ จับกุม 20 คน ตร.เจ็บ11 นาย พร้อมขอความร่วมมือแจ้งเบาะแสมือขว้างระเบิดสวมเสื้อลายสก็อต โพลชี้ประชาชนสุดทน จี้ใช้ทุกกฎหมายจัดการม็อบ ขอต่างชาติอย่าหนุน คนบงการเตรียมเจอข้อหา "อั้งยี่"

จากกรณีการชุมนุมของกลุ่ม‘REDEM’ที่บริเวณท้องสนามหลวง เมื่อวันที่ 20 มี.ค. ที่ผ่านมา และเกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้มีผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ และผู้ชุมนุมบางส่วนถูกควบคุมตัวไปยัง ตชด.ภาค 1

วานนี้ (21มี.ค.) พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. ในฐานะโฆษก บช.น. แถลงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า การชุมนุมในขณะนี้ยังอยู่ในการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมในที่สาธารณะ พร้อมย้ำความจำเป็น ในการใช้เครื่องกีดขวาง เนื่องจากกังวลว่าการชุมนุมจะกระทบต่อสถานที่สำคัญ อีกทั้งไม่ต้องการให้การชุมนุม นำไปสู่การกระทำที่ผิดกฎหมาย จึงจำเป็นต้องระงับยับยั้งไว้ ไม่ให้เกิดความเสียหายต่อผู้ชุมนุม และสถานที่สำคัญ

"การใช้ยุทธวิธีเป็นไปตามหลักสากล และทุกขั้นตอนมีการประกาศแจ้งเตือนทุกระยะ ซึ่งตำรวจจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด" โฆษกตร. กล่าว

ด้านพล.ต.ต.ปิยะ แถลงสรุปเหตุการณ์การชุมนุม โดยเริ่มตั้งแต่ เวลา 17.00 น. เริ่มมีกลุ่มผู้ชุมนุมที่บริเวณท้องสนามหลวง และอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ต่อมากลุ่มผู้ชุมนุมที่ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เดินทางเข้าพื้นที่ท้องสนามหลวง ขณะที่ตำรวจ ประกาศแจ้งเตือนว่า การชุมนุมเข้าข่ายความผิดกฎหมาย แต่กลุ่มผู้ชุมนุมขับไล่ตำรวจออกนอกพื้นที่

เวลา 18.00 น.กลุ่มผู้ชุมนุม เริ่มรื้อถอนแนวกีดขวาง และต่อมาได้ร่วมกันเคลื่อนย้ายตู้คอนเทนเนอร์ มีการใช้ก้อนหิน ลูกแก้วและลูกเหล็กยิงใส่ รวมทั้งประทัดยักษ์โยนเข้าใส่กลุ่มตำรวจ ซึ่งตำรวจพบว่ามีกลุ่มผู้ชุมนุมพยายามฝ่าแนวกั้นของตำรวจเข้าไปในพื้นที่หวงห้าม พยายามทำลายทรัพย์สินราชการ เช่น กล้องวงจรปิด

จากนั้น ตำรวจประกาศแจ้งเตือนอีกครั้ง ให้กลุ่มผู้ชุมนุมยุติการกระทำที่ผิดกฎหมาย ซึ่งตำรวจเห็นว่า กลุ่มผู้ชุมนุม ยังมีความพยายามในการบุกเข้าไปในพื้นที่หวงห้าม ซึ่งสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดเพลิงไหม้ในสถานที่สำคัญ ตำรวจจึงจำเป็นต้องใช้ยุทธวิธีฉีดน้ำแรงดันสูง และผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุมให้พ้นจากสนามหลวง กระทั่ง เวลา 20.50 น. ตำรวจ สามารถรักษาพื้นที่ท้องสนามหลวงไว้ได้ ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมกระจายตัวออกไปในบริเวณสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า และบริเวณแยกคอกวัว อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

จากนั้น ตำรวจพบมีกลุ่มผู้กระทำผิดจุดไฟขึ้นหลายแห่ง บริเวณถนนราชดำเนิน และบริเวณหน้ากองสลาก และท้องสนามหลวง โดยพบว่า รถยนต์ ทรัพย์สินของตำรวจ ได้รับความเสียหายหลายคัน

หลังจากที่ควบคุมสถานการณ์ได้ ตร.จับผู้กระทำผิดได้ 20 คน ส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดี ในความผิดฐานร่วมกันชุมนุมโดยผิดกฎหมาย ความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรค รวมทั้งข้อหาสมคบกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ก่อความไม่สงบในบ้านเมืองโดยใช้อาวุธ และกำลังประทุษร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 วรรค 1 และ วรรค 2 และความผิดฐานต่อสู้ ขัดขวาง และทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน

นอกจากนี้ตำรวจยังจับผู้ที่กระทำความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และยังอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลผู้ที่เข้าข่ายกระทำผิด มาตรา 112 เพิ่มเติมอีกหลายคน

ส่วนผู้ชุมนุมที่กระทำความผิดเล็กน้อย ตำรวจได้เปรียบเทียบปรับและปล่อยตัวไปตั้งแต่เมื่อคืนนี้ ส่วนที่เหลือถูกควบคุมตัวไว้ ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 1 ปทุมธานี เพื่อนำตัวส่งฟ้องศาลตามกฎหมายต่อไป

นอกจากนี้ ตำรวจอยู่ระหว่างติดตามตัวชายสวมเสื้อลายสก๊อต เป็นมือระเบิดที่ขว้างใส่ตำรวจจำนวนหลายลูก ฝากสื่อมวลชน หรือประชาชน หากมีเบาะแสบุคคลดังกล่าวให้แจ้งที่ บก.สส.บช.น. หรือ บช.น.หรือ ผกก.สน.ชนะสงคราม เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) และเจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด (อีโอดี) อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเป็นระเบิดชนิดใด หากพบว่าเป็นระเบิดที่อยู่ในยุทธภัณฑ์ ก็จะมีความผิดสูงขึ้น

ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ดังกล่าว มีตำรวจได้รับบาดเจ็บ 11 นาย โดยได้รับอันตรายจากการโดนก้อนหิน และสะเก็ดประทัดยักษ์ตามร่างกาย โดยอยู่ระหว่างการพักรักษาตัวที่รพ.

ด้านศูนย์เอราวัณ สรุปรายงานข้อมูลผู้บาดเจ็บในพื้นที่การชุมนุม ที่ถูกนำส่งโรงพยาบาล ณ เวลา 07.30 น. รวม 32 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ 12 นาย ประชาชน 20 ราย แยกเป็น รพ.กลาง 11 ราย รพ.วชิรพยาบาล 7 ราย (เจ้าหน้าที่ 2 / ประชาชน 5) รพ.ศิริราช 2 ราย รพ.ตำรวจ 11 ราย (เจ้าหน้าที่ 10 / ประชาชน 1) และ รพ.เลิดสิน 1 ราย

โพลจี้ใช้ทุกกม.จัดการม็อบ

นายนพดล กรรณิกา ผอ.สำนักวิจัยซูเปอร์โพล เผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง เปิดประเทศ พ้นวิกฤต จากกลุ่มตัวอย่าง 1,600 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 17-20 มี.ค.64 พบว่า ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 95.3 เชื่อว่า เปิดประเทศ พ้นวิกฤต เพราะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยว และห่วงโซ่ธุรกิจอื่นๆช่วยเพิ่มเงินในกระเป๋าของประชาชน

นอกจากนี้ ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 91.5 ระบุ ประเทศไทยเปิดประเทศได้ เพราะมีวัคซีนแล้ว และเป็นหน้าที่ของทุกคน คนไทยอยู่กับโควิดให้เป็น บุคลากรการแพทย์ไทยเก่ง เครื่องมือทันสมัย ติดโควิดก็รักษาได้ แต่ต้องไม่ประมาท การ์ดไม่ตก ขณะที่ร้อยละ 88.5 มั่นใจว่า เปิดประเทศแล้ว รัฐบาลและประชาชนช่วยกันทำเศรษฐกิจฐานราก เดินหน้าต่อได้ดีขึ้น

แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 92.3 ทุกข์ใจ และต้องการให้ใช้กฎหมายทุกมาตรา จัดการพวกม็อบ พวกท่อน้ำเลี้ยง และนักการเมือง นักวิชาการบางคน ยุยง ปลุกปั่นม็อบละเมิดกฎหมาย ละเมิดสถาบันหลักของชาติ ชักศึกเข้าบ้าน ทำลายภาษีของประชาชน แกนนำม็อบละเมิดศาล ม็อบละเมิดผู้อื่น คุกคามผู้อื่น เบียดเบียนผู้อื่น ทำลายชาติบ้านเมืองของตนเอง ด้วยการยั่วยุให้เกิดความรุนแรงบานปลาย

ทั้งนี้ ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 93.1 ต้องการเห็นรัฐบาลต่างชาติหนุนประเทศไทยเปิดประเทศช่วงโควิด กระตุ้นศก. ขอรัฐบาลต่างชาติ อย่าหนุนม็อบทำลายสถาบันหลักของชาติ สร้างความแตกแยกของคนไทยในชาติ ในขณะที่ ร้อยละ 89.6 ระบุ รัฐบาลต่างชาติ ควรหนุนประเทศไทย เป็นศูนย์กลางการเดินทางทั่วโลกอย่างปลอดภัย ปลอดโควิด

นอกจากนี้ ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 73.5 ต้องการค่อนข้างมาก ถึงมากที่สุด ต่อรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีมาตรการใหม่ๆ ช่วยเหลือธุรกิจขนาดกลางและย่อม (SME)ล่วงหน้า รองรับการเปิดประเทศ

"เจี๊ยบ"โพสต์รูปร่วมม็อบ-ท้าให้จับ

นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล หรือ เจี๊ยบ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ซึ่งเข้าร่วมการชุมนุมกับกลุ่ม“รีเดม”ที่สนามหลวง เมื่อวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความว่า "เมื่อมองเห็นประชาชนเป็นเพียงมดปลวก แนะนำให้คาตู้คอนเทนเนอร์สูง 2 ชั้นพาดกลางสนามหลวงยาวสุดลูกตา (ตั้งแต่รั้วศาลฎีกา ไปจรดรั้วมธ.) ไว้ประจานตัวเองแบบนี้ทั้งปี ไม่ต้องเก็บ"

เมื่อมีผู้สอบถามว่า การที่ส.ส. เข้าร่วมชุมนุมแล้วโพสต์รูป มีความผิดด้วยหรือไม่ ปรากฏว่า นางอมรัตน์ ได้โพสต์ตอบว่า "ให้มาจับค่ะ" พร้อมข้อความว่า "สิทธิเสรีภาพในการชุมนุมโดยสันติ เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของพลเมืองที่ถูกรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญ"

ด้านนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอประณาม ม็อบ REDEM มีการกระทำที่ป่าเถื่อน มีการทำลายพระบรมฉายาลักษณ์ ซึ่งเป็นการมิบังควรอย่างยิ่ง และยังมีการใช้อาวุธต่างๆ เช่น ประทัด การใช้หัวน็อตลูกแก้ว ก้อนหิน ขว้างปาสิ่งที่เป็นอันตรายใส่ จนท.ตำรวจ ส่งผลให้มีตำรวจบาดเจ็บหลายนาย ทำให้ตำรวจต้องปฏิบัติตามยุทธวิธีต่างๆ ตามขั้นตอนเพื่อควบคุมสถานการณ์ให้สงบ

ที่ผ่านมากลุ่มผู้ชุมนุมได้สร้างสถานการณ์ให้เกิดเหตุความรุนแรงมาโดยตลอด อีกทั้งยังสร้างความเดือดร้อนอย่างมาก ต่อประชาชนทั่วไป ที่ทำมาหากินอย่างปกติจนส่งผลกระทบไปทั่ว จึงขอเรียกร้องให้บุคคลที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มผู้ชุมนุมกล้าเปิดหน้าออกมารับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นด้วย ไม่ใช่กล้าแต่ที่จะเอาตำแหน่ง ส.ส. ไปช่วยเหลือแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมที่มีคดีเท่านั้น

"ผมเห็น ส.ส.ขาประจำพรรคก้าวไกล ฉายา“เตี้ยหลังม็อบ”ที่ชอบแอบอยู่หลังม็อบ เข้าร่วมการชุมนุมในครั้งนี้ด้วย ซึ่งแทนที่คนที่มีวุฒิภาวะ เป็นถึงผู้แทนของประชาชน จะออกมาห้ามปรามการชุมนุม แต่กลับเข้าร่วมการชุมนุม และมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น จึงขอประณามทั้งผู้ชุมนุม และ ส.ส.ก้าวไกลคนที่เข้าร่วมการชุมนุมในครั้งนี้" นาย เสกสกล กล่าว

คนบงการเตรียมเจอข้อหา"อั้งยี่"

นายไพศาล พืชมงคล อดีต กรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ เฟซบุ๊ก ถึงการชุมนุมของม็อบเมื่อ20มี.ค.ว่า ได้ย้ำถึงความพ่ายแพ้ชนิดหมดรูป

1. เป็นครั้งแรก ที่สื่อนักล่าอาณานิคมไม่สามารถรายงานได้ว่าเป็นการชุมนุมโดยสันติ เพราะลักษณะม็อบก่อความรุนแรงมากที่สุดเท่าที่มีการชุมนุมมา

2.ประชาชนทั่วประเทศ ทนความถ่อยเถื่อนไม่ไหว ส่งกระแสเรียกร้องให้จนท.ปราบปรามอย่างเฉียบขาด และขยายผลการจับกุมไปถึงบรรดาผู้กระทำความผิดระดับหัวโจก ของอั้งยี่ให้ได้

3.การจับกุม ผู้ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการอั้งยี่ กำลังขยายเข้าไปใกล้ถึงตัวหัวโจกระดับผู้บงการมากกว่าทุกระยะที่ผ่านมา

4. การจัดตั้งของประชาชนในพื้นที่ต่างๆในลักษณะกองกำลังรักษาชุมชนได้แสดงบทบาท ในการต่อต้านพวกม็อบที่ก่อความรุนแรง ทำให้ผู้ที่ต้องการเข้าชุมนุมแบบทั่วไป ขยาดไม่กล้าเข้าร่วม

5. ในการชักชวนผู้คนเข้าชุมนุม เริ่มถูกจับกระแสได้ว่าใครเป็นผู้ชักชวน โดยเฉพาะพวกที่ใช้ฐานะสื่อบังหน้า

6. ความต้องการจะให้การก่อม็อบไทย ประสานและเชื่อมต่อกับพม่า ล้มเหลวสิ้นเชิง !

เพราะประชาชนจับได้ไล่ทัน ว่าการชักชวนไล่ลุงตู่ เป็นการลวงโลก หลอกพวกกันเอง แต่แท้จริง ไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่แตะต้องลุงตู่เลย

เอาแต่ด่าเจ้าอย่างเดียว ! และก่อความรุนแรงอย่างเดียว! ดังนั้นการเรียกหาต่างชาติให้เข้ามาแทรกแซง จึงเงียบกริบ เพราะต่างชาติเขาดูสถานการณ์ออกว่า ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศไทยไม่เล่นด้วย ขืนออกหน้ามาก ก็จะถูกประชาชนไทยตะเพิดเอาได้ง่ายๆ !

ไต่สวน"กวิ้น"ละเมิดศาลวันนี้

ผู้สื่อข่าวรายงาน กรณีนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน แกนนำราษฎร จำเลยคดี ป.อาญา ม.112 ซึ่งไม่ได้รับการประกันตัว ได้ลุกขึ้นยืนอ่านแถลงการณ์ ประท้วงขออดอาหารจนกว่าจะได้รับการประกันตัว ในห้องพิจารณาคดี ของศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผผ่านมานั้น ล่าสุด ศาลได้ตั้งข้อหาละเมิดอำนาจศาล และจะมีการนัดไต่สวนข้อหาละเมิดอำนาจศาล กับนายพริษฐ์ ซึ่งถือเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อย ในห้องพิจารณาคดี ในวันที่ 22 มี.ค. นี้ เวลา 13.30 น. โดยจะเบิกตัวนายพริษฐ์ จากเรือนจำมาไต่สวนด้วย

'กลุ่มอาชีวะฯ'พรึ่บหอศิลปฯปกป้องสถาบัน

วานนี้ (21มี.ค.) ที่บริเวณหน้าหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร กลุ่มอาชีวะปกป้องสถาบัน ได้นัดรวมตัวทำกิจกรรม ประกาศเจตนารมณ์ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่ได้ปกป้องรัฐบาล เพียงแค่ปกป้องสถาบันฯ ไม่ให้มีใครมาจาบจ้วง นอกจากนี้ ยังเปิดให้ประชาชน ลงชื่อไล่อาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่มีพฤติกรรมสนับสนุนให้นักศึกษา ออกไปชุมนุมผิดกฎหมาย เพื่อส่งให้ทางมหาวิทยาลัย พิจารณา


กำลังโหลดความคิดเห็น