ผู้จัดการสุดสัปดาห์- หลังถูกแบนการเมือง 10 ปี "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" ประธานคณะก้าวหน้า เบนเข็มสู่การเมืองท้องถิ่น หวังขยายฐานไปสู่ระดับรากหญ้า
คณะก้าวหน้า โดยธนาธร ปิยบุตร แสงกนกกุล และพรรณิการ์ วานิช หวังปูทาง สู่ความยิ่งใหญ่ในการเมืองระดับชาติในอนาคต
แผนเดียวกับ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ใช้วิธีซื้อใจคนรากหญ้า จนกลายเป็นขวัญใจ คนภาคเหนือ คนอีสาน รักงอมแงมไปช่วงหนึ่ง และบางส่วนในปัจจุบัน
แต่เหตุที่คณะก้าวหน้าล้มเหลวต่างจากทักษิณที่ประสบความสำเร็จ ตัวแปรสำคัญน่าจะเป็นหลักคิดที่ว่า ธนาธร คิดว่า “กระแส”ที่ทำให้พรรคอนาคตใหม่ประสบความสำเร็จ จะทำให้กวาดเก้าอี้องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ได้เฉกเช่นกัน ต่างจากทักษิณ ที่ไม่ว่าสนามใหญ่ สนามเล็ก เน้นใช้“กระสุนดินดำ”
ก่อนเลือกตั้ง นายก อบจ. ธนาธรเชื่อว่าคณะก้าวหน้าจะกวาดเก้าอี้นายกเล็กได้เป็นกอบกำ โดยดูจากคะแนนเสียงเลือกตั้งส.ส.ที่ผ่านมา ที่พรรคอนาคตใหม่กวาด ส.ส.เข้าสภาร่วม 80 ที่นั่ง มีคะแนนรวมทั้งประเทศสูงเป็นอันดับต้นๆ
แต่แล้ว 42 จังหวัด ที่คณะก้าวหน้าหมายมั่นปั้นมือว่า มีโอกาสสูงจะขึ้นไปปักธง กลับล้มเหลวไม่เป็นท่า ไม่มีเก้าอี้ นายกอบจ.ปลอบใจสักตัวเดียว
ความพ่ายแพ้แบบแลนด์สไลด์ในสนามเลือกตั้ง อบจ. ทำให้คณะก้าวหน้าหูตาสว่างมากขึ้นว่า ลมปาก และโซเชียลมีเดียไม่ได้เป็นสิ่งที่จีรังยั่งยืน กระแสเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป เป็นอนิจจา
ไม่แปลกที่แม้ปี่กลองจะโหมโรงโครมคราม หลังคณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล หรือนายกเทศมนตรี กลับไม่เห็นความเคลื่อนไหวของคณะก้าวหน้า ที่ฝันอยากจะเจาะสนามรากหญ้า เพื่อไต่ไปสู่ยอดพีระมิดในการเมืองระดับชาติ
เพราะหากย้อนไปก่อนการเลือกตั้ง นายกอบจ. จะเห็นว่า ธนาธร ปิยบุตร และพรรณิการ์ ออกตัวเร็ว แรง กว่าพรรคการเมืองอื่นๆโดยหวังใช้โมเดล “แรง-เร็ว”เหมือนกับการเลือกตั้งส.ส.เมื่อปี 2562 จนทำให้กวาดส.ส.เป็นกอบเป็นกำ
ในการหาเสียงเลือกตั้งอบจ. ธนาธร ทุ่มทุนสร้าง เป็นพระเอกหน้ากล้อง ขึ้นเหนือ ล่องใต้ ปลุกใจ หาคะแนนด้วยตัวเองเพื่อหวังใช้ออร่าในตัวพาผู้สมัครของตัวเองเข้าวิน แต่ผลลัพธ์กลับไม่คุ้มกับหยาดเหงื่อแรงกาย โปรดักชั่น ที่ลงทุนไป
มันจึงเปล่าประโยชน์ที่คณะก้าวหน้า โดยธนาธร ปิยบุตร และพรรณิการ์ จะต้องทำแบบเดิม ในเมื่อรู้แล้วว่าตัวเองเป็นดั่งทารกการเมือง ขนาด อบจ.ที่ยังพอจะอิงกับกระแสระดับชาติบ้าง พวกเขายังล้มตึง ขายขี้หน้า นับประสาอะไรกับการเลือกตั้งท้องถิ่นในระดับที่เล็กกว่า อบจ.อย่างสมาชิกสภาเทศบาล นายกเทศมนตรี
ในการเลือกตั้ง อบจ.ที่ผ่านมา เป็นครูสอนคณะก้าวหน้าไปแล้วว่า ต่อให้กระแส ธนาธร ในระดับชาติจะเป็นดังซูเปอร์สตาร์ ขวัญใจไอโอและโซเชียลมีเดีย แต่หากจับเอาตาสี ตาสา มาหายัดเยียดให้ประชาชน มันก็ยากที่ชาวบ้านจะหยิบปากกากาให้ในคูหาเลือกตั้ง
ลำพังตัวผู้สมัครโนเนม ไม่มีคุณูปการ ไม่เคยช่วยเหลือชาวบ้านยังพอกล้อมแกล้ม ตีเนียนโดยใช้ “กระสุนดินดำ”อย่างที่ ทักษิณ ทำในสมัยพรรคไทยรักไทยทดแทนได้ แต่ธนาธร ไม่ทำแน่เพราะไม่ใช่สายลงทุน ดังนั้นจับยามสามตายังรู้ว่า ส่งผู้สมัครในนามคณะก้าวหน้าไป ก็แพ้ถล่มทลาย อายภาค 2 แน่นอน
อาจจะมีไปเปิดตัวผู้สมัครคนนั้น คนนี้ บ้างเป็นกรณี เฉพาะคนที่รู้จักมักคุ้น แต่คงไม่ช่วยลงทุนลงแรงอะไร เพราะถ้าคิดอยากจะล้างอาย ล้างตาในสนามเล็ก คงไม่รอเวลาเนิ่นนานจนอีกไม่กี่วันจะลงเข้าคูหากันอยู่แล้ว
อีกอย่าง ธนาธร ไม่ได้เป็นพวกที่มีความอดทนสูง ไม่ได้หลงการเมือง หรืออยากจะทำเพื่อประชาชน หากแต่เป็นแค่เด็กที่อยากเอาชนะเท่านั้น การต้องเสียสละตัวเองไปปลุกปั้นในพื้นที่ไม่ใช่แนวทาง อีกอย่างกระแสปัจจุบันของพรรคก้าวไกล หรือแม้แต่ม็อบคณะราษฎร ไม่ได้อยู่ในช่วงเวลาที่ดี ทุกอย่างอยู่ในช่วงขาลงทั้งหมด
พรรคก้าวไกลวันนี้เหมือนรอวันพรรคแตก ส.ส.หลายคนอยากจะถูกไล่ออกจากพรรคใจแทบขาด ถึงขนาดเป็นกบฏพรรค ไม่ร่วมลงชื่อแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ก็ยังได้สิทธิอยู่ต่อ
ขณะที่ม็อบราษฎรตอนนี้ อยู่ในเลเวลที่เกินกว่าเละตุ้มเป๊ะ แกนนำโดยหิ้วเข้าคุกรายแล้วรายเล่า ปลุกม็อบเท่าไหร่ก็ไม่ขึ้น คิดดูว่า ขนาดรัฐบาลยังเย้ยหยัน ค่อนแคะ วางแผนจะล้มการแก้ไขรัฐธรรมนูญในช่วงนี้ โดยไม่ได้ใยดีว่าจะเข้าทางม็อบฟันน้ำนมที่จะปลุกคนมาโค่นล้มแต่อย่างใด
ที่สำคัญ สถานการณ์ของธนาธร วันนี้ไม่เอื้อด้วยประการทั้งปวง โดยเฉพาะคดีความที่อีนุงตุงนังอยู่ในครอบครัวจึงรุ่งเรืองกิจ ตั้งแต่ มารดา "สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ" ที่โดนคดีรุกป่าใน จ.ราชบุรี ซึ่ง “เอ๋”ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ที่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตามขยี้ไม่ปล่อย อยากจะสอยให้ร่วงเหมือนกับตัวเองเหมือนกัน
หรือในรายน้องชาย "สกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ" ที่ถูกกองบังคับการปราบปราม เรียกไปสอบในคดีให้สินบนเจ้าหน้าที่สำนักทรัพย์สินพระมหากษัตริย์
แต่ที่หนักสุดน่าจะเป็นตัวเอง ที่ถูกแจ้งความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา112 กรณีออกมาบิดเบือนข้อเท็จจริง กรณีแอสตราเซเนกา ให้บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ผลิตวัคซีนไวรัสโควิด-19 ซึ่งตั้งแต่เจอกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานต่างๆ ออกมารุมขย้ำ เจ้าตัวแทบจะหายไปจากหน้าจอโซเชียลมีเดีย
ไฟกำลังลามเข้าบ้านจึงรุ่งเรืองกิจ ตอนนี้ไม่มีกะจิตกะใจไปลงสนามไหน เอาแค่ตัวเองให้รอดก่อน