“กรมป่าไม้” แจ้งจับ “ธนาธร-แม่-พี่สาว” รุกป่าสงวนฯ ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชีกว่า 2 พันไร่ ชื่อ “ปธ.คณะก้าวหน้า” หรา นส.3 ก 2 ฉบับ พร้อมเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง 147 ล้านบาท พ่วงแจ้งความเอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐอีก 5 ราย
วานนี้ (4 ก.พ.) ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) พล.ต.ต.พิทักษ์ อุทัยธรรม ผบก.ปทส. พร้อมด้วย นายอดิศร นุชดำรงค์ อธิบดีกรมป่าไม้ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการพิทะกษ์ป่า (ศปก.พป) และนายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผอ.สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ ร่วมแถลงข่าวเกี่ยวกับการเตรียมแจ้งความเพิ่มเติม นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ, น.ส.ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กรณีถือครองที่ดินในเขตป่าสงวนป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี จ.ราชบุรี
นายอดิศร เปิดเผยว่า ภายหลังการปฏิบัติร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ขยายผลสืบสวนสอบสวนต่อเนื่องจากข้อมูลเดิมที่ได้ดำเนินการไว้ กรณีที่ดินของ นางสมพร พร้อมลงตรวจสอบพื้นที่จริงที่ที่ดินแปลงดังกล่าว โดยตรวจสอบพบการกระทำผิดจริง และได้ดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีไปแล้วกับ นางสมพร ในความผิดใช้เอกสาร ภ.บ.ท.5 และ น.ส.2 ยึดถือครอบครองที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติแบบผิดกฎหมาย เนื้อที่รวม 440 ไร่ และได้ร้องทุกข์กล่าวโทษกับทาง บก.ปทส. ตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค. 63 ที่ผ่านมา พร้อมส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อดำเนินการตามมูลฐานความผิด การบุกรุกทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมถือเป็นมูลฐานความผิดของกฎหมายฟอกเงิน ซึ่งดำเนินการไปแล้ว และกำลังอยู่ในการดำเนินการรวบรวมประเมินความเสียหายภาครัฐ เพื่อดำเนินการฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายภาครัฐตามระเบียบ และกฎหมายต่อไป
นายอดิศร กล่าวอีกว่า ต่อมาคณะเจ้าหน้าที่ของชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ ได้สืบสวนสอบสวนพบว่า ยังมีการนำเอกสารสิทธิที่ดินประเภท น.ส.3ก ที่เป็นเอกสารที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายอีกจำนวนมาก ของนางสมพร, น.ส.ชนาพรรณ และนายธนาธร อีกจำนวนไม่น้อยกว่า 60 แปลง รวมเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า 2,000 ไร่ นำมายึดถือครอบครองที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ในพื้นที่จังหวัดราชบุรี และเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ คณะเจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมขยายผลสืบสวนสอบสวนตรวจสอบต่อเนื่องจนถึงวันนี้ โดยกรมป่าไม้ได้ตรวจยึดดำเนินคดีทั้งหมดเนื้อที่ 2154-3-82 ไร่ ประเมินความเสียหายภาครัฐจำนวน 147,063,223.15 บาท เพื่อดำเนินการฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายภาครัฐตามระเบียบ และกฎหมายต่อไป
“ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบบันทึกการซื้อขายที่ดินดังกล่าว ระหว่างเจ้าหน้าที่ที่ดินกับผู้ซื้อขาย มีการบันทึกถ้อยคำว่า ข้าพเจ้ารับทราบอยู่แล้วที่ดินดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ และอาจมีการเพิกถอนเอกสารสิทธิในวันข้างหน้า แต่ก็ยังมีการยืนยันจะซื้อขายต่อ จึงเป็นการเจตนายืนยันครอบครอบที่ดินโดยมิชอบ และเป็นหลักฐานสำคัญในการแจ้งความดำเนินคดีครั้งนี้” นายอดิศร ระบุ
นายชีวะภาพ กล่าวเสริมว่า จากการตรวจสอบพบว่า พื้นที่ที่มีการครอบครองทำประโยชน์ อยู่ในท้องที่ ต.รางบัว ต.ด่านทับตะโก อ.จอมบึง จ.ราชบุรี เป็นพื้นที่ต่อเนื่องขนาดใหญ่ เนื้อที่ประมาณไม่ต่ำกว่า 3 พันไร่เศษ มีการใช้ประโยชน์โดยปลูกยูคาลิปตัสต่อเนื่องทั้งพื้นที่ มีการจ้างเฝ้าดูแลพื้นที่ โดยกลุ่มบุคคลในพื้นที่ ซึ่งเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 ต.ด่านท่าตะโก สืบสวนสอบสวนพบว่า พื้นที่ดังกล่าวทั้งหมดถูกครอบครอง โดยใช้เอกสารสิทธิประเภท น.ส.3ก ที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย 60 ฉบับ ตรวจสอบพบผู้ครอบครอง น.ส.3ก คือ นางสมพร จำนวน 53 ฉบับ เนื้อที่ 1,940-3-93 ไร่, น.ส.ชนาพรรณ จำนวน 5 ฉบับ เนื้อที่ 132-0-22 ไร่ และนายธนาธร จำนวน 2 ฉบับ เนื้อที่ 81-3-67 ไร่ รวมเนื้อที่ 2,154-3-82 ไร่
“เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบทั้ง 60 ฉบับ ออกโดยไม่มีหลักฐานเดิม (ส.ค.1) เป็นการเดินสำรวจออกเมื่อปี 2521 ก่อนประกาศพื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าสงวนแห่งชาติ เมื่อปี 2527 แต่พื้นที่ดังกล่าวถูกประกาศเป็นเขตป่าไม้ถาวรหมายเลข 85 เมื่อปี 2512 หรือก่อนที่จะมีการออกเอกสาร น.ส.3ก ทั้ง 60 ฉบับ จึงเป็นเอกสารสิทธิที่ดินที่ออกมาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย” นายชีวะภาพ กล่าว
นายชีวะภาพ กล่าวอีกว่า เมื่อตรวจสอบโดยละเอียด พบว่าปรากฏชื่อผู้ครอบครอง 3 รายนำเอกสารสิทธิที่ดินที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายนำมายึดถือ ครอบครอง ทำประโยชน์ที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติเป็นการกระทำให้เกิดความเสื่อมเสีย เสียหายต่อพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมป่าไม้ และตรวจสอบพบเจ้าหน้าที่ภาครัฐทั้งเจ้าพนักงานที่ดิน และเจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง 5 ราย ได้ร่วมกันออกเอกสารสิทธิที่ดิน น.ส.3ก ทั้ง 60 แปลงด้วย
นายนายชีวะภาพ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้กรมป่าไม้จะตรวจสอบเพิ่มเติมที่ดินแปลงอื่นๆ ในบริเวณเดียวกันอีกจำนวนหลายร้อยไร่ ซึ่งอยู่ในความครอบครองของนางสมพรว่าเอกสารที่ใช้ครอบครองถูกต้องตามระเบียบและกฎหมายหรือไม่ รวมทั้งพื้นที่อีกประมาณ 30 ไร่ ที่มีตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าอยู่ในพื้นที่เดียวกัน และพบว่านางสมพรได้นำไปมอบให้สถาบันราชภัฏจอมบึง อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ซึ่งตรวจสอบพบว่าอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งชุดปฏิบัติการพิเศษพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ จะขยายผลตรวจสอบต่อไปให้ได้ข้อยุติต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.พิทักษ์ กล่าวว่า ความคืบหน้าคดีที่กรมป่าไม้ ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อนางสมพร เมื่อปลายปี 2563 โดยมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน ซึ่งต้องใช้ความละเอียดรอบคอบและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนในคดีล่าสุด กรมป่าไม้มีหลักฐานชัดเจนว่าบุคคลทั้ง 3 คนกระทำความผิด รวมทั้งเจ้าหน้าที่กรมที่ดินอีก 5 คน โดยบก.ปทส.จะรับเรื่องไว้ ส่วนฝ่ายที่ถูกกล่าวหาเราก็ให้ความเป็นธรรม สามารถมาแสดงหลักฐานได้
วานนี้ (4 ก.พ.) ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) พล.ต.ต.พิทักษ์ อุทัยธรรม ผบก.ปทส. พร้อมด้วย นายอดิศร นุชดำรงค์ อธิบดีกรมป่าไม้ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการพิทะกษ์ป่า (ศปก.พป) และนายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผอ.สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ ร่วมแถลงข่าวเกี่ยวกับการเตรียมแจ้งความเพิ่มเติม นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ, น.ส.ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กรณีถือครองที่ดินในเขตป่าสงวนป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี จ.ราชบุรี
นายอดิศร เปิดเผยว่า ภายหลังการปฏิบัติร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ขยายผลสืบสวนสอบสวนต่อเนื่องจากข้อมูลเดิมที่ได้ดำเนินการไว้ กรณีที่ดินของ นางสมพร พร้อมลงตรวจสอบพื้นที่จริงที่ที่ดินแปลงดังกล่าว โดยตรวจสอบพบการกระทำผิดจริง และได้ดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีไปแล้วกับ นางสมพร ในความผิดใช้เอกสาร ภ.บ.ท.5 และ น.ส.2 ยึดถือครอบครองที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติแบบผิดกฎหมาย เนื้อที่รวม 440 ไร่ และได้ร้องทุกข์กล่าวโทษกับทาง บก.ปทส. ตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค. 63 ที่ผ่านมา พร้อมส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อดำเนินการตามมูลฐานความผิด การบุกรุกทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมถือเป็นมูลฐานความผิดของกฎหมายฟอกเงิน ซึ่งดำเนินการไปแล้ว และกำลังอยู่ในการดำเนินการรวบรวมประเมินความเสียหายภาครัฐ เพื่อดำเนินการฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายภาครัฐตามระเบียบ และกฎหมายต่อไป
นายอดิศร กล่าวอีกว่า ต่อมาคณะเจ้าหน้าที่ของชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ ได้สืบสวนสอบสวนพบว่า ยังมีการนำเอกสารสิทธิที่ดินประเภท น.ส.3ก ที่เป็นเอกสารที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายอีกจำนวนมาก ของนางสมพร, น.ส.ชนาพรรณ และนายธนาธร อีกจำนวนไม่น้อยกว่า 60 แปลง รวมเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า 2,000 ไร่ นำมายึดถือครอบครองที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ในพื้นที่จังหวัดราชบุรี และเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ คณะเจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมขยายผลสืบสวนสอบสวนตรวจสอบต่อเนื่องจนถึงวันนี้ โดยกรมป่าไม้ได้ตรวจยึดดำเนินคดีทั้งหมดเนื้อที่ 2154-3-82 ไร่ ประเมินความเสียหายภาครัฐจำนวน 147,063,223.15 บาท เพื่อดำเนินการฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายภาครัฐตามระเบียบ และกฎหมายต่อไป
“ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบบันทึกการซื้อขายที่ดินดังกล่าว ระหว่างเจ้าหน้าที่ที่ดินกับผู้ซื้อขาย มีการบันทึกถ้อยคำว่า ข้าพเจ้ารับทราบอยู่แล้วที่ดินดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ และอาจมีการเพิกถอนเอกสารสิทธิในวันข้างหน้า แต่ก็ยังมีการยืนยันจะซื้อขายต่อ จึงเป็นการเจตนายืนยันครอบครอบที่ดินโดยมิชอบ และเป็นหลักฐานสำคัญในการแจ้งความดำเนินคดีครั้งนี้” นายอดิศร ระบุ
นายชีวะภาพ กล่าวเสริมว่า จากการตรวจสอบพบว่า พื้นที่ที่มีการครอบครองทำประโยชน์ อยู่ในท้องที่ ต.รางบัว ต.ด่านทับตะโก อ.จอมบึง จ.ราชบุรี เป็นพื้นที่ต่อเนื่องขนาดใหญ่ เนื้อที่ประมาณไม่ต่ำกว่า 3 พันไร่เศษ มีการใช้ประโยชน์โดยปลูกยูคาลิปตัสต่อเนื่องทั้งพื้นที่ มีการจ้างเฝ้าดูแลพื้นที่ โดยกลุ่มบุคคลในพื้นที่ ซึ่งเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 ต.ด่านท่าตะโก สืบสวนสอบสวนพบว่า พื้นที่ดังกล่าวทั้งหมดถูกครอบครอง โดยใช้เอกสารสิทธิประเภท น.ส.3ก ที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย 60 ฉบับ ตรวจสอบพบผู้ครอบครอง น.ส.3ก คือ นางสมพร จำนวน 53 ฉบับ เนื้อที่ 1,940-3-93 ไร่, น.ส.ชนาพรรณ จำนวน 5 ฉบับ เนื้อที่ 132-0-22 ไร่ และนายธนาธร จำนวน 2 ฉบับ เนื้อที่ 81-3-67 ไร่ รวมเนื้อที่ 2,154-3-82 ไร่
“เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบทั้ง 60 ฉบับ ออกโดยไม่มีหลักฐานเดิม (ส.ค.1) เป็นการเดินสำรวจออกเมื่อปี 2521 ก่อนประกาศพื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าสงวนแห่งชาติ เมื่อปี 2527 แต่พื้นที่ดังกล่าวถูกประกาศเป็นเขตป่าไม้ถาวรหมายเลข 85 เมื่อปี 2512 หรือก่อนที่จะมีการออกเอกสาร น.ส.3ก ทั้ง 60 ฉบับ จึงเป็นเอกสารสิทธิที่ดินที่ออกมาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย” นายชีวะภาพ กล่าว
นายชีวะภาพ กล่าวอีกว่า เมื่อตรวจสอบโดยละเอียด พบว่าปรากฏชื่อผู้ครอบครอง 3 รายนำเอกสารสิทธิที่ดินที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายนำมายึดถือ ครอบครอง ทำประโยชน์ที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติเป็นการกระทำให้เกิดความเสื่อมเสีย เสียหายต่อพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมป่าไม้ และตรวจสอบพบเจ้าหน้าที่ภาครัฐทั้งเจ้าพนักงานที่ดิน และเจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง 5 ราย ได้ร่วมกันออกเอกสารสิทธิที่ดิน น.ส.3ก ทั้ง 60 แปลงด้วย
นายนายชีวะภาพ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้กรมป่าไม้จะตรวจสอบเพิ่มเติมที่ดินแปลงอื่นๆ ในบริเวณเดียวกันอีกจำนวนหลายร้อยไร่ ซึ่งอยู่ในความครอบครองของนางสมพรว่าเอกสารที่ใช้ครอบครองถูกต้องตามระเบียบและกฎหมายหรือไม่ รวมทั้งพื้นที่อีกประมาณ 30 ไร่ ที่มีตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าอยู่ในพื้นที่เดียวกัน และพบว่านางสมพรได้นำไปมอบให้สถาบันราชภัฏจอมบึง อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ซึ่งตรวจสอบพบว่าอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งชุดปฏิบัติการพิเศษพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ จะขยายผลตรวจสอบต่อไปให้ได้ข้อยุติต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.พิทักษ์ กล่าวว่า ความคืบหน้าคดีที่กรมป่าไม้ ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อนางสมพร เมื่อปลายปี 2563 โดยมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน ซึ่งต้องใช้ความละเอียดรอบคอบและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนในคดีล่าสุด กรมป่าไม้มีหลักฐานชัดเจนว่าบุคคลทั้ง 3 คนกระทำความผิด รวมทั้งเจ้าหน้าที่กรมที่ดินอีก 5 คน โดยบก.ปทส.จะรับเรื่องไว้ ส่วนฝ่ายที่ถูกกล่าวหาเราก็ให้ความเป็นธรรม สามารถมาแสดงหลักฐานได้