xs
xsm
sm
md
lg

ความปรารถนาของคู่ขัดแย้งทางการเมือง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"ปัญญาพลวัตร"
"พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต"


ท่ามกลางความหนาวเย็นของอากาศ การเมืองกลับเดือดระอุยิ่ง การปะทะกันทางความคิด ถ้อยวาจา และการกระทำนับวันทวีความเข้มข้น ความเยือกเย็นของอากาศมิได้ทำให้จิตใจของผู้คนสงบลงแต่อย่างใด อารมณ์แห่งความเกลียดชังและความเป็นปรปักษ์ครอบงำบรรดาผู้ที่ตกอยู่ในกระแสของความขัดแย้ง หนทางแห่งการประนีประนอมถูกปกคลุมด้วยความมืดมนของอคติ

เราอาจจำแนกกลุ่มการเมืองที่กำลังขัดแย้งออกเป็นสองกลุ่มหลักคือ ฝ่ายจารีตนิยมและฝ่ายเสรีนิยม แต่ละฝ่ายต่างมีความปรารถนาต้องการให้บ้านเมืองเป็นไปในทิศทางที่ตนเองเห็นว่าเหมาะสม และต่างมองว่าอีกฝ่ายเป็นปัญหาของบ้านเมือง เมื่อกรอบคิดความเชื่อที่ใช้ในการทำความเข้าใจโลกและสังคมแตกต่างกัน และต่างก็มีเจตนารมณ์แรงกล้าในการขับเคลื่อนความปรารถนาของตนเองให้บรรลุผล การปะทะกันทางความคิดและการต่อสู้ทางการเมืองจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

ฝ่ายจารีตนิยมมีความคิดและความเชื่อว่า โดยธรรมชาติมนุษย์มีความไม่เทียมกันแต่กำเนิด ความไม่เท่าเทียมนี้มิได้แต่เพียงเฉพาะสถานะทางชีววิทยาเท่านั้น หากแต่ยังไม่เท่าเทียมทางสังคม เศรษฐกิจและการเมืองด้วย ดังที่ฝ่ายนี้มักตอกย้ำเสมอว่า แม้แต่นิ้วทั้งห้ายังไม่เท่ากันเลย แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่มนุษย์จะเท่าเทียมกัน พวกเขายังเชื่อบุคคลที่มีสถานะสูงส่งโดยกำเนิดมีความชอบธรรมที่จะได้รับอภิสิทธิ์จากสังคม และสามารถสืบทอดความมีอภิสิทธิ์ไปยังบุตรธิดาและเครือญาติได้ด้วย สังคมที่พึงปรารถรถนาของพวกเขาคือสังคมที่มีการจัดลำดับชั้นของอำนาจ และการดำรงรักษาอภิสิทธิ์แก่กลุ่มบุคคลจำนวนน้อยบางจำพวกไว้ตราบนิรันดร์

สำหรับทัศนะต่อประชาชนทั่วไปนั้น ฝ่ายจารีตนิยมเชื่อว่า ประชาชนต้องยอมรับสภาพชีวิตและสถานะทางสังคมที่ต่ำกว่าของตนเอง ไม่ควรเรียกร้องสิ่งใด ๆ มากกว่าที่บรรดาผู้สูงส่งประทานให้ และควรสำนึกบุญคุณต่อของคนเหล่านั้นด้วย ส่วนการปฏิบัติต่อกลุ่มคนที่สูงส่งก็ต้องปฏิบัติอย่างเคารพสักการะและเทิดทูน มิควรไปวิพากษ์วิจารณ์หรือตรวจสอบการใช้อำนาจใด ๆ ต่อผู้สูงส่งเหล่านั้น

ส่วนรัฐมีพันธกิจในการปกป้อง รักษาความปลอดภัย และคุ้มครองสถาบันที่สูงส่งให้มีความยั่งยืนสถาพรตลอดกาล ด้วยการสนับสนุนทุ่มเทงบประมาณ กำลังคน และทรัพยากรอื่น ๆ ของสังคมให้แก่กลุ่มคนเหล่านั้นสามารถดำรงชีวิตด้วยความสุขสำราญ สะดวกสบาย และพรั่งพร้อมด้วยเหล่าบริวารที่มารับใช้ และที่สำคัญอีกอย่างฝ่ายจารีตนิยมสนับสนุนให้รัฐใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างเข้มงวด รุนแรง และจริงจังต่อบรรดาประชาชนที่บังอาจมาท้าทายและวิพากษ์วิจารณ์บรรดาผู้สูงส่งเหล่านั้น ยิ่งกว่านั้นฝ่ายจารีตบางส่วนยังสนับสนุนและยุยงให้รัฐใช้ความรุนแรงในรูปแบบอื่น ๆ ที่อยู่นอกกรอบของกฎหมายเพื่อจัดการกับกลุ่มบุคคลที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นภัยหรือคุกคามต่ออำนาจและรูปแบบการใช้ชีวิตที่พวกเขาบูชา

ฝ่ายจารีตนิยมในสังคมไทยนั้นเป็นฝ่ายที่ควบคุมอำนาจรัฐ ดำรงตำแหน่งในรัฐบาล รัฐสภา องค์กรอิสระเป็นจำนวนมาก และยังกระจายอยู่ทั่วไปในในหน่วยงานอื่น ๆ ของรัฐ รวมทั้งสถาบันทางวิชาการ ทั้งยังดำรงอยู่ในสื่อมวลชนบางสำนัก และองค์กรทางศาสนาอีกด้วย ในอดีตฝ่ายจารีตนิยมเป็นกลุ่มคนส่วนใหญ่ของประเทศ แต่การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมในช่วงศตวรรษที่ ๒๑ เป็นต้นมา ปริมาณของฝ่ายจารีตลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนใหญ่มักเป็นผู้สูงวัยที่มีอายุมากกว่า ๕๐ ปีขึ้นไป และมีความหนาแน่นเพิ่มขึ้นในกลุ่มที่อายุเกิน ๖๐ ปี สำหรับคนมีอายุน้อยกว่า ๕๐ ปี ยิ่งอายุน้อยเท่าไรก็ยิ่งถอยห่างจากความคิดในเชิงจารีตมากเท่านั้น

สำหรับความคิดที่เป็นคู่ต่อสู้ของฝ่ายจารีตคือฝ่ายเสรีนิยม พวกเขามีความเชื่อว่ามนุษย์เกิดมาเท่าเทียมกัน ความเท่าเทียมนี้มิได้หมายถึงความเท่าเทียมเชิงชีววิทยา หากแต่เป็นความเท่าเทียมกันในแง่ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และความเท่าเทียมกันทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง วิสัยทัศน์เกี่ยวกับสังคมที่พึงปรารถนาคือ สังคมที่ปัจเจกบุคคลมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออกทางการเมือง ความเสมอภาคทางกฎหมายและสิทธิในการปกครองประเทศ การได้รับสวัสดิการและผลประโยชน์อันเกิดจากทรัพยากรของสังคมอย่างเท่าเทียม รวมทั้งการกำหนดวิถีชีวิตของตนเองตามที่ตนเองเลือกโดยไม่ถูกควบคุมและบังคับจากผู้อื่น สังคม และรัฐ

สำหรับพันธกิจของรัฐในทัศนะของฝ่ายเสรีนิยมคือ การปกป้องคุ้มครองความปลอดภัยแก่ประชาชนให้ปลอดจากการทำร้ายโดยผู้อื่น การสนับสนุนเอื้ออำนวยสร้างเงื่อนไขและพัฒนาให้ประชาชนมีสมรรถนะในการใช้เสรีภาพเพื่อเข้าถึงสิทธิและสวัสดิการต่าง ๆ ที่รัฐจัดให้ และส่วนมิติอื่น ๆ ของชีวิต รัฐไม่พึงเข้าไปยุ่งเกี่ยว

ฝ่ายเสรีนิยมเชื่อว่า ชาติคือประชาชน ความมั่งคงของชาติคือความมั่นคงของประชาชน และยังเชื่อว่าหากรัฐไม่ทำหน้าที่ดังกล่าวหรือผู้ปกครองรัฐใช้อำนาจในทางที่มิชอบประชาชนก็ย่อมมีความชอบธรรมในการเปลี่ยนแปลงผู้ปกครองรัฐได้ พวกเขายังเชื่อว่า การที่รัฐห้ามมิให้วิพากษ์วิจารณ์กฎหมายฉบับใดก็เท่ากับเป็นการทำลายระบบกฎหมายทั้งมวล เพราะนั่นเป็นการทำลายเสรีภาพอันรากฐานที่มาของระบบกฎหมายภายใต้สัญญาประชาคมนั่นเอง

ฝ่ายเสรีนิยมในสังคมไทย ส่วนใหญ่อยู่ในสถาบันการศึกษา บริษัทเอกชน ผู้ประกอบการทางธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง และยังกระจายตัวอยู่ในกลุ่มวิชาชีพบางกลุ่ม สื่อมวลชน พรรคการเมืองบางพรรค กลุ่มประชาสังคม และกลุ่มประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ ส่วนใหญ่มีอายุน้อยกว่า ๕๐ ปี และมีปริมาณหนาแน่นในวัย ๑๕-๔๐ ปี การเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มนี้ในช่วงเวลานี้มีจุดเน้นไปที่การปฏิรูปสถาบันกษัตริย์และการปฏิรูปสถาบันการศึกษา รูปแบบการเคลื่อนไหวมีความเข้มข้นในเนื้อหาและความหลากหลายเชิงวิธีการ

การเคลื่อนไหวของฝ่ายเสรีนิยมรุ่นใหม่ทำให้พื้นที่หวงห้ามทางการเมืองไทยเปิดออกมาสู่เวทีสาธารณะมากขึ้น และทำให้ปมประเด็นความขัดแย้งทางสังคมมีความแหลมคมโดยการวิพากษ์วิจารณ์แบบแผนการใช้ชีวิต การใช้อำนาจ และการจัดการทรัพย์สิน และเสนอให้มีการปฏิรูป รัฐบาลและหน่วยงานรัฐด้านความมั่นคงอันเป็นกลไกของฝ่ายจารีตก็ปฏิบัติการตอบโต้อย่างรุนแรง ด้วยการใช้มาตรา ๑๑๒ เป็นเครื่องมือกวาดจับแกนนำฝ่ายเสรีนิยมหลายคนด้วยกัน และฝ่ายเสรีนิยมก็ตอบโต้โดยการรณรงค์ให้ยกเลิกมาตรา ๑๑๒ ซึ่งกระจายไปตัวไปหลายพื้นที่ของประเทศ

ในบางกรณีหากบุคคลใดที่มีชื่อเสียงในสังคมออกมาแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างจากจุดยืนของฝ่ายจารีตนิยมหรือแสดงความคิดเห็นในเชิงตั้งคำถามหรือท้าทายสถาบันจารีต ผู้พิทักษ์สถาบันจารีตต่างก็ดาหน้าออกมาตอบโต้ในหลากหลายรูปแบบ ด้วยภาษาและถ้อยคำที่รุนแรง ดังกรณีการนำเสนอเรื่องวัคซีนโควิดของอดีตผู้นำพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งมีเนื้อสาระวิจารณ์การทำงานเรื่องวัคซีนโควิดของรัฐบาลเป็นหลัก ผู้นำเสนอมิได้วิพากษ์วิจารณ์สถาบันจารีตแต่อย่างใด แต่เนื่องจากเรื่องมีความเกี่ยวพันในบางประเด็น จึงทำให้ตัวแทนฝ่ายจารีตอย่างนายกรัฐมนตรีออกมาตอบโต้อย่างรุนแรงว่า เป็นการเสนอที่บิดเบือน และยังมีการกล่าวคำว่า “ขยะสังคม” ซึ่งแม้จะมิได้ระบุว่าหมายถึงใคร แต่ผู้ติดตามการเมืองต่างก็ตีความได้ไม่ยากนักว่าหมายถึงใคร และรัฐมนตรีกระทรวงสารณะสุขก็ออกมาตอบโต้ แต่เป็นการตอบโต้ที่ไม่ตรงประเด็นที่ผู้นำเสนอถามรัฐบาลแต่อย่างใด และที่มากไปกว่านั้นคือรัฐบาลให้รัฐมนตรีกระทรวงด้านเทคโนโลยีแจ้งความำเนินคดีตามมาตรา ๑๑๒ แก่อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ด้วย

การต่อสู้ทางการเมืองเพื่อการช่วงชิงอำนาจนำทางความคิดและพื้นที่อำนาจเชิงรูปธรรมระหว่างฝ่ายจารีตนิยมกับฝ่ายเสรีนิยมขยายขอบเขตออกไปในทั่วทุกระดับของสังคม ความเข้มข้นและความรุนแรงของกลยุทธ์ที่แต่ละฝ่ายใช้มีมากขึ้น

ฝ่ายจารีตมีจุดแข็งที่สามารถครอบครองอำนาจรัฐที่เป็นทางการได้ ซึ่งสามารถใช้กฎหมาย บุคลากร และทรัพยากรของรัฐในการขับเคลื่อนกลยุทธ์ได้อย่างขว้างขวาง แต่มีจุดอ่อนที่สำคัญคือความชอบธรรมในการใช้อำนาจที่ไม่สมเหตุสมผล การถูกตั้งคำถามต่อแบบแผนพฤติกรรม การใช้ชีวิต และการใช้อำนาจของบุคคลและองค์การที่พวกเขาปกป้อง และกระแสโลกมีความโน้มเอียงเคลื่อนไปสู่กระแสเสรีนิยมมากขึ้น

ส่วนฝ่ายเสรีนิยมมีจุดแข็งคือ ความชอบธรรมของความคิดและความเชื่อที่สอดคล้องกับกระแสโลกในศตวรรษที่ ๒๑ และความสามารถในการใช้สื่อสังคมออนไลน์ ส่วนจุดอ่อนคือ การขาดเอกภาพในการเคลื่อนไหว ความอ่อนด้อยในการขยายแนวร่วม และความขาดแคลนทรัพยากร

ในช่วงเวลานี้ ท่ามกลางความหนาวเย็นของอากาศและการแพร่ระบาดของโควิด ๑๙ ความเข้มข้นของการต่อสู้ทางการเมืองมิได้ลดลงแต่อย่างใด สังคมไทยยังคงอยู่ในห้วงของการดิ้นรนแสวงหาทางออกที่ทุกฝ่ายทุกค่ายสามารถอยู่ร่วมกันได้ และความขัดแย้งบบรเทาลง แต่นั่นดูเหมือนเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนัก


กำลังโหลดความคิดเห็น