ไทยพบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่ม 245 ราย "อนุทิน" ยันไม่ปฏิเสธการรักษา แต่ผู้นำเข้าโรคติดต่อ ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง กระตุกสังคมร่วมกันคิด นำ "ภาษีปชช.-เงินกู้" มาแบกคนลักลอบกระทำผิดกม. สมควรหรือไม่ ส่วนที่ จ.สมุทรสาคร แรงงานลอตใหญ่
วานนี้ (10 ม.ค.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทย พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 245 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 224 ราย เป็นผู้ป่วยรายใหม่ ที่ตรวจพบจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 181 ราย ตรวจพบจากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน 43 ราย และผู้เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานกักกันโรค 21 ราย รวมผู้ติดเชื้อสะสม 10,298 ราย รักษาหายแล้ว 6,428 ราย เหลือรักษาอยู่ 3,803 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม คงที่ 67 ราย
ทั้งนี้ ยังคงพบผู้ป่วยใน 58 จังหวัด ยังไม่มีจังหวัดใหม่เข้ามาเพิ่ม โดยมี 19 จังหวัด ที่ผ่านมาแล้ว 7 วัน ไม่พบผู้ป่วยเพิ่ม และอีก 19 จังหวัด ยังไม่พบผู้ป่วย ภาพรวมผู้ป่วยระลอกใหม่ ตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค. 63 - 10 ม.ค. 64 พบผู้ติดเชื้อรวมสะสม 5,866 คน อันดับ 1 สมุทรสาคร 2. ชลบุรี 3. ระยอง 4. กรุงเทพมหานคร 5. สมุทรปราการ
ยันให้ผู้ทำผิดกม.ออกค่ารักษาเอง
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า ผู้ป่วยทุกคนไม่ว่าคนไทย หรือคนต่างชาติ ที่อยู่ในประเทศต้องได้รับการรักษาพยาบาลตามมาตรฐานสธ. "ไม่มีการปฏิเสธการรักษา" แต่ค่าใช้จ่ายในการรักษาสำหรับผู้กระทำความผิด ละเมิดกฎหมาย ลักลอบข้ามแดน หรือนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นเหตุให้เกิดการระบาดของโรค มีกฎหมายบัญญัติไว้อยู่แล้ว
วันนี้ สธ. มีภาระค่าใช้จ่าย ต้องตรวจ รักษา ผู้ลักลอบข้ามแดนทั้งคนไทยและคนต่างด้าวจำนวนมาก ซึ่งก็คืองบประมาณที่มาจากภาษีประชาชน และเงินกู้ ที่คนไทยต้องชดใช้
นี่คือ ประเด็นที่เสนอให้ช่วยกันคิด ซึ่งสาระสำคัญ ม. 41 และ 42 ของกม.โรคติดต่อ มีดังนี้
มาตรา 41 ให้เจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย ในการขนส่งผู้เดินทาง ซึ่งมากับพาหนะนั้นเพื่อแยกกัก กักกัน คุมไว้สังเกต หรือรับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ตลอดทั้งออกค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดู การรักษาพยาบาล การป้องกันและควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศตามมาตรา 40 และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการดำเนินการตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ
มาตรา 42 ในกรณีที่พบว่าผู้เดินทางเป็น หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคติดต่ออันตราย โรคระบาด หรือพาหนะนำโรค ให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ มีอำนาจสั่งให้บุคคลดังกล่าว ถูกแยกกัก กักกัน คุมไว้สังเกต หรือได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค
ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการดำเนินการตามวรรคหนึ่งให้ผู้เดินทางผู้นั้นเป็นผู้รับผิดชอบ ทั้งนี้ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกกำหนดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ
มาตรา 43 เพื่อประโยชน์ในการป้องกันโรคติดต่อระหว่างประเทศ หรือโรคระบาด ให้อธิบดีหรือผู้ที่อธิบดีมอบหมายมีอำนาจออกหนังสือรับรอง การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคหรือการได้รับยาป้องกันโรคติดต่อระหว่างประเทศ หรือหนังสือรับรองอื่นๆ ให้แก่ผู้ร้องขอโดยผู้ร้องขอเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย
การมอบหมาย การเรียกเก็บหรือการยกเว้นการเรียกเก็บค่าใช้จ่าย ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการประกาศกำหนด"
ปล่อย292คนกลับสู่ตลาดกลางกุ้ง
วานนี้ (10ม.ค.) ที่สนามกีฬาจ.สมุทรสาคร ที่ถูกสร้างให้เป็นศูนย์ห่วงใยคนสาคร (รพ.สนาม) โดยมีผู้ป่วยโควิด-19 มารักษาตัวอยู่เป็นจำนวนมาก โดยในช่วงบ่าย นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ นายสุรศักดิ์ ผลยังส่ง รองผวจ.สมุทรสาคร , นพ.นเรศฤทธิ์ ขัดธะสีมา สสจ.ได้ร่วมกันมาปล่อยตัวแรงงานชาวไทย และชาวเมียนมา ที่เข้ามารักษาตัวอยู่ในศูนย์ จำนวน 292 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยกลุ่มแรกๆ ของตลาดกลางกุ้ง โดยมีทหารนำรถทหารมาช่วยขนสัมภาระ โดยแรงงานทั้งหมดต่างดีใจ โบกไม้โบกมือร่ำลา และขอขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์ ที่ช่วยรักษาจนหายดีแล้ว ซึ่งทุกคนได้รับใบรับรองยืนยันจากทางแพทย์ด้วย
นายธีรพัฒน์ กล่าวว่าคนที่ถูกกักตัวในนั้น รักษาหายขาดหมดแล้ว ไม่มีผู้ติดเชื้อเลย คาดว่าตลาดกลางกุ้ง น่าจะกลับมาเปิดได้ในสิ้นเดือนนี้
ทั้งนี้ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร ได้รายงานตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่เพิ่ม 80 ราย โดยเป็นการค้นหาเชิงรุก 43 ราย เป็นคนไทย 2 ราย ต่างด้าว 41 ราย และอยู่ในรพ. 37 ราย เป็นคนไทย 23 ราย เป็นคนต่างด้าว 14 ราย รวมยอดผู้ป่วยสะสม 3,341 ราย
วานนี้ (10 ม.ค.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทย พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 245 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 224 ราย เป็นผู้ป่วยรายใหม่ ที่ตรวจพบจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 181 ราย ตรวจพบจากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน 43 ราย และผู้เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานกักกันโรค 21 ราย รวมผู้ติดเชื้อสะสม 10,298 ราย รักษาหายแล้ว 6,428 ราย เหลือรักษาอยู่ 3,803 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม คงที่ 67 ราย
ทั้งนี้ ยังคงพบผู้ป่วยใน 58 จังหวัด ยังไม่มีจังหวัดใหม่เข้ามาเพิ่ม โดยมี 19 จังหวัด ที่ผ่านมาแล้ว 7 วัน ไม่พบผู้ป่วยเพิ่ม และอีก 19 จังหวัด ยังไม่พบผู้ป่วย ภาพรวมผู้ป่วยระลอกใหม่ ตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค. 63 - 10 ม.ค. 64 พบผู้ติดเชื้อรวมสะสม 5,866 คน อันดับ 1 สมุทรสาคร 2. ชลบุรี 3. ระยอง 4. กรุงเทพมหานคร 5. สมุทรปราการ
ยันให้ผู้ทำผิดกม.ออกค่ารักษาเอง
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า ผู้ป่วยทุกคนไม่ว่าคนไทย หรือคนต่างชาติ ที่อยู่ในประเทศต้องได้รับการรักษาพยาบาลตามมาตรฐานสธ. "ไม่มีการปฏิเสธการรักษา" แต่ค่าใช้จ่ายในการรักษาสำหรับผู้กระทำความผิด ละเมิดกฎหมาย ลักลอบข้ามแดน หรือนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นเหตุให้เกิดการระบาดของโรค มีกฎหมายบัญญัติไว้อยู่แล้ว
วันนี้ สธ. มีภาระค่าใช้จ่าย ต้องตรวจ รักษา ผู้ลักลอบข้ามแดนทั้งคนไทยและคนต่างด้าวจำนวนมาก ซึ่งก็คืองบประมาณที่มาจากภาษีประชาชน และเงินกู้ ที่คนไทยต้องชดใช้
นี่คือ ประเด็นที่เสนอให้ช่วยกันคิด ซึ่งสาระสำคัญ ม. 41 และ 42 ของกม.โรคติดต่อ มีดังนี้
มาตรา 41 ให้เจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย ในการขนส่งผู้เดินทาง ซึ่งมากับพาหนะนั้นเพื่อแยกกัก กักกัน คุมไว้สังเกต หรือรับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ตลอดทั้งออกค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดู การรักษาพยาบาล การป้องกันและควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศตามมาตรา 40 และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการดำเนินการตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ
มาตรา 42 ในกรณีที่พบว่าผู้เดินทางเป็น หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคติดต่ออันตราย โรคระบาด หรือพาหนะนำโรค ให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ มีอำนาจสั่งให้บุคคลดังกล่าว ถูกแยกกัก กักกัน คุมไว้สังเกต หรือได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค
ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการดำเนินการตามวรรคหนึ่งให้ผู้เดินทางผู้นั้นเป็นผู้รับผิดชอบ ทั้งนี้ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกกำหนดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ
มาตรา 43 เพื่อประโยชน์ในการป้องกันโรคติดต่อระหว่างประเทศ หรือโรคระบาด ให้อธิบดีหรือผู้ที่อธิบดีมอบหมายมีอำนาจออกหนังสือรับรอง การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคหรือการได้รับยาป้องกันโรคติดต่อระหว่างประเทศ หรือหนังสือรับรองอื่นๆ ให้แก่ผู้ร้องขอโดยผู้ร้องขอเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย
การมอบหมาย การเรียกเก็บหรือการยกเว้นการเรียกเก็บค่าใช้จ่าย ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการประกาศกำหนด"
ปล่อย292คนกลับสู่ตลาดกลางกุ้ง
วานนี้ (10ม.ค.) ที่สนามกีฬาจ.สมุทรสาคร ที่ถูกสร้างให้เป็นศูนย์ห่วงใยคนสาคร (รพ.สนาม) โดยมีผู้ป่วยโควิด-19 มารักษาตัวอยู่เป็นจำนวนมาก โดยในช่วงบ่าย นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ นายสุรศักดิ์ ผลยังส่ง รองผวจ.สมุทรสาคร , นพ.นเรศฤทธิ์ ขัดธะสีมา สสจ.ได้ร่วมกันมาปล่อยตัวแรงงานชาวไทย และชาวเมียนมา ที่เข้ามารักษาตัวอยู่ในศูนย์ จำนวน 292 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยกลุ่มแรกๆ ของตลาดกลางกุ้ง โดยมีทหารนำรถทหารมาช่วยขนสัมภาระ โดยแรงงานทั้งหมดต่างดีใจ โบกไม้โบกมือร่ำลา และขอขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์ ที่ช่วยรักษาจนหายดีแล้ว ซึ่งทุกคนได้รับใบรับรองยืนยันจากทางแพทย์ด้วย
นายธีรพัฒน์ กล่าวว่าคนที่ถูกกักตัวในนั้น รักษาหายขาดหมดแล้ว ไม่มีผู้ติดเชื้อเลย คาดว่าตลาดกลางกุ้ง น่าจะกลับมาเปิดได้ในสิ้นเดือนนี้
ทั้งนี้ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร ได้รายงานตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่เพิ่ม 80 ราย โดยเป็นการค้นหาเชิงรุก 43 ราย เป็นคนไทย 2 ราย ต่างด้าว 41 ราย และอยู่ในรพ. 37 ราย เป็นคนไทย 23 ราย เป็นคนต่างด้าว 14 ราย รวมยอดผู้ป่วยสะสม 3,341 ราย
