xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ขาใหญ่ “บ่อนระยอง” ซุ้มนักการเมืองดัง ตัวการทำคนไทยเสี่ยงชีวิต-เศรษฐกิจล่มจม

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


โลกโซเชียลแชร์ภาพป้ายผ้าปริศนาที่ถูกมือมืดนำมาแขวนไว้บนสะพานลอย 3 จุดกลางเมืองระยอง ปรากฏข้อความเชิงเสียดสี ในเรื่องบ่อนการพนันในจังหวัด หลัง อดีต ผบก.ภ.จว.ระยอง ที่ถูกสั่งเด้งออกมาแถลงยืนยันว่าไม่มีบ่อนการพนันในพื้นที่ แต่เป็นบ่อนการพนันที่แอบเปิดลักลอบเล่นการพนันเท่านั้น
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -  ไม่เพียงแค่งามหน้า แต่ครานี้วงการสีกากี ที่ทำหูหนวกตาบอดใบ้ ไม่มี “ส่วยบ่อน” ในเมืองระยอง อาจถึงขั้นพาประเทศชาติล่มจม เศรษฐกิจพังพินาศ ชีวิตประชาชนเสี่ยงตายติดเชื้อโควิด-19 กันทั้งประเทศ ซ้ำเติมสถานการณ์แพร่ระบาดจาก “ส่วยแรงงานต่างด้าวเถื่อน” สมุทรสาคร ซึ่งท่านผู้นำยอมรับว่าเจ้าหน้าที่รัฐมีเอี่ยว แต่ป่านฉะนี้ยังควานหา “ไอ้คนชั่ว” ไม่พบ แถมไถกลบด้วยการเปิดศึกใหม่ตามไล่เอาผิดเจ้าหน้าที่มีเอี่ยวกับบ่อนพนันแทน ซึ่งดูท่าจะชกลมเสียมากกว่า ด้วยว่ากันว่าเจ้าของบ่อนระยองเส้นใหญ่ใกล้ชิดผู้มีอำนาจใกล้ปลายจมูกนายกฯ นี่เอง 

ถึงเวลานี้ต้องบอกว่าราชอาณาจักรไทยอยู่ในสถานการณ์น่าห่วงกังวลอย่างมาก ยิ่งเมื่อนายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (ศบค.) ฉาย 3 ฉากทัศน์แนวโน้มการระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ กรณีหากไม่ทำอะไรเลย นับจากนี้จนถึงวันที่ 14 มกราคม 2564 จะมีผู้ป่วย 18,000 คนต่อวัน ส่วนฉากทัศน์ที่สอง คือ ดำเนินการควบคุมด้วยมาตรการกลางๆ อย่างเวลานี้ คาดว่าจะมีผู้ป่วยใหม่ 4,000 คนต่อวัน และสุดท้ายถ้าร่วมมือกันอย่างเข้มข้นจะมีผู้ติดเชื้อน้อยกว่าพันคนต่อวัน

การติดเชื้อระลอกใหม่นี้แบ่งออกสองแบบคือ ติดเชื้อจากบุคคลสู่บุคคลที่สัมผัสหรือใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ และการติดเชื้อแบบกลุ่มก้อน จากการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ เช่น สังสรรค์ ประชุม หรือมั่วสุม การเล่นพนัน ทำให้เกิดการติดเชื้อตัวเลขสองหลัก ซึ่งการติดเชื้อในกลุ่มหลังนี่แหละที่อันตรายแพร่กระจายรวดเร็วจนอาจเกินควบคุม เช่นเดียวกับสถานการณ์ทั่วโลกที่ยังวิกฤตสุดๆ

ดังนั้น เมื่อเกิดเหตุนักเล่นพนันจากบ่อนพนันเมืองระยอง กลายเป็นตัวแพร่เชื้อที่ลามไปทั่วประเทศมาซ้ำอีกดอก ประชาชนจึงก่นด่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ที่  “บิ๊กปั๊ด-พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข” นั่งเป็น “ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)” อยู่ในเวลานี้ว่าปล่อยปละให้เกิดปัญหาขึ้นมาได้อย่างไรในภาวการณ์ที่คนไทยทั้งประเทศ ต่างหวาดผวากับการระบาดระลอกใหม่ นับจากเคส 1G1 ท่าขี้เหล็ก มาถึงตลาดกลางกุ้ง มหาชัย แล้วต่อด้วยบ่อนพนัน ระยอง

และถ้าจะว่าไปแล้วทั้งสามเคสใหญ่ๆ ที่เกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกันนั้น  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็คาดโทษผู้เกี่ยวข้องและยอมรับว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทั้งฝ่ายความมั่นคง ทหาร มหาดไทย และเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าไปมีเอี่ยวทั้งสิ้น ไม่เช่นนั้นทั้งส่วยแรงงาน ส่วยบ่อนพนัน และการลักลอบเข้าออกชายแดน จะทำได้อย่างไรถ้าหากเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่รู้เห็นเป็นใจแลกรับผลประโยชน์ที่มีมานมนานชั่วนาตาปี

กรณีของส่วยบ่อนระยองนั้น ต้องบอกว่าความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก เพราะกรณีสมุทรสาคร ตลาดกลางกุ้ง มหาชัย ที่แรงงานเถื่อนพม่าเป็นแหล่งแพร่เชื้อ กระทั่งผู้ว่าฯ สมุทรสาคร ยังติดเชื้อโควิด-19 กำลังลาม นักเล่นพนันกลุ่มใหญ่จากบ่อนระยองก็แพร่กระจายเชื้อแบบหวั่นๆ เตรียมแซงขึ้นหน้าเนื่องจากมีการปกปิดข้อมูล ซึ่งจะทำให้ยากต่อการควบคุมโรค

ตามถ้อยแถลงของผู้ว่าฯ ระยอง เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมานั้น พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 56 ราย ยอดผู้ป่วยสะสม 148 ราย รอสอบสวนโรคอีก 20 ราย จึงสั่งยกระดับอำเภอเมืองระยอง เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด และยกระดับพื้นที่ควบคุมอีก 4 อำเภอ ประกอบด้วย บ้านฉาง, นิคมพัฒนา, บ้านค่าย และ แกลง พร้อมกับมีคำสั่งปิดโรงเรียนทั้งจังหวัด สถานบริการ ผับ บาร์ สถานบันเทิง ศูนย์เด็กเล็ก – ผู้สูงอายุ ห้างสรรพสินค้า วัดความรุนแรงของการแพร่ระบาดไล่กวาดสมุทรสาครมาติดๆ ดีแต่ว่าตอนนี้สมุทรสาครควบคุมการแพร่เชื้อได้แล้ว

ขณะที่การติดเชื้อโควิด-19 ที่แพร่กระจายจากบ่อนระยอง ทำให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นวันละหลายสิบราย พุ่งทะลุสะสมขึ้นหลักร้อยกว่า เป็นติดเชื้อแบบ  “ซูเปอร์ สเปรดเดอร์”  กระจายออกไปในหลายพื้นที่จนต้องยกระดับมาตรการควบคุมโรคในหลายอำเภอในจังหวัดระยองเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดดังกล่าว

พิษส่วยบ่อนระยอง แม้ว่าจะมีการโยกย้ายนายตำรวจที่รับผิดชอบพื้นที่ออกไปแล้ว เมื่อวันที่ 28 ธันวาคมที่ผ่านมา โดย “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. มีคำสั่งให้ พล.ต.ต.ปภัชเดช เกตุพันธ์ ผบก.ภ.จว.ระยอง มาปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) โดยให้ขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิม และให้  พล.ต.ต.มานะ อินทร์พิทักษ์ รอง ผบช.ภ.2 รักษาราชการแทน พร้อมปรับย้าย  “4 เสือโรงพัก” ให้คงเหลือเพียง ผกก.สภ.เมืองระยอง และ ผกก.สืบจังหวัด ที่เพิ่งมาดำรงตำแหน่งเมื่อวันที่ 22 ธันวาคมที่ผ่านมา แต่เชื่อว่าอีกไม่นานเมื่อเรื่องซาลงไปตำรวจที่ถูกย้ายไปก็คงย้ายกลับ และบ่อนพนันที่เปิดเล่นกันแบบชาวบ้านก็รู้ กูเกิลก็รู้ แต่ตำรวจไม่รู้ ที่จำต้องปิดไปก่อนในเวลานี้เดี๋ยวอีกไม่นานก็เปิดเล่นกันเหมือนเดิม อย่างที่ร่ำลือกันว่าเป็นบ่อนนี้เส้นใหญ่มาก


 อย่างที่นายนพดล ตั้งทรงเจริญ ประธานหอการค้าจังหวัดระยอง บอกว่าบ่อนการพนันในจังหวัดระยอง มีแต่ตำรวจกับเสาไฟฟ้าที่ไม่กล้าพูด เรื่องนี้ตนได้แจ้งกับทางภาครัฐตั้งแต่ผู้ว่าราชการจังหวัดคนก่อนก็สั่งปิดไปแล้ว แต่ปิดได้ไม่กี่วันก็เปิดอีกที่จุดเดิม เปิดมาเรื่อยๆ โทร.ถามใครที่อยู่ในเมืองระยองก็รู้กันหมด ใน Google ก็รู้ แต่ “ตำรวจบ้านเรา” ไม่รู้ 

จากการตรวจสอบ Google Maps สถานที่ซึ่งระบุว่าเป็นบ่อนการพนัน เมื่อพิมพ์คำว่า  “บ่อนระยอง” พบว่ามีการปักหมุดตั้งอยู่บนถนนจิตรพันธ์ ข้างร้านเบทาโกรช้อป สถานที่เดียวกับที่ตำรวจ สภ.เมืองระยองไปตรวจค้น

ขณะเดียวกัน เมื่อพิมพ์คำว่า  “บ้านเจ้าของบ่อนระยอง”  มีการปักหมุดบริเวณปากซอยราษฎร์สามัคคี ถนนราษฎร์บำรุง (เชื่อมกับถนนสุขุมวิท ซอยนครระยอง 22) โดยพบว่าเป็นคฤหาสน์ขนาดใหญ่ มีรั้วรอบขอบชิดแน่นหนา สูงกว่า 2 เมตร มีสระว่ายน้ำในบ้าน และมีกล้องวงจรปิดติดตั้งบริเวณประตูบ้าน แต่ไม่มีใครออกมาชี้แจงว่าบ้านหลังนี้เป็นของใคร

ส่วน  “ตำรวจบ้านเรา ” ที่ประธานหอค้าระยอง กล่าวถึงไม่ใช่ใครอื่น ซึ่งคงหมายถึง พล.ต.ต.ปภัชเดช เกตุพันธ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระยอง ที่ยืนยันว่าระยองไม่มีบ่อนการพนันในพื้นที่ ส่วนที่มีข่าวว่ามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จากบ่อนพนันความจริงเป็นการลักลอบเล่นพนันเท่านั้น

การออกมานั่งยันนอนยันของ พล.ต.ต.ปภัชเดช เกิดขึ้นคล้อยหลังจากที่ตำรวจเมืองระยองนำกำลังตรวจค้นบ่อนข้างร้านเบทาโกรช้อป ถนนจิตรพันธ์ ห่างจากสถานีขนส่งผู้โดยสารระยองแห่งที่ 1 ศูนย์การค้าระยอง ประมาณ 100 เมตร ซึ่ง พ.ต.อ.พรัชต์ศรุต วัชรธนโยธิน ผกก.สภ.เมืองระยอง ระบุว่าเป็นโกดังที่เก็บของสินค้า ไม่มีการเล่นการพนันตามที่เป็นข่าวในสื่อโซเชียลแต่อย่างใด

พลังโซเชียลจึงศอกกลับคืน แถมชาวเน็ตยังตาดีมาก ไปค้น Google StreetView สถานที่ซึ่งระบุว่าเป็นบ่อน พบว่าเคยติดกล้องวงจรปิด 3-4 ตัวติดอยู่รอบอาคาร แต่พอหลังวันตำรวจเข้าตรวจค้นกลับไม่มีกล้องวงจรปิดแล้ว เห็นเพียงแต่แนวท่อร้อยสายและตะปูที่ติดปักหมุนเป็นระยะๆ แทน คำให้สัมภาษณ์ของนายตำรวจใหญ่เมืองระยอง ที่ว่าไม่มีบ่อน เป็นแค่โกดัง บลาๆๆ จึงกลายเป็นเรื่องตลกขบขันเสียเต็มประดาในสายตาของสังคม แล้วผู้คนในโลกออนไลน์กฌหยิบมาเสียดสีแบบเจ็บแสบว่า  “บ่อนไทยก็เหมือนรักแท้ รู้แหละว่ามี…แต่หาไม่เจอ” 

ความอื้อฉาวของ  “ส่วยบ่อน” ที่ฝ่ายปกครอง และนายตำรวจเมืองระยอง ทำเป็นหูหนวกตาบอดใบ้ ทำให้ นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาสารภาพบาปกับสังคมแทนตำรวจและจังหวัด โดยยอมรับว่าบ่อนของขาใหญ่เมืองระยอง เส้นใหญ่จริง และไม่เคยมีการกวาดล้างอย่างจริงจัง ที่ผ่านมาผู้มีอำนาจเมินสั่งย้ายผู้ว่าฯ ส่วนตำรวจย้ายไปแล้วก็กลับมาใหม่อีก ตามที่เขียนจดหมายเปิดผนึกโพสลงเฟซบุ๊ก “หมอตี๋ สาธิต ปิตุเตชะ”

“หมอตี๋” ให้ภาพบ่อนที่ระยองมีการลักลอบเล่นพนันมีคนจำนวนมากเข้าออกบ่อนในแต่ละวัน เล่นกันได้เสียเม็ดเงินมหาศาล และเป็นแหล่งแพร่เชื้อโรคโควิด-19 เป็นอย่างดี ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นครั้งแรกของที่นี่ ก่อนนี้เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาที่มีการระบาดของโควิด-19 รุนแรงในรอบแรก เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองได้เข้าทลายบ่อนเพื่อจับกุมบ่อนพนันแบบเดียวกันนี้ในท้องที่อำเภอเมือง ตำบลมาบตาพุด จังหวัดระยอง เป็นเป็นข่าวดังไปทั่วประเทศ

ครั้งนั้น มีการโยกย้ายนายตำรวจพื้นที่ 5 เสือที่รับผิดชอบและเกี่ยวข้อง โดยย้ายไปประจำกองบังคับการ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงจากเบื้องบน แต่หลังจากนั้นไม่นาน หลังข่าวซาลงไปนายตำรวจทั้งหมดเหล่านั้นก็กลับมาทำหน้าที่ตามเดิมด้วยเหตุผลไม่พบมีส่วนเกี่ยวหรือรับผลประโยชน์จากบ่อนนี้แต่อย่างใด สังคมก็สงสัยแต่ไม่ได้ติดใจเพราะเข้าใจบ่อนนั้นได้ปิดตัวไปแล้ว

กรณีทลายบ่อนดังกล่าว มีการเรียกร้องให้ย้ายผู้ว่าฯ ผู้บังคับการตำรวจจังหวัด เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เหมือนจะไม่ได้รับการตอบสนองจากผู้มีอำนาจที่เหนือกว่า

“หมอตี๋” ยังบอกว่า บ่อนที่ระยองทั้งสองแห่งนี้และสองสถานการณ์นี้ปรากฏเป็นข่าวชัดเจนว่าเป็นของใคร มีบ่อนตั้งอยู่ที่ไหนบ้าง แต่ไม่เห็นว่าจะถูกดำเนินคดีแต่อย่างใด อาจด้วยพยานหลักฐานโยงไปไม่ถึง ซึ่งเป็นคำถามที่คาใจของสังคม และเมื่อกระแสข่าวซาลงก็จะเห็นบ่อนที่ว่านี้กลับมาเปิดใหม่ ทำไมถึงไม่มีใครเอาจริงเอาจัง ปราบปรามบ่อนให้หมดไป คนที่ต้องถูกต้องคำถามมากที่สุดคือ ฝ่ายตำรวจและฝ่ายปกครองบ้านเมืองซึ่งต้องรับผิดชอบโดยตรง

 สาวไส้ซูเปอร์คอนเนกชัน “หลงจู๊สมชาย” ขาใหญ่บ่อนระยอง
ตามมาทำความรู้จักกับ  “ขาใหญ่บ่อนระยอง”  ที่ร่ำลือกันว่าหมายถึง “หลงจู๊สมชาย” ว่าเป็นใครมาจากไหนถึงใหญ่กระทั่งไม่มีใครกล้าแตะ

ว่ากันว่า “หลงจู๊สมชาย” เป็นเจ้าของขาใหญ่ในยุทธจักรธุรกิจบ่อนพนันที่ระยอง เส้นทางนักธุรกิจสีเทาของหลงจู๊เริ่มต้นจากศูนย์ แต่ด้วยความใจถึง และมีผู้หลักผู้ใหญ่ในจังหวัดระยองหนุนหลัง จึงค่อยๆ เติบใหญ่จากคนเดินโพยหวยมาเป็นเจ้ามือหวย เจ้าของสถานบริการในเมืองระยอง ทั้งนวดแผนโบราณ คาราโอเกะ ซึ่งต่อมามีคดีดังที่เข้าไปพัวพันกับ  “แก๊งหวยล็อก”  กับ  “กลม บางกรวย-ชัย โคกสำโรง” และตัวเขาเองเจ้าของฉายาขณะนั้น  “ชาย ระยอง” หรือ “ชาย บ้านค่าย” แต่เขารอดมาได้

หลังคดีหวยล็อกเงียบไป ชื่อเสียงของ “หลงจู๊สมชาย” กลับไปโด่งดังในยุทธจักรบ่อนพนัน กิจการตู้ม้า ตู้สล็อต โดยว่ากันว่าเขาได้รับการสนับสนุนจากนักการเมืองคนดังของจังหวัดนครราชสีมา และนายตำรวจระดับ พล.ต.ต. คนหนึ่งแถวภาคอีสาน ไฟเขียวให้เขาเปิดบ่อนและตู้ม้าในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภาค 3 ทั้งจังหวัดนครราชสีมา อุบลราชธานี และอีกหลายแห่ง

ด้วยแรงหนุนจากนักการเมืองคนดังภาคอีสาน เบอร์ต้นๆ ของขั้วอำนาจในรัฐบาล หนุนส่งให้ “หลงจู๊สมชาย” ขยายฐานธุรกิจสีเทาเข้าสู่เมืองหลวง แต่ไปไม่รอดต้องกลับไปฐานที่มั่นเดิมที่ภาคตะวันออก กระทั่งเจอลุยปราบอย่างหนักจากชุดเฉพาะกิจของกรมการปกครอง

ว่ากันว่าปฏิบัติการทลายบ่อน RJ ที่ตำบลมาบตาพุด จังหวัดระยอง ตามที่นายสาธิต เอ่ยอ้างถึงข่าวคราวที่โด่งดังในเวลานั้น ต่างก็ทราบกันดีว่าบ่อนแห่งนี้เป็นของ “หลงจู๊สมชาย” แต่ด้วยความที่เป็นบ่อนเส้นใหญ่มีนักการเมืองดังอีสานคนใกล้ตัวขั้วอำนาจ ทำให้ “หลงจู๊สมชาย” รอดเช่นเคย

ความเส้นใหญ่ของ “หลงจู๊สมชาย” ที่ว่ากันว่ามี “ระดับบิ๊ก” หนุนเนื่องอยู่เบื้องหลัง ทำให้แผนปฏิบัติการที่เตรียมลงดาบสองมีอันพังพาบก่อนลงมือ โดยเล่ากันว่า ชุดปฏิบัติการของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ตั้งเป้าขยายผลเกี่ยวกับการฟอกเงินหวังปิดตำนานความยิ่งใหญ่ของเจ้าพ่อธุรกิจสีเทาแห่งภาคตะวันออก

แต่ผ่านไปเพียงไม่กี่วัน ความไม่ชอบมาพากลก็เกิดขึ้น โดยคอลัมนิสต์สื่อหลักเริ่มเขียนแขวะปฏิบัติการนี้ โดยให้เหตุผลว่าบ่อนพนันเป็นหน้าที่ของตำรวจก็พอแล้ว ไม่เห็นจำเป็นต้องให้ถึงมือ"กรมสอบสวนคดีพิเศษ" เพราะควรไปใช้กับคดีต่างๆ ที่มีความสลับซับซ้อน จากกระแสตีกลับทั้งที่เป็นเรื่องดีต่อสังคม “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์นักข่าวว่า ในฐานะคนดูแลกระทรวงฯ ไม่เคยถูกนายกฯ ตำหนิในเรื่องนี้ และเป็นการทำหน้าที่โดยปกติ....

อย่างไรก็ตามหลัง “สมศักดิ์” ให้สัมภาษณ์ไปไม่กี่วัน 6 ชุดปฏิบัติการดีเอสไอ. ก็ถูกยุบโดยไม่ทราบเหตุผล และปฏิบัติการสยบเจ้าพ่อตะวันออก ก็กลายเป็นหมัน ไม่มีใครกล้าแตะต้อง “หลงจู๊สมชาย”เป็นต้นมา กระทั่งเกิดฝีแตกจากกรณีบ่อนระยอง กลายเป็นแหล่งแพร่โควิด-19 ที่สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงให้แก่ประเทศชาติและประชาชนถ้วนหน้าในเวลานี้

กรณีบ่อนระยอง บ่อนเซาะความเชื่อมั่นของประชาชนต่อวงการสีกากีที่เสื่อมทรุดอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งเมื่อจนบัดนี้เจ้าของบ่อนตัวจริงและนักการเมืองที่หนุนหลัง ยังลอยนวล ขณะที่ความสูญเสียจากการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 กระจายไปทั่วประเทศมหาศาลชัดเจนว่าสร้างความเดือดร้อนไปถ้วนทั่ว โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม งานอีเว้นท์ ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่ยกเลิกการจัดงานทั่วทั้งประเทศ

คราวนี้ “พี่ศรี” นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยังออกมาช่วยแซะว่า บ่อนพนันที่ระยองนั้นมีอีกหลายแห่งตอนนี้แค่หลบใต้ดินชั่วคราว และไม่ใช่มีแค่บ่อนภายในซอยจิตรพันธ์ ข้าง บขส.เก่าระยอง ตำบลท่าประดู่ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง ที่ตกเป็นข่าวเท่านั้น ทว่ายังมีอีกหลายพื้นที่ เช่น บ่อนที่ อำเภอนิคมพัฒนา อีก 2 จุด ที่คนเข้าไปเล่นก่อนเกิดเหตุเชื้อกระจาย บริเวณหลังปั๊มน้ำมันสัญลักษณ์สีเขียวกับบริเวณโต๊ะสนุ๊ก ที่ตั้งอยู่ไม่ห่างจากสถานีตำรวจ สภ.นิคมพัฒนา ซึ่งเป็นของนักการเมืองในระดับท้องถิ่น เจ้าของตัวจริงสายเดียวกันกับ “ตี้ พระราม 3” 

ส่วนพื้นที่บริเวณมาบตาพุด หลังบ่อนใหญ่ถูกปิดไปก่อนหน้านี้ พบว่ามีบ่อนขนาดเล็กยังเปิดเล่นกันอยู่ และอีกแห่ง คือ บ่อนในตัวอำเภอเมือง หลังห้างสรรพสินค้าดังอีกด้วย บ่อนเหล่านี้ถามคนระยอง หรือมอเตอร์ไซค์รับจ้างทุกคนในจังหวัดระยองต่างชี้เป้าได้กันทุกคน ที่สำคัญที่ไม่มีคนกล่าวถึงคือยังคงปล่อยให้มีตู้ม้า ตู้สลอต เกลื่อนเมือง ส่วนคนเล่น มีทั้งคนไทย พม่า เขมร มีครบ แป้นกดก็เสี่ยงติดเชื้อได้

“พี่ศรี” ยังปูดด้วยว่า คนที่เสี่ยงติดเชื้อมีทั้งเมีย น้องเมีย ลูกของหลงจู๊ และเด็กคุมบ่อน แลกชิปอีกมาก ขณะที่นักการเมืองท้องถิ่นทั้ง ส.ท. และ ส.จ. ที่ชอบเข้าบ่อนจะมีใครกล้ามาเปิดตัวว่าติดเชื้อจากบ่อนเหล่านี้หรือไม่

 “.... มีข้อเรียกร้องจากคนระยอง ว่าอดีตผู้กำกับเมืองระยองทุกคนไม่ควรหวนกลับมารักษาการ หรือมาเป็น ผกก.เมืองระยอง หรือ ผบก.ภ.จว.ระยอง เพราะในอดีต ผกก.สืบจังหวัดทุกนายที่ระยอง รู้เรื่องบ่อนและตู้ม้าเป็นอย่างดี จึงไม่ควรกลับเข้ามาอีก เพราะอาจทำให้เกิดวงจรเดิมๆ...”  

งานนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่กำชับให้ไปตรวจสอบที่มาที่ไปของการแพร่ระบาดครั้งใหม่และลามไปทั่วประเทศ ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 ธันวาคมที่ผ่านมา จะกล้าลงดาบเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ไล่เรียงกันไปเป็นลูกระนาดหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่ผู้กำกับ ผู้การ เรื่อยขึ้นมาถึงขั้น ผบ.ตร. หากต้องไล่เบี้ยกันไปให้ถึงที่สุด ซึ่งถ้าจะว่ากันตามตรง เรื่องนี้นายกรัฐมนตรี ต้องรู้อยู่แล้ว เช่นเดียวกันกรณีสมุทรสาคร ที่ได้รับรายงานแล้ว รู้ตัวแล้ว แต่ยังรีๆ รอๆ เงื้อง่าราคาแพงอยู่จนบัดนี้





จากการตรวจสอบ Google Maps สถานที่ซึ่งระบุว่าเป็นบ่อนการพนัน เมื่อพิมพ์คำว่า “บ่อนระยอง” พบว่ามีการปักหมุดตั้งอยู่บนถนนจิตรพันธ์ ข้างร้านเบทาโกรช้อป สถานที่เดียวกับที่ตำรวจ สภ.เมืองระยองไปตรวจค้น
ตอกย้ำความสงสัยของชาวระยอง ที่ตั้งคำถามมาตลอดว่า ทำไมผู้มีอำนาจไม่จัดการเอาผิดเจ้าของบ่อน มิหนำซ้ำ “ลูกชายเจ้าของบ่อน”  ยังได้รับการฝากฝังให้มาเป็นคณะทำงานของนักการเมืองที่ทำเนียบรัฐบาลเสียอีก โดยสืบสาวจากกรณีที่พบว่ามีหนุ่มชาวระยอง วัย 26 ปี ที่ต้องสงสัยติดโควิด-19 เข้าร่วมประชุมคณะอนุกรรมาธิการพนันออนไลน์ (คณะอนุกรรมาธิการศึกษาผลกระทบกาสิโนออนไลน์ที่มาจากต่างประเทศ)

คุ้ยแคะกันต่อมา ทราบว่าหนุ่มคนดังกล่าวเป็นหนึ่งในคณะทำงานของ “พ่อมดดำ” นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ซึ่งนายสุชาติ ยอมรับว่าคนที่เข้ามาเป็นหนึ่งคณะทำงานนั้น ได้รับคำแนะนำมาจาก  นายเสริมศักดิ์ การุญ  อดีตส.ส.ระยอง และ อดีต รมช. หลายกระทรวง โดยนายสุชาติ ได้มอบหมายงานประสานงานด้านการเมืองในพื้นที่เมืองระยองและภาคตะวันออก แต่นายสุชาติ ก็ออกตัวไม่รู้ว่าเป็นลูกชายเจ้าของบ่อน

 นอกจากนี้ สิ่ง “ลุงตู่” จะต้องพิจารณาเป็น “พิเศษ” ก็คือ ว่ากันว่า ซูเปอร์คอนเนกชันของบ่อนระยองนั้นมิได้หยุดอยู่แค่ในพื้นที่ของจังหวัดเท่านั้น หากแต่ว่ากันว่าทอดยาวมาถึงระดับ “กองบัญชาการ” และ “ส่วนกลาง” อีกด้วย 


แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ผลพวงจากการปล่อยปละละเลยหรือจงใจหาประโยชน์ของเจ้าหน้าที่รัฐจากส่วยบ่อน ทำให้จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นฐานการผลิตที่สำคัญอันดับหนึ่งของประเทศได้รับผลกระทบมหาศาล เพราะการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดที่แพร่จากบ่อนไปติดคนในครอบครัว โรงเรียน ที่คนทำงานตามโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ตอนนี้ระส่ำกันไปหมด

 สังคมไทยจึงต้องการเห็นการลงดาบของ “ลุงตู่” แบบจัดหนักกับปัญหาบ่อนการพนัน จัดการตัวต้นเหตุ สาวไปให้ถึงตัวเจ้าของบ่อน เอามาลงโทษให้ได้ ต้องปรับโหมดให้โหดกว่านี้แบบลงมาลุยเอง ไม่เช่นนั้นภารกิจที่ “ลุงตู่” ลงพื้นที่พร้อมลั่นวาจากับชาวเมืองระยองว่า “ประเทศนี้ต้องไม่มีบ่อน” ก็จะเป็นเพียงเรื่องตลกห้าบาทสิบบาท เว้นเสียแต่ว่า “ลุงตู่” อยากให้ตัวเองมีภาพเช่นนั้น  

ดูจากอารมณ์ที่ฉุนเฉียวเมื่อถูกสื่อถามมีข้อมูลว่าเจ้าของบ่อนพนันมีความเชื่อมโยงกับนักการเมือง แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามกลับด้วยน้ำเสียงโมโหว่า  “...ใครล่ะ ผมหรอ เห็นโยงมาถึงผมด้วยในรูป เดี๋ยวกำลังสอบอยู่ ใครทำอย่างไรก็ต้องรับผิดชอบ แล้วไปบอกว่านายกฯเชื่อมโยงบ่อนเหรอ การทำผิดกฎหมายทุกอย่างในแผ่นดินนี้ ต้องไม่เป็นแบบนี้ ไม่งั้นผมจะอยู่ทำไมเล่าวันนี้ ความเลวร้ายมันมีหลายอย่างมากมาย ต้องช่วยกันสิ ให้ข้อมูลมา ผมไม่ปกป้องใครทั้งสิ้น ไม่ใช่ไม่ทำอะไรซะเมื่อไหร่” 
อารมณ์อีหรอบนี้ ตามรูปการณ์คงปล่อยให้ ผบ.ตร.ว่ากันไปเรื่อยเปื่อยเหมือนเคยๆ อีกไม่นานก็เข้าโหมดเดิม และแน่นอนสถานการณ์ร้อนแรงเฉพาะหน้า ตำรวจมักเล่นบทถนัดทำงานเอาหน้าล้อตามกระแสสังคม อย่างที่เห็นกรณีบ่อนระยอง ที่ฉาวโฉ่ขึ้นมาแล้วลามถึงนครหลวง ที่สั่งลงดาบสยบกระแสร้อนกันไปตามเรื่องเมื่อมีการเข้าจับกุมบ่อน ในซอยแจ้งวัฒนะ14 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ เมื่อคืนวันที่ 28 ธันวาคมที่ผ่านมา มีของกลางโต๊ะเสือมังกร 2 โต๊ะ โต๊ะไฮโล 1 โต๊ะ และกำถั่ว 1 โต๊ะ จับกุมนักพนันได้ 89 คน เป็นคนไทย 75 คน และต่างด้าว 14 คน

ต่อมา ทาง บช.น. มีคำสั่งที่ 553/2563 ให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการ ที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจนครบาล (ศปก.น.) โดยขาดจากต้นสังกัดเดิม จำนวน 6 นาย ประกอบด้วย พล.ต.ต.พัฒนา เพศยนาวิน ผบก.น.2, พ.ต.อ.กฤษณ์พนธ์ เพ็ชรสดศิลป์ ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง, พ.ต.ท.สุรินทร์ ภู่ฤทธิ์ รอง ผกก.สส.สน.ทุ่งสองห้อง, พ.ต.ท.ธนิศร บุญแม้น รอง ผกก.ป.สน.ทุ่งสองห้อง, พ.ต.ต.ณัฐพงศ์. ร้องเกาะเกิด สว.สส สน.ทุ่งสองห้อง, พ.ต.ต.กิตติพศ อินทร์จันทร์ สวป.สน.ทุ่งสองห้อง

“บิ๊กปั๊ด” ยังทำขึงขังสั่งให้จเรตำรวจไปตรวจสอบเพิ่มเติมทั้งกรณีการจับกุมบ่อนพนัน ซอยแจ้งวัฒนะ 14 กรุงเทพฯ และบ่อนระยอง ต้องหาว่าใครต้องรับผิดชอบบ้าง ส่วนบ่อนทั่วประเทศที่เปิดกันทั่วทุกหัวระแหงนั้น “บิ๊กปั๊ด” มีคำตอบให้สังคม ดังว่า  “ส่วนที่กระแสสังคมถามว่า จำนวนบ่อนการพนันทั่วประเทศมีมากน้อยเท่าไรนั้น คงตอบไม่ได้ เพราะถ้ารู้ ก็คงจับกุมดำเนินคดีแล้ว ที่ผ่านมาได้สั่งการไปหลายรอบแล้ว ถ้าไม่ทำ ไม่เชื่อฟัง และมีหลักฐานว่า รู้เห็นให้มีการเปิดบ่อนการพนัน ปล่อยปละละเลยไม่จับกุม ก็ต้องถูกลงโทษทุกนาย เรื่องนี้เตือนกันหลายรอบแล้ว ไม่ใช่เวลาต้องเตือนแล้ว ถึงเวลาที่ต้องทำแล้ว” 

ไม่ต่างไปจาก “พี่ใหญ่” ของ 3 ป.  พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ  รองนายกรัฐมนตรี ที่กล่าวถึงการปราบปรามผู้มีอิทธิพลทั้งในวงการแรงงานเถื่อนและบ่อนพนันว่า ทำอยู่ตลอด เรื่องบ่อนเป็นเรื่องของตำรวจ มีกฎหมายจัดการอยู่แล้ว แต่พอถูกถามว่าไหนก่อนหน้านี้ พล.อ.ประวิตร เคยยืนยันว่า กทม.ไม่มีบ่อน “พี่ใหญ่” ก็สวนว่า “...ก็ไม่รู้ เขาแอบเปิดบ่อนเป็นบ่อนลอย ....จะไปรู้ได้อย่างไร และเป็นเรื่องของตำรวจท้องที่ที่ต้องดูแล ....” 


กำลังโหลดความคิดเห็น