ผู้จัดการรายวัน 360 - ศปถ.สรุปสถิติรณรงค์อุบัติเหตุปีใหม่วันแรก เสียชีวิต 43 ราย บาดเจ็บ 438 คน สาเหตุหลัก "ขับเร็ว-เมาขับ" สั่งคุมเข้มบังคับใช้กฎหมายจราจร และมาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19 ศาลสั่งคุมประพฤติเมาแล้วขับ 42 คดี ขณะที่ รมว.คมนาคม ตรวจหัวลำโพง ส่งประชาชนเดินทางปีใหม่ 64 สุดท้ายก่อนย้ายไป”สถานีกลางบางซื่อ” ขณะที่”โควิด”ประชาชนเดินทางน้อย คืนตั๋วแล้ว 20,000 ราย สั่งเข้มมาตรการเสี่ยงอุบัติเหตุ ส่วนถนนสายเหลักจราจรยังไม่มีปัญหา ห่วงห่วงช่วงขากลับกทม. สั่งเตรียมรับมือ
วานนี้ (30 ธ.ค.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธานแถลงข่าวสรุปผลการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2564 เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ (ศปถ.) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่ายได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 29 ธ.ค. 63 ซึ่งเป็นวันแรกของการรณรงค์ "ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่ปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ" เกิดอุบัติเหตุ 414 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 43 ราย ผู้บาดเจ็บ 438 คน
โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว ร้อยละ 32.85 ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 24.88 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 81.11 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง 66.43 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 38.89 ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 32.13 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01 - 20.00 น. ร้อยละ 29.47 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไปร้อยละ 29.94
ทั้งนี้ ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,933 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 61,575 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 288,881 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 44,657 ราย มีความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย 12,648 ราย ไม่มีใบขับขี่ 12,154 ราย โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่มหาสารคาม (15 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ ชลบุรี บุรีรัมย์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และอุดรธานี (จังหวัดละ 3 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ (17 คน)
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวต่อว่า วันที่ 30 ธ.ค. ประชาชนเริ่มเดินทางออกจากกรุงเทพฯ เพื่อเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยว โดยถนนสายหลักที่มุ่งสู่ภูมิภาคต่าง ๆ จะมีปริมาณรถหนาแน่น ศปถ.ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด เข้มข้นการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจหลัก เน้นหนักกวดขันปัจจัยเสี่ยงอุบัติเหตุ โดยเฉพาะการขับรถเร็วและดื่มแล้วขับ เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงหลักของการเกิดอุบัติเหตุทางถนน พร้อมเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ในการดูแลเส้นทางหลัก สายรอง และเส้นทางเลี่ยงที่เชื่อมต่อระหว่างจังหวัด บริหารจัดการจราจรและอำนวยความสะดวกในการเดินทางแก่ประชาชนตลอดเส้นทาง รวมถึงปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขในการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด"พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าว
ด้านนายชัยณรงค์ วาสนะสมสิทธิ์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนได้ประสานศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัด บูรณาการตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง อาสาสมัคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่สนธิกำลังสนับสนุนการปฏิบัติงานในจุดตรวจ จุดบริการ และด่านชุมชน โดยเฉพาะเส้นทางสายรองและเส้นทางเลี่ยง ทางลัด ที่เชื่อมต่อระหว่างจังหวัด เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการสร้างความปลอดภัยในการเดินทาง อย่างไรก็ตาม จากการติดตามสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ในระยะนี้บางจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้อาจมีฝนตก ทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุจากสภาพถนนเปียกลื่นและทัศนวิสัยไม่ดี ศปถ.จึงประสานจังหวัดดูแลความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชน
"โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกให้กวดขันการใช้ความเร็วเป็นพิเศษ รวมถึงเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามมาตรการของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ท้ายนี้ ขอฝากให้ผู้ใช้รถใช้ถนนปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด มีน้ำใจต่อผู้ร่วมใช้เส้นทาง รวมถึงดูแลตัวเองให้ปลอดภัย โดยสวมหน้ากากอนามัย รักษาระยะห่างทางสังคม และหมั่นล้างมือให้สะอาด เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) และเพื่อให้เทศกาลปีใหม่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขและความปลอดภัย" นายชัยณรงค์ ระบุ
คุมประพฤติเผย เมาขับวันแรก 42 คดี
ด้านนายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวว่า ในวันแรกของการรณรงค์ลดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลปีใหม่ ศาลได้สั่งคุมความประพฤติแล้วจำนวนทั้งสิ้น 98 คดี จำแนกเป็น คดีขับรถในขณะเมาสุรา จำนวน 42 คดี คิดเป็นร้อยละ 42.86 คดีขับเสพ จำนวน 50 คดี คิดเป็นร้อยละ 51.02 คดีขับรถประมาท จำนวน 6 คดี คิดเป็นร้อยละ 6.12
สำหรับจังหวัดที่มีสถิติคดีขับรถในขณะเมาสุราสูงสุด 3 อันดับ ได้แก่ 1. จังหวัดสมุทรปราการ จำนวน 11 คดี 2. จังหวัดชัยภูมิ นครราชสีมา ร้อยเอ็ด จำนวน 4 คดี และ 3. จังหวัดนนทบุรี กรุงเทพมหานคร จำนวน 3 คดี เมื่อเปรียบเทียบสถิติคดีที่เข้าสู่กระบวนการคุมความประพฤติในวันแรกของช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2563 และ พ.ศ. 2564 พบว่า คดีขับรถในขณะเมาสุรา ปี พ.ศ. 2563 จำนวน 567 คดี และปี พ.ศ. 2564 มีจำนวน 42 คดี ลดลงถึง 525 คดี คิดเป็นร้อยละ 92.59
อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวว่า กรมคุมประพฤติ มีมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ในช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2564 โดยสำนักงานคุมประพฤติทั่วประเทศ ร่วมกับอาสาสมัครคุมประพฤติ ภาคีเครือข่าย และผู้ถูกคุมความประพฤติ ลงพื้นที่สนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการให้บริการประชาชนตามจุดบริการประชาชน ด่านชุมชน และด่านตรวจค้น จำนวน 32 จุด โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรม จำนวนทั้งสิ้น 477 คน พร้อมกับการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ลดอุบัติเหตุ “คุมประพฤติใส่ใจ สร้างความปลอดภัยทางถนน เมาขับ จับติด EM” ซึ่ง ประชาชนเริ่มทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนา จึงขอให้ระมัดระวังการใช้รถใช้ถนน ดื่มไม่ขับ เพื่อสร้างความปลอดภัยของตนเองและเพื่อนร่วมทาง พร้อมวอนครอบครัว เป็นด่านสำคัญในการป้องกันและลดอุบัติเหตุ และร่วมขับเคลื่อนครอบคลุมในทุกพื้นที่
"ประวิตร"สั่งเข้มจราจรดูแลปชช.เดินทางปีใหม่
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงมาตรการดูแลประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงปีใหม่ ว่า มาตรการทุกอย่างได้ทำอย่างเต็มที่อยู่ ทั้ง ทหาร ตำรวจ และกระทรวงมหาดไทย ในการเดินทางต่างๆ ได้ให้เจ้าหน้าที่เข้มงวด รักษากฎระเบียบวินัยการจราจร รวมไปถึงการระมัดระวังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตนอยากบอกว่าให้ประชาชนต้องช่วยตัวเอง รักษาตัวเองด้วย พูดจากันให้เว้นระยะห่าง ใช้แมส ล้างมือ ตามกฎระเบียบของกระทรวงสาธารณสุขที่ออกมาทุกอย่าง
พิษ”โควิด”รฟท.เผยคืนตั๋วแล้ว20,000 คน
ด้านนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน เปิดกิจกรรมรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุ “ปีใหม่ชีวิตวิถีใหม่สวมหน้ากาอนามัย-มีสติไม่ประมาท ปลอดโควิด19 – ปลอดอุบัติเหตุทางถนน” และ”รถไฟส่งความสุข เดินทางกลับบ้านปลอดภัย ด้วยวิถีใหม่นิวนอร์มอล”ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2564 ที่สถานรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) ซึ่งภาพรวมที่มีประชาชนเดินทางไม่มากนัก ต่างจากเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมาเนื่องจากมีสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ และพบว่า มีผู้โดยสารบางส่วน ยกเลิกการเดินทางและขอคืนตั๋วแล้วจำนวน 20,000 ราย
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม กล่าวว่า ภาพรวมการเดินทางของประชาชนลดลง ประกอบกับมีการเดินทางล่วงหน้าไปบางส่วนตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึงมาตรการช่วงโควิด-19 ที่ห้ามจัดงานที่มีคนรวมกันจำนวนมาก อาจทำให้ประชาชนบางส่วนตัดสินใจไม่เดินทาง
ทั้งนี้ ยังคงเน้นเรื่องความสะดวก ปลอดภัย ในการเดินทางของประชาชน รวมถึงการห้ามจำหน่ายและดื่มแอลกอฮอล์บนรถไฟโดยเด็ดขาดเพราะจะเป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุได้ พร้อมกับได้กำชับในเรื่องจุดตัดทางรถไฟกับถนน จะต้องไม่ให้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ซึ่งปีใหม่ 2564 จะใช้สถานีหัวลำโพงเป็นสถานีชุมทางรถไฟปีสุดท้าย เนื่องจากจะมีการเปิดใช้สถานีกลางบางซื่อในปี 2564 และจะปรับการเดินรถต้นทางไปอยู่ที่สถานีบางซื่อทั้งหมด
ส่วนมาตรการป้องกันการเเพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด สวมหน้ากากอนามัย รักษาระยะห่าง การใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ และการลงทะเบียนเช็กอินแอปพลิเคชันไทยชนะ เพื่อสามารถตรวจสอบย้อนหลังและติดตามรักษาพยาบาลได้กรณีที่มีการติดเชื้อเกิดขึ้น
นายศักดิ์สยามกล่าวว่า สิ่งสำคัญช่วงเทศกาล คือการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งวันที่ 29 ธ.ค.ซึ่งเป็นวันแรกของการเดินทางปีใหม่ 2564 พบว่ามีอุบัติเหตุและมีผู้เสียชีวิตถึง 43 ราย ถือว่าสูง โดยส่วนใหญ่เกิดจากรถจักรยานยนต์ และผู้ขับขี่จะอายุ 15-25 ปี ซึ่งขอความร่วมมือฝ่ายปกครอง กระทรวงมหาดไทย ตั้งด่านหมูบ้าน เพื่อช่วยกันคัดกรองผู้ที่ไม่อยู่ในสภาพที่พร้อมสำหรับการขับขี่ งดการเดินทางออกจากหมู่บ้าน เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุ
สำหรับภาพรวมในการจราจร จากที่ได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตรวจสภาพการจราจรในช่วงเช้า จากมอเตอร์เวย์สาย 9 (วงแหวนรอบนอกด้านตะวันออก) ตั้งแต่ถนนพหลโยธินถึงจ.สระบุรี ไปถึงถ.มิตรภาพ บริเวณลำตะคอง โดยรวมรถยังเคลื่อนตัวได้ดี มีชะลอบ้างบางช่วง ที่เป็นจุดแวะพัก เช่น สถานีบริการน้ำมัน ซึ่งได้สั่งกรมทางหลวง ติดป้ายแจ้งและวางแบริเออร์กั้นเลนด้านซ้ายสำหรับรถที่ต่อแถว ไม่มีการแทรกจากเลนขวา
ส่วนถนนสาย 304 จ.ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา สภาพจราจรยังคล่องตัวดี ซึ่งปริมาณจราจรที่ไม่หนาแน่น ส่วนมอเตอร์เวย์สาย 7 (กรุงเทพฯ – ชลบุรี) จากสัตหีบ-ฉะเชิงเทรา-ศรีนครินทร์ การบริหารจัดการจราจรยังทำได้ดี
“ในด้านรถโดยสารนั้นไม่น่าเป็นห่วง เนื่องจากมีจำนวนผู้โดยสารลดลงจากปีก่อนส่วนหนึ่งจากประชาชนบางส่วนมีการเดินทางไปล่วงหน้าแล้วตั้งแต่สัปดาห์ก่อน รวมถึงเส้นทางจราจรช่วงขาออก แต่ที่เป็นห่วงคือตอนขาเข้า คาดว่าจะเดินทางกลับมาพร้อมๆกันตั้งแต่ช่วงวันที่ 2-3 ม.ค. 64 จึงต้องบริหารจัดการด้านจราจรให้ดี”
นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าฯ รฟท. กล่าวว่า รฟท.ได้ประกาศงดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งในสถานีและบนขบวนรถเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งหากพบมีการดื่มแอลกอฮอล์บนรถไฟมีโทษปรับ 10,000 บาท จำคุกไม่เกิน 6 เดือน ซึ่งได้ตั้งชุดเฉพาะกิจเพื่อดูแลรักษาความเรียบร้อย ในสถานีตั้งจุดคัดกรอง และเพิ่มความถี่ในการทำความสะอาด ทุก 2 ชม. เพื่อความมั่นใจกับผู้ใช้บริการ
วานนี้ (30 ธ.ค.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธานแถลงข่าวสรุปผลการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2564 เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ (ศปถ.) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่ายได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 29 ธ.ค. 63 ซึ่งเป็นวันแรกของการรณรงค์ "ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่ปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ" เกิดอุบัติเหตุ 414 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 43 ราย ผู้บาดเจ็บ 438 คน
โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว ร้อยละ 32.85 ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 24.88 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 81.11 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง 66.43 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 38.89 ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 32.13 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01 - 20.00 น. ร้อยละ 29.47 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไปร้อยละ 29.94
ทั้งนี้ ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,933 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 61,575 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 288,881 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 44,657 ราย มีความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย 12,648 ราย ไม่มีใบขับขี่ 12,154 ราย โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่มหาสารคาม (15 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ ชลบุรี บุรีรัมย์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และอุดรธานี (จังหวัดละ 3 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ (17 คน)
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวต่อว่า วันที่ 30 ธ.ค. ประชาชนเริ่มเดินทางออกจากกรุงเทพฯ เพื่อเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยว โดยถนนสายหลักที่มุ่งสู่ภูมิภาคต่าง ๆ จะมีปริมาณรถหนาแน่น ศปถ.ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด เข้มข้นการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจหลัก เน้นหนักกวดขันปัจจัยเสี่ยงอุบัติเหตุ โดยเฉพาะการขับรถเร็วและดื่มแล้วขับ เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงหลักของการเกิดอุบัติเหตุทางถนน พร้อมเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ในการดูแลเส้นทางหลัก สายรอง และเส้นทางเลี่ยงที่เชื่อมต่อระหว่างจังหวัด บริหารจัดการจราจรและอำนวยความสะดวกในการเดินทางแก่ประชาชนตลอดเส้นทาง รวมถึงปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขในการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด"พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าว
ด้านนายชัยณรงค์ วาสนะสมสิทธิ์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนได้ประสานศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัด บูรณาการตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง อาสาสมัคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่สนธิกำลังสนับสนุนการปฏิบัติงานในจุดตรวจ จุดบริการ และด่านชุมชน โดยเฉพาะเส้นทางสายรองและเส้นทางเลี่ยง ทางลัด ที่เชื่อมต่อระหว่างจังหวัด เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการสร้างความปลอดภัยในการเดินทาง อย่างไรก็ตาม จากการติดตามสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ในระยะนี้บางจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้อาจมีฝนตก ทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุจากสภาพถนนเปียกลื่นและทัศนวิสัยไม่ดี ศปถ.จึงประสานจังหวัดดูแลความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชน
"โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกให้กวดขันการใช้ความเร็วเป็นพิเศษ รวมถึงเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามมาตรการของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ท้ายนี้ ขอฝากให้ผู้ใช้รถใช้ถนนปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด มีน้ำใจต่อผู้ร่วมใช้เส้นทาง รวมถึงดูแลตัวเองให้ปลอดภัย โดยสวมหน้ากากอนามัย รักษาระยะห่างทางสังคม และหมั่นล้างมือให้สะอาด เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) และเพื่อให้เทศกาลปีใหม่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขและความปลอดภัย" นายชัยณรงค์ ระบุ
คุมประพฤติเผย เมาขับวันแรก 42 คดี
ด้านนายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวว่า ในวันแรกของการรณรงค์ลดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลปีใหม่ ศาลได้สั่งคุมความประพฤติแล้วจำนวนทั้งสิ้น 98 คดี จำแนกเป็น คดีขับรถในขณะเมาสุรา จำนวน 42 คดี คิดเป็นร้อยละ 42.86 คดีขับเสพ จำนวน 50 คดี คิดเป็นร้อยละ 51.02 คดีขับรถประมาท จำนวน 6 คดี คิดเป็นร้อยละ 6.12
สำหรับจังหวัดที่มีสถิติคดีขับรถในขณะเมาสุราสูงสุด 3 อันดับ ได้แก่ 1. จังหวัดสมุทรปราการ จำนวน 11 คดี 2. จังหวัดชัยภูมิ นครราชสีมา ร้อยเอ็ด จำนวน 4 คดี และ 3. จังหวัดนนทบุรี กรุงเทพมหานคร จำนวน 3 คดี เมื่อเปรียบเทียบสถิติคดีที่เข้าสู่กระบวนการคุมความประพฤติในวันแรกของช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2563 และ พ.ศ. 2564 พบว่า คดีขับรถในขณะเมาสุรา ปี พ.ศ. 2563 จำนวน 567 คดี และปี พ.ศ. 2564 มีจำนวน 42 คดี ลดลงถึง 525 คดี คิดเป็นร้อยละ 92.59
อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวว่า กรมคุมประพฤติ มีมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ในช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2564 โดยสำนักงานคุมประพฤติทั่วประเทศ ร่วมกับอาสาสมัครคุมประพฤติ ภาคีเครือข่าย และผู้ถูกคุมความประพฤติ ลงพื้นที่สนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการให้บริการประชาชนตามจุดบริการประชาชน ด่านชุมชน และด่านตรวจค้น จำนวน 32 จุด โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรม จำนวนทั้งสิ้น 477 คน พร้อมกับการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ลดอุบัติเหตุ “คุมประพฤติใส่ใจ สร้างความปลอดภัยทางถนน เมาขับ จับติด EM” ซึ่ง ประชาชนเริ่มทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนา จึงขอให้ระมัดระวังการใช้รถใช้ถนน ดื่มไม่ขับ เพื่อสร้างความปลอดภัยของตนเองและเพื่อนร่วมทาง พร้อมวอนครอบครัว เป็นด่านสำคัญในการป้องกันและลดอุบัติเหตุ และร่วมขับเคลื่อนครอบคลุมในทุกพื้นที่
"ประวิตร"สั่งเข้มจราจรดูแลปชช.เดินทางปีใหม่
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงมาตรการดูแลประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงปีใหม่ ว่า มาตรการทุกอย่างได้ทำอย่างเต็มที่อยู่ ทั้ง ทหาร ตำรวจ และกระทรวงมหาดไทย ในการเดินทางต่างๆ ได้ให้เจ้าหน้าที่เข้มงวด รักษากฎระเบียบวินัยการจราจร รวมไปถึงการระมัดระวังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตนอยากบอกว่าให้ประชาชนต้องช่วยตัวเอง รักษาตัวเองด้วย พูดจากันให้เว้นระยะห่าง ใช้แมส ล้างมือ ตามกฎระเบียบของกระทรวงสาธารณสุขที่ออกมาทุกอย่าง
พิษ”โควิด”รฟท.เผยคืนตั๋วแล้ว20,000 คน
ด้านนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน เปิดกิจกรรมรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุ “ปีใหม่ชีวิตวิถีใหม่สวมหน้ากาอนามัย-มีสติไม่ประมาท ปลอดโควิด19 – ปลอดอุบัติเหตุทางถนน” และ”รถไฟส่งความสุข เดินทางกลับบ้านปลอดภัย ด้วยวิถีใหม่นิวนอร์มอล”ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2564 ที่สถานรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) ซึ่งภาพรวมที่มีประชาชนเดินทางไม่มากนัก ต่างจากเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมาเนื่องจากมีสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ และพบว่า มีผู้โดยสารบางส่วน ยกเลิกการเดินทางและขอคืนตั๋วแล้วจำนวน 20,000 ราย
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม กล่าวว่า ภาพรวมการเดินทางของประชาชนลดลง ประกอบกับมีการเดินทางล่วงหน้าไปบางส่วนตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึงมาตรการช่วงโควิด-19 ที่ห้ามจัดงานที่มีคนรวมกันจำนวนมาก อาจทำให้ประชาชนบางส่วนตัดสินใจไม่เดินทาง
ทั้งนี้ ยังคงเน้นเรื่องความสะดวก ปลอดภัย ในการเดินทางของประชาชน รวมถึงการห้ามจำหน่ายและดื่มแอลกอฮอล์บนรถไฟโดยเด็ดขาดเพราะจะเป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุได้ พร้อมกับได้กำชับในเรื่องจุดตัดทางรถไฟกับถนน จะต้องไม่ให้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ซึ่งปีใหม่ 2564 จะใช้สถานีหัวลำโพงเป็นสถานีชุมทางรถไฟปีสุดท้าย เนื่องจากจะมีการเปิดใช้สถานีกลางบางซื่อในปี 2564 และจะปรับการเดินรถต้นทางไปอยู่ที่สถานีบางซื่อทั้งหมด
ส่วนมาตรการป้องกันการเเพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด สวมหน้ากากอนามัย รักษาระยะห่าง การใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ และการลงทะเบียนเช็กอินแอปพลิเคชันไทยชนะ เพื่อสามารถตรวจสอบย้อนหลังและติดตามรักษาพยาบาลได้กรณีที่มีการติดเชื้อเกิดขึ้น
นายศักดิ์สยามกล่าวว่า สิ่งสำคัญช่วงเทศกาล คือการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งวันที่ 29 ธ.ค.ซึ่งเป็นวันแรกของการเดินทางปีใหม่ 2564 พบว่ามีอุบัติเหตุและมีผู้เสียชีวิตถึง 43 ราย ถือว่าสูง โดยส่วนใหญ่เกิดจากรถจักรยานยนต์ และผู้ขับขี่จะอายุ 15-25 ปี ซึ่งขอความร่วมมือฝ่ายปกครอง กระทรวงมหาดไทย ตั้งด่านหมูบ้าน เพื่อช่วยกันคัดกรองผู้ที่ไม่อยู่ในสภาพที่พร้อมสำหรับการขับขี่ งดการเดินทางออกจากหมู่บ้าน เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุ
สำหรับภาพรวมในการจราจร จากที่ได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตรวจสภาพการจราจรในช่วงเช้า จากมอเตอร์เวย์สาย 9 (วงแหวนรอบนอกด้านตะวันออก) ตั้งแต่ถนนพหลโยธินถึงจ.สระบุรี ไปถึงถ.มิตรภาพ บริเวณลำตะคอง โดยรวมรถยังเคลื่อนตัวได้ดี มีชะลอบ้างบางช่วง ที่เป็นจุดแวะพัก เช่น สถานีบริการน้ำมัน ซึ่งได้สั่งกรมทางหลวง ติดป้ายแจ้งและวางแบริเออร์กั้นเลนด้านซ้ายสำหรับรถที่ต่อแถว ไม่มีการแทรกจากเลนขวา
ส่วนถนนสาย 304 จ.ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา สภาพจราจรยังคล่องตัวดี ซึ่งปริมาณจราจรที่ไม่หนาแน่น ส่วนมอเตอร์เวย์สาย 7 (กรุงเทพฯ – ชลบุรี) จากสัตหีบ-ฉะเชิงเทรา-ศรีนครินทร์ การบริหารจัดการจราจรยังทำได้ดี
“ในด้านรถโดยสารนั้นไม่น่าเป็นห่วง เนื่องจากมีจำนวนผู้โดยสารลดลงจากปีก่อนส่วนหนึ่งจากประชาชนบางส่วนมีการเดินทางไปล่วงหน้าแล้วตั้งแต่สัปดาห์ก่อน รวมถึงเส้นทางจราจรช่วงขาออก แต่ที่เป็นห่วงคือตอนขาเข้า คาดว่าจะเดินทางกลับมาพร้อมๆกันตั้งแต่ช่วงวันที่ 2-3 ม.ค. 64 จึงต้องบริหารจัดการด้านจราจรให้ดี”
นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าฯ รฟท. กล่าวว่า รฟท.ได้ประกาศงดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งในสถานีและบนขบวนรถเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งหากพบมีการดื่มแอลกอฮอล์บนรถไฟมีโทษปรับ 10,000 บาท จำคุกไม่เกิน 6 เดือน ซึ่งได้ตั้งชุดเฉพาะกิจเพื่อดูแลรักษาความเรียบร้อย ในสถานีตั้งจุดคัดกรอง และเพิ่มความถี่ในการทำความสะอาด ทุก 2 ชม. เพื่อความมั่นใจกับผู้ใช้บริการ