ปิดฉากสัปดาห์นี้...คงต้องพยายามไปควานหาเรื่องเบาๆ สบายๆ ที่พอผ่อนคลายอาการประสาท อาการ “เซาเคียดแหน่เด้อ” มาพูดจา ว่ากล่าว เพื่อให้อะไรต่อมิอะไรไม่ว่าบ้านเรา หรือบ้านเขา มันพอคลายๆ ลงไปได้มั่ง และคงไม่มีอะไรดีไปกว่า การสืบทอดเจตนารมณ์ของคุณพี่ “สนธิ ลิ้มฯ” ที่ได้ลงมือจวก ลงมือขย้ำ สำนักข่าวต่างประเทศ สาขาไทย อย่าง “บีบีซี-ไทย” ชนิดยู่ยี่ ยับเยิน ระดับ “หมอไม่รับเย็บ” เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว อันก่อให้เกิดความซู๊ดซ๊าด ซี๊ดซ๊าด สำหรับใครต่อใครไปเป็นจำนวนไม่น้อย...
แต่ที่จะว่ากันในสัปดาห์นี้...คงไม่ใช่แค่ระดับ “บีบีซี-ไทย” เพราะสิ่งที่ก่อให้เกิดแรงกระตุ้น แรงบันดาลใจ อาจต้องลากยาวว์ว์ว์ ต้องตามไปขม้ำกันถึง “บีบีซี-อังกฤษ” โน่นเลย ที่แม้พยายามป่าวประกาศถึง “ความเป็นมืออาชีพ” หรือ “ความเป็นกลาง” กันในแบบไหน ในลักษณะไหน ก็ตามที แต่โดยกิริยาอาการ โดยท่วงทำนอง และท่าที ออกจะเป็นอะไรที่สะท้อนถึงความกระหาย ใคร่อยาก ความปรารถนาและต้องการที่จะ “ดมทวารเด็ก” แบบบรรดาพวก “เลียตูดเด็ก” ในบ้านเราทั้งหลาย หรือแสดงออกถึงความพยายามที่จะอาศัย “เด็กๆ” เป็น “เครื่องมือ” ในการสนองตอบต่อ “ผลประโยชน์” ของประเทศตัวเอง อย่างชนิดแทบไม่หลงเหลือ “ความเป็นมืออาชีพ” หรือ “ความเป็นกลาง” ใดๆ เอาเลยแม้แต่นิด...
อันเนื่องมาจาก...ความพยายามจัดทำบัญชีรายชื่อ ของบรรดาผู้หญิงในประเทศต่างๆ นับเป็นร้อยๆ ชื่อ เพื่อให้การยกย่องและสรรเสริญ อย่างเป็นงาน-เป็นการ โดยอาศัย “เครดิต” ของ “บีบีซี” เป็นตัวลงกระดาษทรายแล้วทาน้ำลายแชล็ค ให้เปล่งประกายวาววาม เป็นที่เชิดหน้าชูตาสำหรับผู้คนในสังคมต่างๆ ในฐานะ “ผู้หญิงผู้มีอิทธิพลในการสร้างแรงบันดาลใจ” ตามมาตรฐานของ “บีบีซี” ประจำปี ค.ศ. 2020 โดยบ้านเรานั้น...ก็ลงทุนไปคว้าเอาคุณน้อง “รุ้ง-ปนัสยา” แกนนำ หรือแกนนั่ง แกนนอน ก็แล้วแต่ ของม็อบเด็กๆ หรือ “ม็อบล้มเจ้า” ผู้หาญกล้าออกมา “จูงควายภาคอีสาน” ไปมอบให้กับท่านอดีตนายกรัฐมนตรี และประธานรัฐสภาคนปัจจุบัน อย่างคุณพี่ “ชวน หลีกภัย” แบบชนิดดื้อๆ ทื่อๆ ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้มี “ควาย” ติดตัวเอาเลยแม้แต่น้อย แต่การพร้อมมอบ “ควาย” ให้ผู้อื่น แบบเป็นดุ้นๆ ด้ามๆ โดยไม่ต้องคำนึงถึงความเป็นเด็ก-ความเป็นผู้ใหญ่ ความดี-ความงาม เท่าที่เคยสั่งสม สร้างสมไว้ในอดีตที่ผ่านมา แม้แต่เล็กๆ น้อยๆ อันนี้นี่แหละ...ที่กลับเป็นอะไรที่น่ายกย่อง เชิดชู น่าสรรเสริญ ตามมาตรฐาน “บีบีซี” ซะเฉยเลย!!!
ซึ่งมาตรฐานเช่นนี้ หรือลักษณะอาการเช่นนี้...ก็ไม่ใช่มีแต่เฉพาะบ้านเรา เพราะช่วงวัน-สองวันก่อน สำนักข่าวทางการของจีนหรือ “Global Times” โดยคอลัมนิสต์ผู้มีนามกรว่า “Ai Jung” ก็ถึงกับอดรนทนไม่ไหวเช่นเดียวกัน ต่อกิริยาอาการ ในแบบเลียตูดเด็ก หรือดมทวารเด็กของ “บีบีซี” จนถึงกับต้องร่ายเรียงข้อเขียนและบทความ ว่าด้วยเรื่อง... “Politics, ideology dominate BBC’s list of women of 2020” อันเนื่องมาจากในบัญชี รายชื่อ “ผู้หญิงผู้มีอิทธิพลในการสร้างแรงบันดาลใจ” ของ “บีบีซี” จำนวน 100 รายชื่อนั้น ได้รวมเอาชื่อของนักก่อม็อบฮ่องกง อย่าง “Agnes Chow” ที่เพิ่งถูกจับ ถูกรวบตัว ไปพร้อมกับ “Joshua Wong” หรือคุณน้อง “โจชัว หว่อง” เพื่อนซี้แหงและย่ำปึ้กของคุณน้อง “ธนาธร” อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตหมด อนาคตไหม้ ของบ้านเรานั่นแหละ...
โดยได้ลงกระดาษทราย และได้ทาแชล็คเอาไว้อย่างวาววาม ลื่นเป็นมัน เป็นประกายเอามากๆ หรือถึงกับให้เหตุผลอ้างอิงเอาไว้ว่า ด้วยบทบาทและพฤติกรรมของเธอ ทำให้ผู้ที่ให้การสนับสนุนเธอเป็นจำนวนไม่น้อย ถึงกับเรียกขานเธอว่า “มู่หลาน” (Mulan) หรือถึงกับเอาเปรียบเทียบกับบทบาทของอดีต “วีรสตรี” ที่บรรดาชาวจีนทั่วทั้งมวล ต่างให้การยกย่อง เชิดชู จนค่ายหนังฮอลลีวูด ต้องนำไปสร้างเป็นหนัง หรือนำมาฉายในบ้านเราเมื่อไม่นานมานี้ แต่สิ่งที่คอลัมนิสต์อย่าง “Ai Jung” อดไม่ได้ที่จะต้องตั้ง “คำถาม” เอาไว้ ณ ที่นี้ ก็คือโดยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ เหตุผลทางประวัติศาสตร์ ที่บรรดาชาวจีนได้รับรู้ รับทราบมาโดยตลอดนั้น อดีตวีรสตรีอย่าง “มู่หลาน” น่าจะเป็นผู้ที่พร้อมพลีชีพ พร้อมเสียสละ เพื่อกอบกู้และปกป้องความเป็นเอกภาพและอำนาจอธิปไตยของแผ่นดินจีน พร้อมต่อสู้กับศัตรูผู้รุกราน อันเป็นอะไรที่ออกจะต่างแบบ “คนละเรื่อง-คนละม้วน” กับคุณน้อง “Agnes Chow” หรือแบบชนิดพลิกหน้ามือเป็นหลังตีนเอาเลยก็ว่าได้...
เพราะแทนที่จะแสดงออกถึงความมุ่งมั่น ความเพียรพยายามในการปกป้องแผ่นดินจีน ปกป้องมาตุภูมิของตัวเอง โดยลักษณะอาการของคุณน้อง “Agnes Chow” เธอดูจะหนักไปทางปรารถนาและต้องการที่จะ “แยกประเทศ-แยกดินแดน” หรือแยกเกาะฮ่องกงออกไปจากแผ่นดินจีนอย่างเห็นได้โดยชัดเจน ชนิดแทบไม่ต้องตั้งข้อสงสัยใดๆ อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าการร่วมกับคุณน้อง “โจชัว หว่อง” เรียกร้องให้บรรดาประเทศตะวันตก ที่เคยกดขี่ บีฑาชาวจีนแบบชนิดเคยประกาศห้าม “สุนัขและชาวจีน” ไม่ให้ย่างกรายเข้ามาในเขตเศรษฐกิจพิเศษของชาวตะวันตก เมื่อแค่ไม่กี่ร้อยปีที่ผ่านมานี่เอง ให้ช่วยหันมาแทรกแซงกิจการภายในของเกาะฮ่องกง หันมาเล่นงานชาวจีนแผ่นดินใหญ่ โดยที่น่าอเนจอนาถใจเอามากๆ ก็คือเธอถึงกับลงทุนเพรียกหาและเรียกร้องให้ “กองกำลังป้องกันตนเอง” ของประเทศญี่ปุ่น หรือ “Japan’s Self-Defense Force” (SDF) ส่งกำลังทหารเข้ามาช่วยบรรดาผู้ประท้วง ที่พยายามแยกเกาะฮ่องกงออกจากจีนให้จงได้!!!
คืออันนี้...ต้องเรียกว่า เป็นอะไรที่น่าเจ็บปวดรวดร้าวเอามากๆ สำหรับใครก็ตามที่เคยได้รับรู้ รับทราบ เรื่องราวของการสู้รบ การทำสงครามของกองทัพญี่ปุ่น ที่พยายามบุกทะลวงเข้ามาในแผ่นดินจีน เมื่อครั้ง “สงครามโลกครั้งที่ 2” จนก่อให้เกิดการฆาตกรรมอันน่าสยดสยองเอามากๆ หรือเกิดการสังหารหมู่ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวเมือง “นานกิง” มีทั้งฆ่า ทั้งข่มขืน บรรดาชาวจีนไม่น้อยกว่า 250,000-300,000 ราย จนกลายเป็น “มลทินทางประวัติศาสตร์” ที่ฝังลึกอยู่ในอารมณ์-ความรู้สึกชาวจีน หรือแม้แต่ “มวลมนุษยชาติ” หนักซะยิ่งกว่า “โศกนาฏกรรม 6 ตุลาฯ” บ้านเรา ไม่รู้กี่ร้อย กี่พันเท่า ชนิดแม้กระทั่งทุกวันนี้ เมื่อไหร่ก็ตาม...ที่ผู้นำญี่ปุ่น คิดเดินทางไปทำพิธีสักการะอดีตทหารญี่ปุ่น ณ ศาลเจ้า “ยาสุกุนิ” (Yasukuni Shrine) ขึ้นมาในวันหนึ่ง-วันใด ก็เป็นอันต้องเกิดเรื่อง เกิดราว เกิดการนำมาซึ่งความเจ็บช้ำน้ำใจให้กับบรรดาชาวจีน ไปจนถึงชาวเกาหลี จนต้องกลายเป็นเรื่อง เป็นราวขึ้นมาเมื่อนั้น...
อันนี้นี่แหละ...ที่ทำให้ความพยายามยกย่อง เชิดชู คุณน้อง “Agnes Chow” ให้กลายเป็น “มู่หลาน” ยุคใหม่ ตามมาตรฐานของสำนักข่าวตะวันตกอย่าง “บีบีซี” จึงเป็นอะไรที่บรรดาชาวจีนโดยทั่วไป ไม่ว่าในแผ่นดินใหญ่ หรือเกาะฮ่องกง ออกจะ “รับไม่ได้” ไปด้วยกันทั้งสิ้น หรือกลายเป็นตัวสะท้อนให้เห็นถึง “ระดับสติปัญญา” ของสำนักข่าวแห่งนี้ ว่าน่าจะสั้นจุ๊ดจู๋ ไม่มากไปกว่า “หางอึ่ง” ตัวใดๆ ด้วยกันทั้งสิ้น รวมทั้งน่าจะสะท้อนให้เห็นถึง “ความเป็นกลาง-ไม่เป็นกลาง” ว่าสุดท้ายแล้ว...ไม่ว่าโดยจุดยืน-ทัศนคติ-วิธีการ ของผู้คนในสำนักข่าว “บีบีซี” ล้วนแต่ตกอยู่ภายใต้การครอบงำของแนวคิดทางการเมือง ที่มุ่งหวังจะได้มาซึ่ง “ผลประโยชน์” ของ “ตัวกูเอง” นั่นแหละเป็นหลัก ด้วยเหตุนี้คอลัมนิสต์สื่อทางการจีน อย่าง “Ai Jung” เลยอดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามขึ้นมาประมาณว่า...ถ้าหากคุณน้อง “Agnes Chow” เธอดันไปเกิดที่ประเทศอังกฤษ แล้วคิดจะสร้างแรงกระตุ้น แรงบันดาลใจ ให้เกิดการแยกดินแดนสกอตแลนด์ ไอร์แลนด์เหนือ ออกจากบริเตนใหญ่ โดยมาตรฐานของสำนักข่าวอย่าง “บีบีซี” แล้ว จะยังคงตามไป “ดมทวาร” หรือยังจะพยายาม “เลียตูดเด็ก” อย่างเท่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้ หรือไม่? อย่างไร? อันถือเป็นคำถามที่ก่อให้เกิดความซู๊ดๆ ซ๊าดๆ ซี๊ดๆ ซ๊าดๆ ไม่น้อยไปกว่าการสาธยายเรื่อง “บีบีซี-ไทย” ของคุณพี่ “สนธิ ลิ้มฯ” เอาเลยก็ว่าได้...