xs
xsm
sm
md
lg

สั่งคลังเร่ง'คนละครึ่ง'เฟส2-วันนี้ลงทะเบียนเก็บตก7.2แสนสิทธิ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ผู้จัดการรายวัน360 - "ประยุทธ์" เผยเตรียมนำหลายมาตรการฟื้นฟูหลังโควิด-19 เข้าครม.สัปดาห์หน้า สั่งคลังทำการบ้าน "คนละครึ่งเฟส2" ศบค.ตีกลับข้อเสนอสธ.ไม่ลดวันกักตัวเหลือ 10 วัน สั่งทำข้อสรุปใหม่ หลังพบคำถามตามมาเพียบ เคาะต่ออายุพ.ร.ก.ฉุกเฉินอีก45วัน ตั้งแต่ 1ธ.ค.63-15 ม.ค.64 คุมสถานการณ์ช่วงปีใหม่ คลังลงทะเบียนโครงการ "คนละครึ่ง" ระยะที่ 1 รอบเก็บตก เพิ่มกว่า 7.2 แสนสิทธิ

วานนี้ (18 พ.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เปิดเผยภายหลังการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ว่า ช่วงวันหยุดหลายวันนี้ รัฐบาลพยายามหาทุกมาตรการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องคำนึงถึงเรื่องสุขภาพ เรื่องความปลอดภัย เรื่องของโควิด-19 ขณะเดียวกันต้องส่งเสริมในเรื่องของการท่องเที่ยว เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับห่วงโซ่เหล่านี้ ซึ่งเรื่องของการท่องเที่ยวและการบริการรัฐบาลก็มีทุกมาตรการออกไป

ส่วนของมาตรการในเรื่องของเงินทุนฟื้นฟู จะเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัปดาห์หน้า ซึ่งมีหลายโครงการทั้ง ปริมาณ จำนวน มากพอสมควรในการใช้จ่ายงบประมาณจากงบฟื้นฟูของโควิด-19

ขณะที่ประเด็นเรื่องการลดเวลากักตัวนั้น ยังไม่ได้พิจารณา อยากให้ได้ข้อยุติก่อน ก็ให้เวลาไปศึกษารายละเอียดอีกครั้ง ความจริงมันไม่ใช่เหลือกักตัว 10 วัน เพราะจริงๆ มันก็ 14 วันนั่นแหละ และในส่วนที่สองที่จะมีมาตรการควบคุมในพื้นที่ เดี๋ยวรอฟังอีกครั้งหนึ่งก็แล้วกัน ตอนนี้ยังไม่ได้มีการอนุมัติในเรื่องนี้ออกไป เดี๋ยวจะไม่เข้าใจกัน 10 วัน หรือ 14 วัน ซึ่งเราต้องมีมาตรการต่อเนื่องจาก 10 วันอยู่แล้ว

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงผลการประชุมศบค.ชุดใหญ่ ว่า ที่ประชุม ศบค. เพื่อพิจารณาความเหมาะสมการขยายเวลาต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักร ครั้งที่ 8 ออกไปอีกตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.63-15 ม.ค.64 เนื่องจากด้วยเหตุผลในการควบคุมโรคเป็นสำคัญ

โดยการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินครั้งนี้ เป็นการคร่อมช่วงเทศกาลปีใหม่ เพื่อดูแลเทศกาลปีใหม่ และสะดวกในการควบคุมโรค เนื่องจากจะมีการแข่งขันกีฬาแบดมินตันโลก การจัดการแข่งขันกีฬาแบดมินตันนานาชาติ BWF WOLD TOUR ที่จะจัดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งจะมีผู้คนจากต่างประเทศเดินทางเข้ามาประเทศไทยจำนวนมาก เราจึงจำเป็นต้องดูแลแขกต่างประเทศ

ส่วนกรณีข้อเสนอเรื่องการลดวันกักตัวผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ จาก 14 วัน เหลือ 10 วัน ให้อยู่ในพื้นที่ที่กำหนด เป็น Area Quarantine ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ พบว่าความเสี่ยงในการติดเชื้อไม่มีความแตกต่างจากการกักตัว 14 วัน เพราะจากการเก็บข้อมูลในสถานที่กักตัวนั้น พบว่าการตรวจเจอเชื้ออยู่ในระหว่างวันที่ 7 ของวันกักตัว แต่ที่ประชุมศบค. มีการตั้งคำถามจำนวนมาก จึงมีข้อสรุปว่าให้ถอนเรื่องนี้ไปก่อน

ทั้งนี้ ให้ที่ประชุมศบค.ชุดเล็ก และกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พูดคุยหารือและลงรายละเอียดอีก 2-4 สัปดาห์ ปลายเดือนหน้า แล้วนำเข้าที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่อีกครั้ง ยืนยันว่าที่ประชุมคิดกันอย่างรอบคอบ และยืนยันว่ายังเป็นการกักตัว 14 วัน แม้ทั่วโลกจะปรับเป็น 10 วัน แต่เราต้องคิดกันว่า หากจะเป็น 19 วัน จะทำอย่างไรที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนมากกว่านี้ในอีกเดือนกว่าๆ นี้ ศบค. และกระทรวงสาธารณสุขจะทำการบ้านเพิ่มเติม และเสนอรูปแบบใหม่เพิ่มเติมต่อไป




สั่งคลังทำการบ้าน “คนละครึ่ง”ระยะต่อไป

นายดนุชา พิชยนันทน์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงว่า นายกฯ ได้สั่งในที่ประชุมศบศ.ให้กระทรวงการคลังไปเร่งพิจารณาดูมาตรการคนละครึ่งในระยะต่อไป หลังพบช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายได้ดีมาก ส่วนจะปรับปรุงโครงการด้วยการเพิ่มวงเงิน หรือขยายระยะเวลาโครงการเพิ่มเติมอย่างไรนั้น กระทรวงการคลัง ต้องไปทำการบ้าน และเสนอมาให้ที่ประชุมศบศ. เห็นชอบในครั้งต่อไป ในวันที่ 2 ธ.ค.นี้

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบแพกเกจท่องเที่ยว สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เข้ามากักตัวและมาเที่ยวในประเทศไทย โดยนักท่องเที่ยวสามารถจองตั๋วเครื่องบิน ขอวีซ่า จองโรงแรมที่พักเป็นสถานที่กักตัว และแพกเกจทัวร์ ซึ่งจะต้องจ่ายเงินทันที ผ่านเว็บไซต์ของการบินไทย หรือ ททท. โดยมีแพกเกจให้เลือก 3 อย่าง คือ พัก 2 คืน ฟรี 1 คืน ในกรุงเทพฯ , พัก 2 คืนฟรี 1 คืน ในกรุงเทพฯ และเดินทางไปพักโรงแรมอื่น ด้วยรถยนต์ใกล้ๆ กรุงเทพฯ และตัวเลือกสุดท้าย พัก 3 คืน ฟรี 2 คืน ในกรุงเทพฯ และเดินทางไปพักโรงแรมอื่นในจังหวัดที่เดินทางไปได้ด้วยเครื่องบิน โดยแพกเกจนี้จะเริ่มตั้งแต่ วันที่ 1 ธ.ค.63 ถึง 31 มี.ค.64 และ เดินทางได้ถึง 30 เม.ย.64 โดย ททท.จะสนับสนุนเงินค่าเดินทางทั้งค่ารถ ค่าตั๋วเครื่องบินให้ โดยใช้เงินของททท.เองประมาณ 20 ล้านบาท

ที่ประชุมยังเห็นชอบการปรับสิทธิประโยชน์ ให้กับคนที่ซื้อบัตรสมาชิกไทยแลนด์ อีลิท ประเภทบัตรที่มีมูลค่าตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป และอายุบัตรตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป หรือเป็นสมาชิกเดิมที่อายุบัตรเหลือไม่ต่ำกว่า 5 ปี แล้วลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ บริษัทจดทะเบียนในไทย หรือลงทุนหุ้นตามเกณฑ์คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กำหนด มูลค่ารวมไม่น้อยกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายใน 1 ปีนับตั้งแต่ได้รับอนุมัติให้เป็นสมาชิก ก็สามารถขอใบอนุญาตทำงานสำหรับคนต่างด้าว (Work Permit)ได้ โดยระยะเวลาก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาความเหมาะสม เบื้องต้น ตั้งเป้าหมายขายบัตรนี้ให้ได้ประมาณปีละ 1,000 ใบ

นอกจากนี้ยังเห็นชอบข้อเสนอโครงการบริหารเศรษฐกิจระยะปานกลางและระยะยาว ชุดที่ 2 ทั้งการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอุตสาหกรรมยานพาหนะไฟฟ้า ทั้งโครงการรถแลกแจกแถม (รถเก่าแลกรถใหม่ 100,000 คัน) โครงการจักรยานยนต์ไฟฟ้าไทยชนะ และโครงการจัดหารถโดยสารเพื่อประชาชนของ ขสมก. โดยการเช่ารถโดยสารปรับอากาศไฟฟ้า ,ส่งเสริมอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ ,ส่งเสริมการจ้างงาน ,สนับสนุนการเดินทางเข้ามาประเทศไทยของชาวต่างชาติ และการบริหารจัดการภาครัฐด้านการเงินและการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งที่ประชุมมอบหมายให้คณะอนุกรรมการฯ ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป




ลงทะเบียนเก็บตก'คนละครึ่ง'7.2แสนสิทธิวันนี้

นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) วานนี้ (18 พ.ย.) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งให้กระทรวงการคลังเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งเพิ่มเติมอีกครั้งในวันนี้ (19 พ.ย.) จำนวน 722,598 สิทธิ โดยเป็นการรวบรวมสิทธิคงเหลือจากผู้ลงทะเบียนที่ไม่ผ่านการตรวจสอบสิทธิในรอบที่ผ่านมา จึงเชิญชวนประชาชนที่สนใจเตรียมลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com ระหว่างเวลา 06.00 น. - 23.00 น. จนกว่าจะครบจำนวนที่กำหนดไว้

อย่างไรก็ดี ผู้ลงทะเบียนจะต้องไม่เคยได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่งมาก่อน และผู้ประสงค์จะใช้สิทธิโครงการคนละครึ่งจะไม่สามารถใช้สิทธิมาตรการช้อปดีมีคืนได้ สำหรับการเปิดให้ลงทะเบียนเพิ่มเติมจำนวนกว่า 7 แสนสิทธิดังกล่าว เป็นการเปิดให้ลงทะเบียนเพื่อให้ครอบคลุมผู้เข้าร่วมโครงการตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ 10 ล้านคน

นายพรชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีได้สั่งการเพิ่มเติมให้กระทรวงการคลังพิจารณารายละเอียดหลักเกณฑ์เงื่อนไขที่เหมาะสมสำหรับโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 ตลอดจนพิจารณาความเป็นไปได้ในการขยายโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอีกด้วย

สำหรับความคืบหน้าล่าสุด ณ วันที่ 18 พฤศจิกายน 2563 เวลา 12.00 น. มีร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 7.17 แสนร้านค้า และมีผู้ใช้สิทธิแล้วจำนวน 8,773,534 คน โดยมียอดการใช้จ่ายสะสม 18,797 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 9,581 ล้านบาท และภาครัฐร่วมจ่ายอีก 9,216 ล้านบาท ยอดใช้จ่ายเฉลี่ย 200 บาทต่อครั้ง ซึ่งจังหวัดที่มีการใช้จ่ายสะสมมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สงขลา นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และเชียงใหม่ ตามลำดับ

พร้อมกันนี้ รองโฆษกกระทรวงการคลัง ได้กำชับและขอความร่วมมือประชาชนและร้านค้าให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขของโครงการ และอย่าหลงเชื่อการเชิญชวนของผู้ไม่หวังดี ที่เสนอจะช่วยหาประโยชน์จากโครงการ โดยไม่ได้ทำการซื้อขายสินค้าจริง ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงการคลังได้มีการระงับสิทธิร้านค้าที่มีพฤติการณ์เข้าข่ายกระทำผิดเงื่อนไขโครงการแล้ว และได้ส่งเอกสารหลักฐานให้แก่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) เพื่อสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีกับร้านค้าต่อไป

นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังได้รับความร่วมมือจากกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่กวดขันไม่ให้ร้านธงฟ้าและร้านค้าทั่วไปที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าซึ่งเป็นการเอาเปรียบประชาชนผู้บริโภค


กำลังโหลดความคิดเห็น