“ธนาธร” ยกเลิกกำหนดการลงพื้นที่ “สุราษฎร์” ช่วยหาเสียง อบจ. โผล่เล่นสเกตฯที่ “พังงา” เชื่อปรับแผนกะทันหันหลังโดนตะเพิดที่ “เมืองคอน” สะพัด “ภูเก็ต” แห่ต้าน เจ้าของสถานที่ขอยกเลิกให้เช่าห้องประชุมเปิดตัวผู้สมัครคณะก้าวหน้า
จากกรณีที่มีการแพร่ภาพคลิปวิดิโอขณะมวลชนสวมเสื้อสีเหลืองจำนวนหนึ่งได้เข้าห้อมล้อม และขวางรถยนต์คันหนึ่ง ที่เชื่อว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า โดยสารอยู่ และได้ด่าทอนายธนาธรเกี่ยวกับจุดยืนต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 11 พ.ย. ที่ จ.นครศรีธรรมราช แต่นายธนาธรที่อยู่ในระหว่างลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครนายกและสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ของคณะก้าวหน้าหาเสียงในพื้นที่ภาคใต้ ก็ได้ชี้แจงว่า ไม่ได้รับอันตราย และไม่ได้อยู่ในรถคันดังกล่าว นั้น
วานนี้ (12 พ.ย.) นายธนาธร และคณะได้เดินทางไปธารน้ำร้อนปลายพู่ ต.ท่านา อ.กะปง จ.พังงา เพื่อช่วย นายสุทธิโชค ทองชุมนุม ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ.พังงา ในนามคณะก้าวหน้า หาเสียง และได้สำรวจพื้นที่ธารน้ำร้อยเพื่อหาแนวทางพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่จะสร้างรายได้ให้กับจังหวัด โดยได้พบปะพูดคุยกับประชาชนในพื้นที่และตัวแทนชุมชน ขณะที่ประชาชนที่เดินทางมาท่องเที่ยวต่างเข้ามาให้กำลังใจและขอถ่ายรูปเป็นจำนวนมาก
จากนั้นทวิตเตอร์ “คณะก้าวหน้า – Progressive Movement” ได้ทวีตคลิปวิดีโอในขณะที่ นายธนาธร เล่นเซิร์ฟสเก็ต ระหว่างเยี่ยมชมโรงงานผลิตเซิร์ฟบอร์ดแห่งหนึ่งใน จ.พังงา พร้อมระบุว่า เป็นการศึกษาแนวนโยบายฟื้นฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยวภูเก็ต-พังงา ที่ต้องปรับตัวหลังโควิด-19 สร้างแหล่งท่องเที่ยวริมหาด ดึงดูดนักท่องเที่ยว คู่กับการพัฒนาลานกิจกรรม ส่งเสริมกิจกรรมเชิงกายภาพให้เยาวชนในพื้นที่
อย่างไรก็ดี มีรายงานข่าวแจ้งว่า เดิมทีนายธนาธรมีกำหนดการลงพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อช่วย นายพงษ์ศักดิ์ โพธิครูประเสริฐ ผู้สมัครนายก อบจ.สุราษฎร์ธานี ของคณะก้าวหน้าหาเสียง ในวันที่ 12 พ.ย. แต่มีการยกเลิกกำหนดการลงพื้นที่กะทันหัน โดยคาดว่าเป็นเพราะเจอการต่อต้านที่ จ.นครศรีธรรมราช และก่อนหน้านี้ก็พบว่ามีการโพสต์ข้อความผ่านสังคมออนไลน์ จ.สุราษฎร์ธานี ประกาศไม่ต้อนรับนายธนาธรเป็นจำนวนมาก จึงมีการปรับกำหนดการไปที่ จ.พังงา ซึ่งเดิมกำหนดการในวันที่ 13 พ.ย.แทน
ทั้งนี้ทางคณะก้าวหน้ายืนยันว่า ไม่ได้เป็นการยกเลิกการลงพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานีตามที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ เพียงแต่มีการปรับเลื่อนกำหนดการหาเสียงในจังหวัดต่างๆ และยังคงเดินสายช่วยผู้สมัคร อบจ.ในนามคณะก้าวหน้าหาเสียงในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งช่วงเย็นวันเดียวกัน (12 พ.ย.) นายธนาธร ก็ได้เดินทางไปยัง จ.ภูเก็ต เพื่อร่วมวางแผนและหาเสียงให้กับผู้สมัคร อบจ.ของคณะก้าวหน้า
รายงานข่าวจาก จ.ภูเก็ต แจ้งว่า ภายหลังจากที่คณะก้าวหน้าภูเก็ตได้เผยแพร่หนังสือเชิญร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัวผู้สมัครนายก อบจ.-ส.อบจ.ภูเก็ต และนโยบายเพื่อชาวภูเก็ต โดยนายธนาธร พร้อมด้วย นายสรวุฒิ ปาลิมาพันธ์ ผู้สมัครนายก อบจ.ภูเก็ต ในวันที่ 14 พ.ย.63 เวลา 13.00-15.00 น. ณ ห้องประชุมหมี่หุ้นแกงปู บ.ภูเก็ตพัฒนาเมือง BAAN BEYOND ชั้น 1 ออกไปนั้น ปรากฏว่า ในสังคมออนไลน์ของ จ.ภูเก็ต ได้แชร์หนังสือของ บ.พัฒนาศูนย์เศรษฐกิจ จำกัด ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 11 พ.ย. แจ้งยกเลิกให้บริการห้องประชุมแถลง "เปิดตัวผู้สมัครนายก อบจ.และสมาชิกสภา อบจ.ภูเก็ตของคณะก้าวหน้าภูเก็ต" โดยมีเนื้อหาระบุว่า บริษัทฯ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นแต่อย่างใด ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวขัดต่อเจตนารมณ์ของบริษัทฯ ที่จะต้องดำรงในความเป็นกลางทางการเมือง จึงได้แจ้งยกเลิกการให้บริการไปยังผู้ประสานงานการใช้ห้องประชุมในวันและเวลาดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกันก็มีชาวภูเก็ตบางส่วนออกมาโพสต์แสดงจุดยืนไม่ต้อนรับนายธนาธร และอีกบางส่วนได้โพสต์ในลักษณะเชิญชวนให้ไปต้อนรับนายธนาธร เหมือนกรณีที่ จ.นครศรีธรรมราช ด้วย
อีกด้าน นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงเหตุการณที่เกิดขึ้นกับนายธนาธรว่า คิดว่าปัญหากรณีของนายธนาธรคงไม่ลุกลาม และน่าจะเป็นเรื่องการเมืองใหญ่ ไม่ใช่เรื่องของท้องถิ่น เป็นความแตกแยกทางความคิดที่บางครั้งดูแล้วสุดโต่งของแต่ละฝั่ง ที่ต่างคนต่างมีความคิดเป็นของตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนกังวล โดยเฉพาะปัญหาทางความคิดที่สุดขั้วเกินไป เป็นเรื่องที่ต้องประนีประนอม และหาข้อยุติ อยากให้ทุกฝ่ายถอยคนละก้าว
ขณะที่ รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดี ฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Harirak Sutabutr ตอบโต้กรณีที่นายธนาธรระบุให้ ผู้ที่ออกมาขับไล่ ถามตัวเองว่ากำลังตกหลุมพรางเดิมๆอยู่หรือไม่ หลุมพรางก็คือมีการสร้างฝันร้ายขึ้นมาให้คนกลัว ทำให้ไม่กล้าตื่นขึ้นมามองอนาคต และความเป็นไปได้ใหม่ๆ ว่า น่าสังเกตว่า โพสต์นี้ของคุณธนาธร ดูเหมือนจะเขียนด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว และเหมือนจะพยายามโยงเรื่องที่ไม่เกี่ยวกันให้เป็นเรื่องเดียวกัน ข้อเขียนจึงค่อนข้างสับสนคลุมเครือ ไม่เป็นเหตุเป็นผลสักเท่าใด การที่คุณธนาธรบอกว่า ให้คิดให้ดีว่าใครยังได้ประโยชน์จากสิ่งชั่วร้ายเหล่านี้อยู่ และเขาคือคนคนเดียวกับที่สร้างฝันร้ายมาหลอกหลอนประชาชน การโพสต์ข้อความแบบนี้ แสดงว่าคุณธนาธรไม่ได้ยินเสียงของประชาชนที่ออกมาขับไล่ตัวเองเลย จึงได้เฉไฉตอบโต้แบบออกทะเลเช่นนี้
“ข้อความหรือ message ที่ประชาชนเหล่านั้น เขาพยายามจะสื่อถึงคุณธนาธร เป็นข้อความที่ไม่ซับซ้อน และชัดเจนมาก พวกเขาพยายามบอกคุณธนาธรว่า คุณธนาธรจะทำอะไร จะสร้างประเทศจะทำให้การเมืองก้าวหน้า และทำสังคมให้ดีขึ้น ทำอะไรก็ทำไปเลย ไม่มีใครว่า ขออย่างเดียวอย่ามาแตะต้องสถาบันพระมหากษัตริย์ แค่นั้นเอง”
รศ.หริรักษ์ ระบุด้วยว่า ประชาชนส่วนใหญ่เขาทนกันไม่ได้แล้วกับการที่บอกว่าการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นการทำเพื่อความสง่างามของสถาบันเอง แต่พฤติกรรมที่แสดงออกของพวกต้องการปฏิรูป กลับลบหลู่ ย่ำยี และล้อเลียนองค์พระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์กันอย่างสนุกสนาน และหนักข้อขึ้นทุกวัน พวกเขาเห็นว่า คุณธนาธรก็เห็นดีเห็นงาม และไม่เคยตำหนิการกระทำเหล่านั้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว เขาจึงเชื่อว่าคุณธนาธรกับม็อบคณะราษฎร 2563 เป็นเนื้อเดียวกัน แยกกันไม่ออก เขาจึงออกมาประท้วงขับไล่
จากกรณีที่มีการแพร่ภาพคลิปวิดิโอขณะมวลชนสวมเสื้อสีเหลืองจำนวนหนึ่งได้เข้าห้อมล้อม และขวางรถยนต์คันหนึ่ง ที่เชื่อว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า โดยสารอยู่ และได้ด่าทอนายธนาธรเกี่ยวกับจุดยืนต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 11 พ.ย. ที่ จ.นครศรีธรรมราช แต่นายธนาธรที่อยู่ในระหว่างลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครนายกและสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ของคณะก้าวหน้าหาเสียงในพื้นที่ภาคใต้ ก็ได้ชี้แจงว่า ไม่ได้รับอันตราย และไม่ได้อยู่ในรถคันดังกล่าว นั้น
วานนี้ (12 พ.ย.) นายธนาธร และคณะได้เดินทางไปธารน้ำร้อนปลายพู่ ต.ท่านา อ.กะปง จ.พังงา เพื่อช่วย นายสุทธิโชค ทองชุมนุม ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ.พังงา ในนามคณะก้าวหน้า หาเสียง และได้สำรวจพื้นที่ธารน้ำร้อยเพื่อหาแนวทางพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่จะสร้างรายได้ให้กับจังหวัด โดยได้พบปะพูดคุยกับประชาชนในพื้นที่และตัวแทนชุมชน ขณะที่ประชาชนที่เดินทางมาท่องเที่ยวต่างเข้ามาให้กำลังใจและขอถ่ายรูปเป็นจำนวนมาก
จากนั้นทวิตเตอร์ “คณะก้าวหน้า – Progressive Movement” ได้ทวีตคลิปวิดีโอในขณะที่ นายธนาธร เล่นเซิร์ฟสเก็ต ระหว่างเยี่ยมชมโรงงานผลิตเซิร์ฟบอร์ดแห่งหนึ่งใน จ.พังงา พร้อมระบุว่า เป็นการศึกษาแนวนโยบายฟื้นฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยวภูเก็ต-พังงา ที่ต้องปรับตัวหลังโควิด-19 สร้างแหล่งท่องเที่ยวริมหาด ดึงดูดนักท่องเที่ยว คู่กับการพัฒนาลานกิจกรรม ส่งเสริมกิจกรรมเชิงกายภาพให้เยาวชนในพื้นที่
อย่างไรก็ดี มีรายงานข่าวแจ้งว่า เดิมทีนายธนาธรมีกำหนดการลงพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อช่วย นายพงษ์ศักดิ์ โพธิครูประเสริฐ ผู้สมัครนายก อบจ.สุราษฎร์ธานี ของคณะก้าวหน้าหาเสียง ในวันที่ 12 พ.ย. แต่มีการยกเลิกกำหนดการลงพื้นที่กะทันหัน โดยคาดว่าเป็นเพราะเจอการต่อต้านที่ จ.นครศรีธรรมราช และก่อนหน้านี้ก็พบว่ามีการโพสต์ข้อความผ่านสังคมออนไลน์ จ.สุราษฎร์ธานี ประกาศไม่ต้อนรับนายธนาธรเป็นจำนวนมาก จึงมีการปรับกำหนดการไปที่ จ.พังงา ซึ่งเดิมกำหนดการในวันที่ 13 พ.ย.แทน
ทั้งนี้ทางคณะก้าวหน้ายืนยันว่า ไม่ได้เป็นการยกเลิกการลงพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานีตามที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ เพียงแต่มีการปรับเลื่อนกำหนดการหาเสียงในจังหวัดต่างๆ และยังคงเดินสายช่วยผู้สมัคร อบจ.ในนามคณะก้าวหน้าหาเสียงในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งช่วงเย็นวันเดียวกัน (12 พ.ย.) นายธนาธร ก็ได้เดินทางไปยัง จ.ภูเก็ต เพื่อร่วมวางแผนและหาเสียงให้กับผู้สมัคร อบจ.ของคณะก้าวหน้า
รายงานข่าวจาก จ.ภูเก็ต แจ้งว่า ภายหลังจากที่คณะก้าวหน้าภูเก็ตได้เผยแพร่หนังสือเชิญร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัวผู้สมัครนายก อบจ.-ส.อบจ.ภูเก็ต และนโยบายเพื่อชาวภูเก็ต โดยนายธนาธร พร้อมด้วย นายสรวุฒิ ปาลิมาพันธ์ ผู้สมัครนายก อบจ.ภูเก็ต ในวันที่ 14 พ.ย.63 เวลา 13.00-15.00 น. ณ ห้องประชุมหมี่หุ้นแกงปู บ.ภูเก็ตพัฒนาเมือง BAAN BEYOND ชั้น 1 ออกไปนั้น ปรากฏว่า ในสังคมออนไลน์ของ จ.ภูเก็ต ได้แชร์หนังสือของ บ.พัฒนาศูนย์เศรษฐกิจ จำกัด ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 11 พ.ย. แจ้งยกเลิกให้บริการห้องประชุมแถลง "เปิดตัวผู้สมัครนายก อบจ.และสมาชิกสภา อบจ.ภูเก็ตของคณะก้าวหน้าภูเก็ต" โดยมีเนื้อหาระบุว่า บริษัทฯ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นแต่อย่างใด ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวขัดต่อเจตนารมณ์ของบริษัทฯ ที่จะต้องดำรงในความเป็นกลางทางการเมือง จึงได้แจ้งยกเลิกการให้บริการไปยังผู้ประสานงานการใช้ห้องประชุมในวันและเวลาดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกันก็มีชาวภูเก็ตบางส่วนออกมาโพสต์แสดงจุดยืนไม่ต้อนรับนายธนาธร และอีกบางส่วนได้โพสต์ในลักษณะเชิญชวนให้ไปต้อนรับนายธนาธร เหมือนกรณีที่ จ.นครศรีธรรมราช ด้วย
อีกด้าน นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงเหตุการณที่เกิดขึ้นกับนายธนาธรว่า คิดว่าปัญหากรณีของนายธนาธรคงไม่ลุกลาม และน่าจะเป็นเรื่องการเมืองใหญ่ ไม่ใช่เรื่องของท้องถิ่น เป็นความแตกแยกทางความคิดที่บางครั้งดูแล้วสุดโต่งของแต่ละฝั่ง ที่ต่างคนต่างมีความคิดเป็นของตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนกังวล โดยเฉพาะปัญหาทางความคิดที่สุดขั้วเกินไป เป็นเรื่องที่ต้องประนีประนอม และหาข้อยุติ อยากให้ทุกฝ่ายถอยคนละก้าว
ขณะที่ รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดี ฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Harirak Sutabutr ตอบโต้กรณีที่นายธนาธรระบุให้ ผู้ที่ออกมาขับไล่ ถามตัวเองว่ากำลังตกหลุมพรางเดิมๆอยู่หรือไม่ หลุมพรางก็คือมีการสร้างฝันร้ายขึ้นมาให้คนกลัว ทำให้ไม่กล้าตื่นขึ้นมามองอนาคต และความเป็นไปได้ใหม่ๆ ว่า น่าสังเกตว่า โพสต์นี้ของคุณธนาธร ดูเหมือนจะเขียนด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว และเหมือนจะพยายามโยงเรื่องที่ไม่เกี่ยวกันให้เป็นเรื่องเดียวกัน ข้อเขียนจึงค่อนข้างสับสนคลุมเครือ ไม่เป็นเหตุเป็นผลสักเท่าใด การที่คุณธนาธรบอกว่า ให้คิดให้ดีว่าใครยังได้ประโยชน์จากสิ่งชั่วร้ายเหล่านี้อยู่ และเขาคือคนคนเดียวกับที่สร้างฝันร้ายมาหลอกหลอนประชาชน การโพสต์ข้อความแบบนี้ แสดงว่าคุณธนาธรไม่ได้ยินเสียงของประชาชนที่ออกมาขับไล่ตัวเองเลย จึงได้เฉไฉตอบโต้แบบออกทะเลเช่นนี้
“ข้อความหรือ message ที่ประชาชนเหล่านั้น เขาพยายามจะสื่อถึงคุณธนาธร เป็นข้อความที่ไม่ซับซ้อน และชัดเจนมาก พวกเขาพยายามบอกคุณธนาธรว่า คุณธนาธรจะทำอะไร จะสร้างประเทศจะทำให้การเมืองก้าวหน้า และทำสังคมให้ดีขึ้น ทำอะไรก็ทำไปเลย ไม่มีใครว่า ขออย่างเดียวอย่ามาแตะต้องสถาบันพระมหากษัตริย์ แค่นั้นเอง”
รศ.หริรักษ์ ระบุด้วยว่า ประชาชนส่วนใหญ่เขาทนกันไม่ได้แล้วกับการที่บอกว่าการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นการทำเพื่อความสง่างามของสถาบันเอง แต่พฤติกรรมที่แสดงออกของพวกต้องการปฏิรูป กลับลบหลู่ ย่ำยี และล้อเลียนองค์พระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์กันอย่างสนุกสนาน และหนักข้อขึ้นทุกวัน พวกเขาเห็นว่า คุณธนาธรก็เห็นดีเห็นงาม และไม่เคยตำหนิการกระทำเหล่านั้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว เขาจึงเชื่อว่าคุณธนาธรกับม็อบคณะราษฎร 2563 เป็นเนื้อเดียวกัน แยกกันไม่ออก เขาจึงออกมาประท้วงขับไล่
