"ม็อบราษฎร 63 " ยึดอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ทำพิธีฌาปนกิจรัฐบาล วางดอกไม้จันทน์ หน้ารูป "บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม" พร้อมให้มวลชนเขียนข้อความ จดหมาย นำไปใส่ตู้ไปรษณีย์จำลองที่ทำจากถังขยะสีแดง ก่อนเคลื่อนขบวนฝ่าแนวกั้นมุ่งหน้าสำนักพระราชวัง
วานนี้ (8พ.ย.) เป็นวันที่กลุ่มผู้ชุมนุมคณะราษฎร นัดชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในเวลา 16.00 น. ก่อนเคลื่อนขบวนไปถวายฎีกา"ราษฎรสาส์น" ต่อในหลวง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนถึงเวลานัดหมายทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้ทะยอยมาที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยโดยยึดพื้นที่ด้านร้านแมคโดนัล ขณะที่กลุ่มมวลชน ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) ก็ได้ทยอยมารวมตัวกันที่บริเวณฟุตบาทริมถนนราชดำเนิน ฝั่งเมธาวลัย ศรแดง ซึ่งบางช่วงได้มีการยั่วยุกัน ระหว่างมวลชนทั้งสองฝ่าย จนเกือบมีการกระทบกระทั่งกัน แต่แกนนำทั้งสองฝ่าย ก็ดึงมวลชนของตนกลับมาได้
ขณะที่เพจเยาวชนปลดแอก-Free YOUTH โพสต์ข้อความถึงผู้ชุมนุมว่า ให้รอฟังการสื่อสารในพื้นที่ชุมนุม ผ่านรถซาเล้งสีแดงติดลำโพงของเราตลอดแนวขบวน และขอให้นำอุปกรณ์ป้องกันตนเองเบื้องต้น กระดาษ และเครื่องเขียน เพื่อทำป้ายรวมถึงจดหมายราษฎรสาส์น มาด้วย แล้วร่วมกันนำป้ายข้อเรียกร้องของท่าน มาชูให้พรึบทั่วราษฎรดำเนิน
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำลวดหนาม แท่งแบริเออร์ และรถเมล์จำนวนหลายคัน มาปิดกั้นบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนผ่านไปยังบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า และทำเนียบรัฐบาล
เรียกร้องนายกฯ-ผบ.ทบ.ทำรัฐประหาร
นายจักรพงษ์ กลิ่นแก้ว แกนนำ ศปปส. กล่าวว่า พวกตนมาสังเกตการณ์การการจาบจ้วง ดูหมิ่นเบื้องสูง ซึ่งจากการสังเกตมีการแต่งตัวล้อเลียน และใช้คำพูดเสียดสีเหมือนเดิม และมีการใช้วาจาเพิ่มระดับขึ้นไปอีก ซึ่งการชุมนุมของเราจะเป็นการปักหลักเพื่อสังเกตการณ์เท่านั้น เพื่อนำเสนอข้อมูลให้พี่น้องชาวไทยได้รับทราบ ว่าการกระทำของบุคคลพวกนี้ เหมาะสมแล้วหรือไม่ โดยเราจะรวมตัวกันถึง 17.00 น. ก็จะแยกย้าย แต่ถ้ามีเหตุการณ์ล่อแหลม เราก็จะขยับเวลาแยกย้ายให้เร็วขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการปะทะกัน ยืนยันว่าจะไม่มีเหตุการณ์ม็อบชนม็อบแน่นอน
นายกฤตย์ เยี่ยมเมธากร เลขาธิการเครือข่ายประชาชนปกป้องสถาบันฯ กล่าวว่า ในวันนี้ (9 พ.ย.) เวลา 09.00 น. สมาชิกเครือข่ายฯ นัดรวมตัวกันที่หน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นจดหมายเปิดผนึกให้นายกรัฐมนตรี จากนั้นจะเดินมาหน้ากองทัพบก เพื่อยื่นจดหมายเปิดผนึกถึง ผู้บัญชาการทหารบก เพื่อเรียกร้องให้มีการรัฐประหาร ชัตดาวน์ประเทศ โดยจะมีแถลงการณ์ของเครือข่ายฯ เพื่อแถลงรายละเอียดให้ทราบอีกครั้ง ในฐานะประชาชนของประเทศไทยทุกจังหวัด จากนั้นได้ประกาศยุติการชุมนุมไปเมื่อเวลา 16.00 น. เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการกระทบกระทั่งกันของมวลชน
ม็อบจัดฌาปนกิจรัฐบาล'บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม'
ด้านกลุ่มผู้ชุมนุมคณะราษฎร ได้มีการนำภาพของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ มาวางไว้หน้าโลงศพจำลอง พร้อมตั้งกระถางธูป และวางดอกไม้จันทน์ ที่ด้านหน้าภาพด้วย นอกจากนี้ ยังมีการนำป้ายไวนิลขนาดใหญ่ ที่พิมพ์ภาพ อาทิ พล.อ.ประยุทธ์ , พล.อ.ประวิตร , น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ , นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมข้อความป้ายงานฌาปนกิจ
เคลื่อนขบวนไปส่งจดหมาย
ส่วนกิจกรรม ราษฎรสาส์น ที่ให้มวลชนเขียนข้อความ จดหมายนั้น ได้มีการนำถังขยะมาทำเป็นตู้ไปรษณีย์จำลองสีแดง ไว้ 4 ตู้ ที่บริเวณหน้าอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา เพื่อใช้สำหรับให้ส่งข้อความ จดหมาย
ต่อมาได้มีการประกาศแจ้งให้กลุ่มผู้ชุมนุม ตั้งขบวนที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อจะเดินขบวนไปยังสำนักพระราชวัง ในเวลา 18.00 น. และจะไปจุดเดียว ไม่มีการใช้วิธีดาวกระจาย หากพบเจ้าหน้าที่สกัดกั้น จะใช้วิธีเข้าเจรจา ส่วนสามารถเคลื่อนขบวนไปได้แค่ไหน ก็แค่นั้น เพื่อไปยื่นจดหมายที่ราษฎรเขียน
จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้เคลื่อนขบวนมุ่งหน้าสำนักพระราชวัง (วัดพระแก้ว) เพื่อนำตู้ไปรษณีย์ไปส่งที่หน้าสำนักพระราชวัง เพื่อเป็นการแสดงออกทางสัญญลักษณ์ เมื่อหัวขบวนเดินมาถึงบริเวณหน้าศาลฎีกา ก็เจอแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่นำรถเมล์มาจอดขวางทางไว้ ซึ่งผู้ชุมนุมพยายามดันรถเมล์เพื่อเปิดทาง ทำให้เจ้าหน้าที่ที่อยู่ด้านหลังแนวรถเมล์ซึ่งมีรถฉีดน้ำแรงดันสูงอยู่ด้วย ได้ฉีดน้ำใส่ผู้ชุมนุม จนเกิดความโกลาหลขึ้น สร้างความไม่พอใจแก่ผู้ชุมนุมที่เจ้าหน้าที่ฉีดน้ำโดยไม่มีการแจ้งเตือน
อย่างไรก็ตาม ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ประกาศขอโทษถึงเรื่องการฉีดน้ำว่า เพื่อป้องกันกลุ่มผุ้ชุมนุมบุกฝ่าแนวกันไปอาจเกิดอันตรายได้ อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ชุมนุมยังคงพยายามฝ่าแนวกั้นโดยเคลื่อนย้ายรถเมล์ที่ขวางทาง รื้อแนวรั้วลวดหนามเพื่อนำตู้ไปรษณีย์ไปส่ง ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งแถวพร้อมโล่ ตรึงกำลังบริเวณด้านหน้าศาลหลักเมือง เพื่อสกัดไม่ให้ผู้ชุมนุมเข้าเขตพระราชฐาน
ต่อมาได้มีการเจรจาเพื่อตั้งตู้จดหมาย ที่บริเวณหน้าศาลฎีกาช่วงติดกับศาลหลักเมือง เพื่อให้แกนนำและมวลชนเข้าไปหย่อนจดหมายลงตู้ ก่อนส่งมอบผ่านเจ้าหน้าที่นำไปส่งที่สำนักพระราชวัง จากนั้นอ่านแถลงการณ์ ประกาศสลายการชุมนุมโดยให้ผู้ชุมนุมที่ส่งจดหมายแล้วเดินทางกลับ
วานนี้ (8พ.ย.) เป็นวันที่กลุ่มผู้ชุมนุมคณะราษฎร นัดชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในเวลา 16.00 น. ก่อนเคลื่อนขบวนไปถวายฎีกา"ราษฎรสาส์น" ต่อในหลวง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนถึงเวลานัดหมายทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้ทะยอยมาที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยโดยยึดพื้นที่ด้านร้านแมคโดนัล ขณะที่กลุ่มมวลชน ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) ก็ได้ทยอยมารวมตัวกันที่บริเวณฟุตบาทริมถนนราชดำเนิน ฝั่งเมธาวลัย ศรแดง ซึ่งบางช่วงได้มีการยั่วยุกัน ระหว่างมวลชนทั้งสองฝ่าย จนเกือบมีการกระทบกระทั่งกัน แต่แกนนำทั้งสองฝ่าย ก็ดึงมวลชนของตนกลับมาได้
ขณะที่เพจเยาวชนปลดแอก-Free YOUTH โพสต์ข้อความถึงผู้ชุมนุมว่า ให้รอฟังการสื่อสารในพื้นที่ชุมนุม ผ่านรถซาเล้งสีแดงติดลำโพงของเราตลอดแนวขบวน และขอให้นำอุปกรณ์ป้องกันตนเองเบื้องต้น กระดาษ และเครื่องเขียน เพื่อทำป้ายรวมถึงจดหมายราษฎรสาส์น มาด้วย แล้วร่วมกันนำป้ายข้อเรียกร้องของท่าน มาชูให้พรึบทั่วราษฎรดำเนิน
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำลวดหนาม แท่งแบริเออร์ และรถเมล์จำนวนหลายคัน มาปิดกั้นบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนผ่านไปยังบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า และทำเนียบรัฐบาล
เรียกร้องนายกฯ-ผบ.ทบ.ทำรัฐประหาร
นายจักรพงษ์ กลิ่นแก้ว แกนนำ ศปปส. กล่าวว่า พวกตนมาสังเกตการณ์การการจาบจ้วง ดูหมิ่นเบื้องสูง ซึ่งจากการสังเกตมีการแต่งตัวล้อเลียน และใช้คำพูดเสียดสีเหมือนเดิม และมีการใช้วาจาเพิ่มระดับขึ้นไปอีก ซึ่งการชุมนุมของเราจะเป็นการปักหลักเพื่อสังเกตการณ์เท่านั้น เพื่อนำเสนอข้อมูลให้พี่น้องชาวไทยได้รับทราบ ว่าการกระทำของบุคคลพวกนี้ เหมาะสมแล้วหรือไม่ โดยเราจะรวมตัวกันถึง 17.00 น. ก็จะแยกย้าย แต่ถ้ามีเหตุการณ์ล่อแหลม เราก็จะขยับเวลาแยกย้ายให้เร็วขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการปะทะกัน ยืนยันว่าจะไม่มีเหตุการณ์ม็อบชนม็อบแน่นอน
นายกฤตย์ เยี่ยมเมธากร เลขาธิการเครือข่ายประชาชนปกป้องสถาบันฯ กล่าวว่า ในวันนี้ (9 พ.ย.) เวลา 09.00 น. สมาชิกเครือข่ายฯ นัดรวมตัวกันที่หน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นจดหมายเปิดผนึกให้นายกรัฐมนตรี จากนั้นจะเดินมาหน้ากองทัพบก เพื่อยื่นจดหมายเปิดผนึกถึง ผู้บัญชาการทหารบก เพื่อเรียกร้องให้มีการรัฐประหาร ชัตดาวน์ประเทศ โดยจะมีแถลงการณ์ของเครือข่ายฯ เพื่อแถลงรายละเอียดให้ทราบอีกครั้ง ในฐานะประชาชนของประเทศไทยทุกจังหวัด จากนั้นได้ประกาศยุติการชุมนุมไปเมื่อเวลา 16.00 น. เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการกระทบกระทั่งกันของมวลชน
ม็อบจัดฌาปนกิจรัฐบาล'บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม'
ด้านกลุ่มผู้ชุมนุมคณะราษฎร ได้มีการนำภาพของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ มาวางไว้หน้าโลงศพจำลอง พร้อมตั้งกระถางธูป และวางดอกไม้จันทน์ ที่ด้านหน้าภาพด้วย นอกจากนี้ ยังมีการนำป้ายไวนิลขนาดใหญ่ ที่พิมพ์ภาพ อาทิ พล.อ.ประยุทธ์ , พล.อ.ประวิตร , น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ , นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมข้อความป้ายงานฌาปนกิจ
เคลื่อนขบวนไปส่งจดหมาย
ส่วนกิจกรรม ราษฎรสาส์น ที่ให้มวลชนเขียนข้อความ จดหมายนั้น ได้มีการนำถังขยะมาทำเป็นตู้ไปรษณีย์จำลองสีแดง ไว้ 4 ตู้ ที่บริเวณหน้าอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา เพื่อใช้สำหรับให้ส่งข้อความ จดหมาย
ต่อมาได้มีการประกาศแจ้งให้กลุ่มผู้ชุมนุม ตั้งขบวนที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อจะเดินขบวนไปยังสำนักพระราชวัง ในเวลา 18.00 น. และจะไปจุดเดียว ไม่มีการใช้วิธีดาวกระจาย หากพบเจ้าหน้าที่สกัดกั้น จะใช้วิธีเข้าเจรจา ส่วนสามารถเคลื่อนขบวนไปได้แค่ไหน ก็แค่นั้น เพื่อไปยื่นจดหมายที่ราษฎรเขียน
จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้เคลื่อนขบวนมุ่งหน้าสำนักพระราชวัง (วัดพระแก้ว) เพื่อนำตู้ไปรษณีย์ไปส่งที่หน้าสำนักพระราชวัง เพื่อเป็นการแสดงออกทางสัญญลักษณ์ เมื่อหัวขบวนเดินมาถึงบริเวณหน้าศาลฎีกา ก็เจอแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่นำรถเมล์มาจอดขวางทางไว้ ซึ่งผู้ชุมนุมพยายามดันรถเมล์เพื่อเปิดทาง ทำให้เจ้าหน้าที่ที่อยู่ด้านหลังแนวรถเมล์ซึ่งมีรถฉีดน้ำแรงดันสูงอยู่ด้วย ได้ฉีดน้ำใส่ผู้ชุมนุม จนเกิดความโกลาหลขึ้น สร้างความไม่พอใจแก่ผู้ชุมนุมที่เจ้าหน้าที่ฉีดน้ำโดยไม่มีการแจ้งเตือน
อย่างไรก็ตาม ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ประกาศขอโทษถึงเรื่องการฉีดน้ำว่า เพื่อป้องกันกลุ่มผุ้ชุมนุมบุกฝ่าแนวกันไปอาจเกิดอันตรายได้ อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ชุมนุมยังคงพยายามฝ่าแนวกั้นโดยเคลื่อนย้ายรถเมล์ที่ขวางทาง รื้อแนวรั้วลวดหนามเพื่อนำตู้ไปรษณีย์ไปส่ง ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งแถวพร้อมโล่ ตรึงกำลังบริเวณด้านหน้าศาลหลักเมือง เพื่อสกัดไม่ให้ผู้ชุมนุมเข้าเขตพระราชฐาน
ต่อมาได้มีการเจรจาเพื่อตั้งตู้จดหมาย ที่บริเวณหน้าศาลฎีกาช่วงติดกับศาลหลักเมือง เพื่อให้แกนนำและมวลชนเข้าไปหย่อนจดหมายลงตู้ ก่อนส่งมอบผ่านเจ้าหน้าที่นำไปส่งที่สำนักพระราชวัง จากนั้นอ่านแถลงการณ์ ประกาศสลายการชุมนุมโดยให้ผู้ชุมนุมที่ส่งจดหมายแล้วเดินทางกลับ
